เรื่องราวบุปผาราตรี ดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆ เพราะเริ่มเดือดแบบสุดๆ กันแล้ว หลังจากที่ ต้อม ยุทธเลิศ นักเขียนบท-ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของผลงานหนังเรื่องนี้ โพสต์ไอจีฟาดเดือดเตือนถึงคนที่คิดจะเคลมหนังเรื่องนี้ จนกลายเป็นกระแสร้อนไปแล้ว

ซึ่งทางด้าน ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud ก็ได้ออกมาชี้แจงในส่วนของตน รวมไปถึง พิง ลำพระเพลิง ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวแบบเผ็ดร้อน จนทำให้ดราม่าเรื่องนี้ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะมาสรุปดราม่าร้อน บุปผาราตรี ให้ได้อ่านกัน 


จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ 

- เมื่อต้นปี 2568 มีงานแถลงข่าวว่าภาพยนตร์ "บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล" จะเป็นการกลับมาของ "บุปผาราตรี" ในปี 2026 แต่เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งจาก บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล เป็น "บุปผา" (Buppha The Movie) ที่ค่าย Be On Cloud ที่เปิดตัวไป โดยมี พิง ลำพระเพลิง เป็นผู้กำกับ ร่วมกับ ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud 

- วันที่ 21 สิงหาคม 2568 มีข่าวออกมาว่า Be On Cloud เผยรายชื่อ 5 นักแสดงหลัก ภาพยนตร์ บุปผา (BupphaTheMovie) ขนดาราระดับท็อป อาโป ณัฐวิญญ์, เจษ เจษฎ์พิพัฒ, อิงฟ้า วราหะ, ฟรีน สโรชา และ แจ๊ส ชวนชื่น (ผดุง ทรงแสง) เตรียมประชันฝีมือ

บุปฝา เดอะ มูฟวี่ ของBe On Cloud
บุปฝา เดอะ มูฟวี่ ของBe On Cloud

...




 ต้อม ยุทธเลิศ โพสต์เตือนครั้งที่ 1 

- จากนั้น ต้อม ยุทธเลิศ ได้ออกมาโพสต์เตือนครั้งที่ 1 แจ้งให้ทราบว่า บุปผาราตรี ตนคือเจ้าของลิขสิทธิ์และจักรวาลของหนังแต่เพียงผู้เดียวบนโลกใบนี้ 

- ยังไม่เคยอนุญาตให้ใครเอาไปทำภาคต่อ มีเพียงครั้งเดียวที่อนุญาตให้ทำใหม่คือ บุปผาราตรี เดอะมิวสิคัล ซึ่งขอลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย 

- แต่ถ้าในแบบหนังภาคต่อ ต้อมยืนยันว่า ไม่มี ที่จะมีคือ Buppha in New York  หรือ บุปผาราตรี 5 ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาบท

- และตนยังคงอยู่ในตำแหน่งเขียนบท กำกับภาพยนตร์ และเจ้าของจักรวาลบุปผาแต่เพียงผู้เดียว 

- พร้อมกับฝากเตือนคนที่คิดจะเคลม กรุณาหยุด ถือว่าได้เตือนกันแล้ว 

ต้อม ยุทธเลิศ
ต้อม ยุทธเลิศ


 ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud เคลื่อนไหว 

- หลังจากนั้น ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทาง X โดยมีข้อความว่า ในชีวิตไม่เคยมีครั้งไหนที่ละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ชอบให้ใครมาละเมิดลิขสิทธิ์

- สำหรับโปรเจกต์ที่ต้องทำการขออนุญาตใช้สิทธิ์ ตนได้ทำสัญญาขออนุญาตใช้สิทธิ์ในชื่อเรื่องและเค้าโครงเรื่องอย่างเป็นทางการและได้ชำระเงินค่าตอบแทนในการใช้สิทธิ์ถึงบริษัทที่ถือลิขสิทธิ์โดยตรงแต่แรกเริ่ม และมีหลัักฐานในการดำเนินงานเป็นลายลักษณ์อักษร 


 Be On Cloud ร่อนแถลงการณ์ฉบับเต็ม

- ล่าสุด บี ออน คลาวด์ (Be On Cloud) บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “บุปผา” ก็ได้โพสต์จดหมายชี้แจงถึงประเด็นการทำภาพยนตร์อย่างละเอียด พร้อมทั้งยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และพิจารณาดําเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนําสัญญาฉบับเก่าที่ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว มาเผยแพร่สู่สาธารณะ

- ในแถลงการณ์ระบุว่า แถลงการณ์ บริษัท บี ออน คลาวด์ จํากัด เรื่อง การชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการภาพยนตร์ 'บุปผา’ วันที่ 24 สิงหาคม 2568

- จากกรณีที่มีการกล่าวถึงและเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการภาพยนตร์เรื่อง “บุปผา (Buppha)” นั้น บริษัท บี ออน คลาวด์ จํากัด ขอใช้พื้นที่นี้ในการชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อทุกฝ่าย

- บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า โครงการภาพยนตร์ "บุปผา (Buppha)” ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในชื่อเรื่องและเค้าโครงเรื่องอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้ทําขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรกับ บริษัท ฟิล์มรีพับบลิค จํากัด ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ โดยสัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มีความตั้งใจและยึดมั่นในการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นสําคัญดังนี้

- ประเด็นแรก เรื่องการสื่อสารที่ชัดเจนว่า "ไม่ใช่ภาคต่อ” นั้น บริษัทฯ ตระหนักดีและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ต้องสื่อสารให้ ชัดเจนว่า ภาพยนตร์บุปผาจะถูกนําเสนอในฐานะภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นใหม่โดยสมบูรณ์ และไม่ใช่ภาคต่อ (Sequel) ของภาพยนตร์ "บุปผาราตรี" แต่อย่างใด

...

- ประเด็นต่อมาภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนําแรงบันดาลใจจาก "ชื่อและเค้าโครงเรื่อง” ที่ได้รับอนุญาต มาตีความและ สร้างสรรค์ผ่านมุมมองของผู้กํากับและทีมงานชุดใหม่ เพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง โดยบริษัทฯ ได้ดําเนินการออกแบบอัตลักษณ์ของภาพยนตร์ขึ้นใหม่ทั้งหมด รวมถึงการใช้ตัวอักษร (ฟอนต์) ของชื่อเรื่องที่แตกต่างจากต้นฉบับอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนและเป็นการให้เกียรติผลงานดั้งเดิม ตามเงื่อนไขในสัญญาที่ตกลงจะไม่นําลักษณะตัวหนังสือแบบเดียวกับบุปผาราตรีทั้ง 4 ภาค มาใช้ในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น

- สําหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อหรือบุคคลภายนอกที่ใช้คําว่า “รีบูท” หรือ “ภาคต่อ” นั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่า มิได้เกิด ขึ้นจากการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทฯ และเมื่อรับทราบถึงความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ทางบริษัทฯ ได้ดําเนินการติดต่อไปยังเพจดังกล่าวเพื่อขอให้มีการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด ด้วยตระหนักดีถึงความสําคัญของประเด็นดังกล่าว

- นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการนําเอกสารซึ่งเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางธุรกิจ อันเป็นสัญญาฉบับเก่าที่ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว มาเผยแพร่สู่สาธารณะ บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่สัญญาฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อโครงการนี้ การกระทําในลักษณะดังกล่าวซึ่งมีเจตนาให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อสาธารณชน ถือเป็นการกระทําที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อหลักการปฏิบัติทางธุรกิจที่ดี และเพื่อปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมและความไว้วางใจที่สาธารณชนมีต่อโครงการของเรา บริษัทฯ จึงขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาดําเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม เพื่อระงับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อไป

- บริษัทฯ ขอยืนยันว่า เราให้ความสําคัญและเคารพต่อทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหัวใจสําคัญในการดําเนินธุรกิจเสมอมา การดําเนินการทุกขั้นตอนของโครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสและข้อตกลงทางกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาโครงการภาพยนตร์ “บุปผา” ต่อไปอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพสู่สายตาผู้ชม สุดท้ายนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นในการเจรจาอย่างมืออาชีพ และจะดําเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมของบริษัทฯ ต่อไป

...

ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud
ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud


 ต้อม ยุทธเลิศ โพสต์เตือนครั้งที่ 2 

- ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ต้อม ยุทธเลิศ โพสต์เตือนเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์เรื่อง บุปผาราตรี ว่าตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวบนโลกนี้ และทุกคนรู้ว่าต้อมเป็นคนทำหนังเรื่องนี้

- ต้อมออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของตนเองว่า หลังจากที่ประกาศเตือนรักเคลมหน้าใหม่ดีๆ แต่ผลที่ได้ อีกฝ่ายบอกว่าตนไม่เป็นมืออาชีพ และจะฟ้องตนโดยอ้างว่าได้ถือลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง 

- ซึ่งต้อมได้สรุปเอาไว้ว่า ย้อนไปสักปีกว่า พิง ลำพระเพลิง โทรมาหาตนว่าขอใช้ชื่อบุปผาราตรีเฉยๆ จะคิดเท่าไหร่ 

- ต้อมก็ถามกลับไปว่า ทำไมไม่คิดใหม่ ซึ่งพิงให้คำตอบว่า ถ้าคิดใหม่นายทุนจะไม่ให้เงิน

- เพราะเห็นว่าพิงเป็นเพื่อน เพื่อนคงลำบาก ก็เลยเซ็นให้ใช้เป็นเวลา 2 ปี และมีข้อแม้ในสัญญาว่า หนังที่จะลงทุนจะชื่ออะไรก็ได้ แต่พิงต้องเป็นผู้กำกับเท่านั้น 

...

- หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง พิงได้ติดต่อกลับมาอีกครั้งบอกว่าหนังยังไม่ได้เปิดกล้อง เพราะทุนเดิมไม่พอ ต้องขอทุนใหม่ แต่นายทุนใหม่ขอแก้สัญญา ขอใส่ชื่อตัวเองต่อท้าย ชื่อนายทุนเดิมในการถือครองสิทธิ์ร่วมกัน

- ต้อมบอกว่า ตนสงสารเพื่อน เพราะถ้าตนไม่เซ็นพิงก็จะลำบาก ซึ่งตนไม่ได้ลำบากอะไร ซึ่งเท่าที่ดูแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้มีการแก้ไขส่วนอื่นใดในสัญญา ซึ่งต้อมก็เซ็นใหม่ให้โดยไม่ได้เรียกร้องค่าลิขสิทธิ์เพิ่ม 

- หลังจากนั้นมีการเปิดตัวหนังที่ยิ่งใหญ่ นักเคลมหน้าใหม่นั่งคู่ผู้กำกับพิง แต่ไร้ชื่อนายทุนเดิมผู้ถือลิขสิทธิ์ร่วม และไร้การสื่อสารที่ชัดเจนตามสัญญาที่ว่า หนังบุปผาราตรี มาลี รัตติกาล ไม่ใช่ภาคต่อของบุปผาราตรีของยุทธเลิศ แต่ตนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเพื่อนยังคงเป็นผู้กำกับอยู่ 

- แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีคนส่งข่าวมาให้ นักเคลมหน้าใหม่ได้ออกข่าวเปลี่ยนชื่อใหม่ เปลี่ยนนักแสดงใหม่ ลบทิ้งเรื่องเก่า แล้วก็ไม่เอาพิงกำกับแล้ว ต้อมบอกว่า นี่คือสิ่งที่ตนรับไม่ได้ 

- ต้อม ยุทธเลิศ บอกว่า ตนรู้ว่าพิงเป็นคนดี ดีจนไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้ และนั่นคือเหตุให้ตนต้องออกมาเตือน แต่อีกฝ่ายกลับขู่จะฟ้องตน ซึ่งถ้าจะเลือกทางนี้ ตนก็พร้อมจะจัดให้

- ต้อมให้อีกฝ่ายกลับไปอ่านสัญญาที่ถืออยู่ให้ดี ตั้งแต่ที่เอาพิงออก ก็ได้ทำผิดสัญญาฉบับนั้นไปเรียบร้อยแล้ว สัญญานั้นถือเป็นโมฆะ และไม่ใช่สัญญาที่ถูกต้อง และตนผู้อนุญาตมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายได้ 

- และนับจากนี้ อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อบุปผาอีกต่อไป และถ้าดึงดันจะใช้ชื่อบุปผาต่อ ไม่ว่าจะเป็นบุปผาอะไรก็ตามแต่ เตรียมรับหมายศาล และเงินประกันตัวไว้ได้เลย

- ไม่ว่าใครก็ตาม ที่แชร์ข้อความอันเป็นเท็จของอีกฝ่าย ต้อมจะจัดการให้หมด 

    

บุปผาราตรี ของต้อม ยุทธเลิศ
บุปผาราตรี ของต้อม ยุทธเลิศ


 ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย Be On Cloud เคลื่อนไหวอีกครั้ง

- หลังจากที่มีดราม่าร้อน ปอนด์ ก็ได้ออกมาทวิตข้อความผ่าน X อีกครั้งว่า พวกเราตั้งใจดี และเต็มที่ทุกคน เราเคารพทุกอย่างทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง บุปผาราตรี 

- ปอนด์เชื่อเสมอว่าตำนานคือสิ่งที่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก สิ่งที่เราทำได้คือการนำแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่นั้นมาตีความในมุมมองของเราเพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมา

- นี่คือเหตุผลที่ทีมงานตัดสินใจตีความและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้รับสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลงานที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่จริงๆ ที่ยังคงมีจิตวิญญาณเดิมที่เรารักและเคารพ โดยไม่กระทบต่อความทรงจำที่ดีที่ทุกคนมีต่อต้นฉบับ

- การใช้ชื่อบุปผาก็เช่นกัน ตนและทีมนี่คือภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นใหม่จากกลุ่มคนที่มีศรัทธาในหนังไทย และเป็นแฟนตัวยงของบุปผาราตรีมาก่อน

    

 ผู้กำกับเลว ออกมาเคลื่อนไหว

- จากนั้นใน X แอ็กเคาต์ผู้กำกับเลว ได้มีการโพสต์บทความสนทนาเกี่ยวกับหนังเรื่อง บุปผา เอาไว้ว่า 

- EP1 #บุปผา เป็นบทสนทนาของ แจ๊ส, ดาว, ยุทธ และ แจง ซึ่งแจ๊สบอกว่าไม่เห็นพิงในกอง จากนั้นดาวบอกว่า พิงน่าสงสาร ยุทธจึงถามต่อว่าทำไมพิงไม่ได้กำกับ ก่อนที่แจ๊สจะบอกว่าถ้ารู้ว่าพิงไม่ได้กำกับตนก็จะไม่เล่นยุทธจึงบอกว่าแต่ชื่อของแจ๊สเป็นผู้อำนวยการสร้าง และแจงบอกว่า เขาไปใส่เอง ไม่ได้บอกเรา 

- EP2 #BupphaTheMovie เป็นบทสนทนาของ ยุทธกับพิงว่า เกิดอะไรขึ้น ซึ่งพิงบอกว่า ตนไม่ได้กำกับแล้ว ซึ่งยุทธได้ถามต่อว่า เขารู้รึเปล่า ไม่มีพิงหนังไปต่อไม่ได้ ซึ่งพิงบอกว่า เขาบอก หนังไปต่อได้โดยไม่ต้องมีพิง ซึ่งพิงยังบอกให้ยุทธใจเย็นๆ มีอะไรให้ตนช่วย ซึ่งยุทธสวนกลับว่า จะช่วยอะไรได้ โดนขนาดนี้ยังไปกดไลก์อีกฝ่ายอยู่เลย 


 พิง ลำพระเพลิง ออกมาตอบโต้ 

- จากนั้น พิง ลำพระเพลิง ได้แชร์ข้อความของ ผู้กำกับเลว ในโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมตอบโต้เรื่องนี้ว่า สาบานด้วยชีวิตของตน ชีวิตเมีย ชีวิตลูก ถ้าตนพูดสิ่งที่เห็นในโพสต์นี้แม้แต่คำเดียว ให้ตายทั้งโคตร ใครก็ตามที่กุเรื่องนี้ขึ้นมา กล้าไปวัดพระแก้ว ไปสาบานด้วยชีวิตลูกของตนที่เหลือมั้ย

- และ ถึงผู้กำกับเลว ฟังนะ ตนไม่ได้อัดเสียงที่คุยกันเอาไว้ ไม่คิดร้ายกับใครขนาดนั้น คุยกันที่หน้าบ้านที่มีกล้องวงจรปิด กำลังติดต่อเขาอยู่ และฟังนะ เขียนบทมาสามสิบปี สิ่งที่จะทำต่อไปคือ จะไปหาตำรวจไซเบอร์ มีเบอร์อยู่ในเครื่องนะ ถ้าเสียงจากกล้องวงจรปิดไม่ชัดพอ จะไปขอเสียงจากตำรวจไซเบอร์ ฟังนะ ตนจะไปกราบเท้าขอออกรายการโหนกระแส ถ้าแน่จริงว่าไม่ได้โกหกมาเจอตนได้ พร้อมกับช่วยกันแชร์ให้ถึงโหนกระแสด้วยนะทุกคน พร้อมกับฝากถึงอีกฝ่ายว่า เห็นอนาคตแกรึยัง

- ด้าน แอ็กเคาต์ผู้กำกับเลว ใน X ก็ตอบโต้เรื่องนี้ทันทีว่า… “งานด่วน แอดมินขอตอบแทนนะคะว่า ผู้กำกับเลวพร้อมออกโหนกระแสค่ะ ถ้านัดโหนกระแสได้แล้วโทร.ไปหาเขาได้เลยค่ะ”

- ก่อนที่ข้อความจะถูกลบไปจากเฟซบุ๊กของพิง

- ทางด้าน ปอนด์ Be On Cloud ก็ได้ออกมาโพสต์ X เช่นกันว่า… “พวกเรารักและส่งกำลังใจให้พี่พิงเสมอนะครับ รูปที่สามนี้พี่พิงถ่ายเองวันนี้ เรากำลังมีความสุขกันเลย กำลังงงว่าคนที่พยายามมาทำให้บรรยากาศความสุขหายไปนี่ เค้าทำเพื่ออะไร ผมเป็นกำลังใจให้พี่พิงและตัวผมเองด้วยครับวงการภาพยนตร์ไทยครั้งนี้ โพสต์ทั้งหมดนี่ขออนุญาต พี่พิงแล้วครับ”

- และปอนด์ได้โพสต์ X อีกว่า “จะไม่ให้คนรุ่นใหม่ได้เกิดเลยมั้ง หวานเกินคุณน้า” และ “dior ในตู้สั่นไปหมดละ 5555”

- จากนั้น แอ็กเคานต์ผู้กำกับเลว ได้ทวิตข้อความต่อว่า มาแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อนตนแล้ว ชัดเจนว่าคือศัตรู ศัตรูผู้สมคบคิดกับนายใหม่ร่วมกันฉ้อโกงตนตั้งแต่แรก งั้นมารายการด้วย อยากเจอ แล้วการที่ดึงลูกตนที่เสียไปเข้ามาเกี่ยว หลังจบรายการ ต้องกราบขอโทษเขาต่อหน้าตน ไม่งั้นตนจะกระทืบให้จมดิน 



คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”


บุปผาราตรี มาลี รัตติกาล เปิดตัวไปเมื่อตอนต้นปี
บุปผาราตรี มาลี รัตติกาล เปิดตัวไปเมื่อตอนต้นปี


พิง ลำพระเพลิง
พิง ลำพระเพลิง