เรียกว่าประทับใจทั้งตัวนักแสดงและเอฟซีกันเลยทีเดียว เมื่อนักแสดงหนุ่ม อ้น สราวุธ มาตรทอง เล่าถึงความประทับใจเมื่อเจ้าตัวใช้บริการรถแท็กซี่คันหนึ่งเพื่อจะไปเรียนหนังสือ แต่ปรากฏว่าคนขับรถคนนี้เป็นเอฟซีของเจ้าตัว และไม่เคยเจอกันมาก่อน


ซึ่งในอินสตาแกรม @aonsarawut_sky ได้โพสต์คลิปตอนที่นั่งรถแท็กซี่และเขียนแคปชั่นว่า “วันนี้ผมเสียน้ำตาในรถแท็กซี่ละ ไว้มาเล่าให้ฟัง -- พูดได้เลยว่า เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความหมายดีดีกับชีวิตของผมเลย #ถ้าเล่าให้ฟังมีน้ำตาซึม”

...

หลังจากนั้น อ้น สราวุธ ก็ได้โพสต์ภาพคู่กับคนขับรถแท็กซี่ที่สร้างความประทับใจให้เจ้าตัวจนต้องเสียน้ำตา พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “ผมนั่งน้ำตาไหลในรถแท็กซี่เลย ...........

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวาน (18•07•2025) เรียกแท็กซี่จะไปเรียนหนังสือเพราะไม่อยากขับรถไป ต้องใช้เวลาถึงมืด คิดว่าการเรียกแท็กซี่น่าจะตอบโจทย์ที่สุด ซึ่งผมใช้บริการบ่อยทีเดียว แต่ครั้งนี้ต่างออกไปมาก -- นั่งรถมาสักพัก พอกำลังบอกจุดหมายปลายทางและเส้นทางที่ต้องการ พี่แท็กซี่ทำท่าตกใจ! หันกลับมามองแบบจริงจังจนผมเองก็ตกใจ (เพราะรถยังไม่ได้จอด) กรี๊ดคับ เค้ากรี๊ดดังมาก จนจอดรถแล้วหันมาขอผมจับมือ นี่ใช่คุณอ้น สราวุธ จริงๆ ใช่มั้ย???

(จากโพสต์อันก่อนนี้) ที่พี่เค้าขอถ่ายรูปผม ผมก็ให้สัญญาไป -- แต่ท้ายที่สุดแล้วผมกลับเป็นคนที่อยากถ่ายรูปเค้าเก็บไว้จดจำมากที่สุดด้วยเหตุผลที่ทำผมนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ ไปพักนึงระหว่างฟังเรื่องราวที่ออกมาจากปากคนคนนี้ -- อยากเจอคุณมานานมาก ชอบมาก ไม่สิ รักมาก ในวันที่คุณเจอเรื่องร้ายๆ เราติดตามอยู่ เราว่าคุณดูเป็นคนจริงจังกับชีวิต เราห่วงว่าคุณจะผ่านมันไปได้มั้ย ... 

เราไม่รู้จะเจอคุณได้ยังไง เราเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่ตัวเล็กๆ โอกาสที่จะเจอกันคงยากเหลือเกิน ... สิ่งที่เราทำได้คือ เรากับแฟนซึ่งชอบคุณมากเหมือนกัน ตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิ ขอพร ให้คุณมีบารมีเพิ่มขึ้น มีแรงผ่านเรื่องร้ายๆ นั้นไปให้ได้ ถ้าคุณจะล้ม เราขอเป็นต้นหญ้าให้คุณล้มลงมาแล้วเจ็บปวดน้อยที่สุดก็พอ ... เราตั้งใจทำแบบนี้ อธิษฐานจิตอยู่แบบนี้เป็นเดือน จนคอยติดตาม เห็นข่าวว่าคุณเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ เรากับแฟนก็ดีใจ

........................

น้ำตาผมไหลไม่หยุดเลย

ในวันที่ชีวิตเจอบาดแผลที่แสนสาหัสจนเกือบเอาตัวไม่รอด

ในวันที่ผมต้องเผชิญหน้ากับผู้คนจำนวนมาก กับสื่อบางสำนักที่ล้อเล่นกับความทุกข์ของผม ครอบครัวและคนใกล้ชิดที่ทุกคนมีน้ำตา และผมรู้สึกเหมือนว่าเป็นฆาตกรที่ทำลายความสุขของคนที่ผมรักทุกคน -- โดยที่น้อยคนจะเข้าใจเห็นใจว่าเราโดนขโมยชีวิตส่วนตัวไปทำเงิน -- แต่ก็ช่างเถอะ ผมก็ได้เรียนรู้เรื่องความอดทน การให้อภัย การปล่อยวาง รวมถึงการไม่รับวางความคาดหวังจากใครมาแบกไว้เหมือนอย่างเคย... พบว่ามันก็เป็นชีวิตที่เบาสบายขึ้นมาก

เวลาเยียวยาทุกสิ่ง และประสบการณ์ทั้งดีร้ายก็เป็นครูที่ยอดเยี่ยมที่สุด ขัดเกลาให้เราเป็นตัวเราที่เติบโตขึ้นในแบบที่เราภูมิใจมากขึ้นด้วย

ผมขอบคุณ พี่มานิ จาดเมืองนะคับ ผมอยากบอกพี่ว่า ...

“ความรักและความเมตตาแบบที่พี่ทำให้ผมนี้ เป็นหนึ่งในของขวัญที่มีค่ามากที่สุดที่ผมเคยได้รับในชีวิตผมเลยคับ ดีใจที่เราได้เจอกันคับ”


คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม