เปิดใจสาวสวยหุ่นปัง! ยิปซี คีรติ ในรายการ Glow On podcast with Grace จากสาวคลีนสุดขีด สู่บาลานซ์ไดเอต แชร์บทเรียนชีวิต “สุขภาพไม่ใช่เรื่องแค่หุ่น” สุดโต่งกับการลดน้ำหนักจนต้องเผชิญกับ Eating Disorder และ Body Dysmorphia ชี้ทางลัดลดน้ำหนักไม่ใช่คำตอบ เน้นย้ำถึงการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งการกินที่สมดุล การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ และการออกกำลังกายที่พอดี
ความเชื่อของการกินที่ดีในตอนนี้?
ยิปซี : ตอนนี้ก็คืนสู่สามัญ คือบาลานซ์ไดเอตที่รู้สึกว่าเวิร์คกับชีวิตตัวเองจริงๆ และอยู่ได้ยาวๆ ความคิดที่ผิดก็คือ ความสุดโต่ง ที่เคยลองมาทั้งหมดเมื่อก่อน การคิดว่าอาหารบางอย่างเป็นอาหารต้องห้าม เช่น แป้ง กินให้น้อยที่สุด หรือ ไขมันจะทำให้เราอ้วน ไขมันเป็นศัตรู เราก็จะพยายามที่จะไม่กิน มีช่วงหนึ่งก็คือเป็นแบบกินน้อยมากๆ หรือแบบพยายามเลี่ยงให้มากที่สุด เคยพยายามนับแคลแต่ว่าก็ไม่ได้นับแบบเป๊ะขนาดนั้น
สิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่าได้ผล?
ยิปซี : ลองผิดลองถูก เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เคร่งครัดมาก เช่น คัตคาร์บ งดไขมัน และออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง โดยเชื่อว่าถ้า กินน้อย + ใช้พลังงานเยอะ = ผอม ซึ่งก็ได้ผลจริงในระยะแรก แต่น้ำหนักลดอยู่ไม่นาน ก่อนจะโยโย่กลับมา ร่างกายเริ่มต่อต้านจากความเครียดที่สะสม ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งมากขึ้น ทำให้น้ำหนักนิ่งไม่ลด ทั้งที่ยังควบคุมอาหารและออกกำลังกายหนักเหมือนเดิม เราเป็นคนมีวินัยไม่ยอมแพ้ ออกกำลังกายเยอะขึ้นแล้วเราก็กินให้น้อยลง
...
มีช่วงที่อ้วนไหม?
ยิปซี : รู้สึกว่าตัวเองป่วยจิต มองว่ารูปร่างยังไม่ดีพอ พอมาหาหมอแล้วก็ปรึกษารู้ว่าเป็น Eating Disorder คือ กึ่งๆ ค่อนไปทาง Anorexia นิดๆ จะเป็นเหมือนแบบพยายามไม่กิน แต่ว่าไม่ได้เป็น Bulimia ไม่เคย ไม่เคยกินแล้วล้วงคอ ก็คือจะกลัวอาหาร จะเป็นแบบมี Bad Relationship กับอาหาร รู้สึกว่าเหมือนไม่กล้ากิน กินแล้วรู้สึกผิด ไม่ได้กลัวแบบเห็นอาหารแล้วก็กลัว ไม่ใช่กลัวแบบนั้น เรายังอยากกินอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเรารู้สึกว่าจะเยอะไปไหม น้ำหนักจะขึ้นไหม
คุณหมอวินิจฉัยว่ายังไง?
ยิปซี : มารู้ทีหลังคือตอนที่เราผ่านลองผิดมา แต่เราไม่เคยหาหมอ เรามาหาหมอ เรารู้ว่าที่เราเห็นว่า เราอ้วน เรายังไม่สวยพอ หุ่นเรายังไม่ดี เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder หรือ Body Dysmorphia คือการที่เราเป็นเหมือนเห็นตัวเราในกระจก แต่มันเป็นการเห็นที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปมาก เหมือนคนบางคนเขาเห็นจริงๆ ว่าเขาน่าเกลียดแล้วคน 100 คนก็แบบเห็นว่าก็ดูดี เราเคยเป็นโรคนั้น
กระทบถึงจิตใจยังไง?
ยิปซี : ร้องไห้เป็นบ้าคลั่งกับเพื่อนสนิท ในขณะที่คนชมสวยมาก กดไลก์ให้ แต่เราก็คือโทรหาเพื่อน วันนี้รู้สึกอัปลักษณ์แล้วก็ร้องไห้ ร้องไห้ทำงานไม่ได้ ร้องไห้เป็นแบบบ้า ไม่ใช่แค่นอยด์ มันเกินไปแล้ว มันคือป่วยแบบทางนี้
จุดที่ทำให้เราเปลี่ยนคืออะไร?
ยิปซี : เป็นเรื่องของความบังเอิญ เราเป็นซึมเศร้ามาก่อนแล้วเราก็เป็นแพนิก เราก็เลยตัดสินใจหาหมอเพื่อรักษาอาการแพนิกก่อน แพนิกส่วนหนึ่งมันจะเกิดจากความกังวลที่สะสมหรือความเครียด เราเลยตัดสินใจดูแลสุขภาพจิตด้วย อยากเริ่มต้นใหม่ อยากเป็นคนที่มี Healthy mind ตอนนั้นเราก็ได้รับการรักษาเรื่องนี้ไปด้วย เพราะมันเป็นหนึ่งในปมของเรา การที่เราเหมือนมี Negative Image หรือแบบมีความรู้สึกที่แย่กับร่างกายตัวเองมาตลอดโดยที่ไม่ได้รับการแก้ไข ตัดสินใจรักษา
ตอนนั้นที่รู้สึกแย่ๆ ช่วงนั้นเรากินอะไร?
ยิปซี : กินผิดมาตลอด เราพยายามปรับมาเป็นการกินที่มัน Sustainable มากขึ้น ผ่านยุคที่กินแคลน้อย แล้วก็ Obsess กับอาหาร อาหารบางอย่างจะเป็นสิ่งต้องห้าม ก็จะมียุคแรกที่เป็นแบบนั้นที่สุดโต่งสุดๆ พอมายุคที่ 2 ก็ปฏิวัติตัวเอง เริ่มเข้ายิม คนเริ่มเห็นว่าหุ่นดี มี Six Pack แต่จิตเราก็ยังป่วยอยู่
ตอนนั้นเราเริ่มที่จะปรับเพื่อการกิน ให้สุขภาพร่างกายเราดีขึ้น ยุคแรกเน้นผอมติดผอม คือ ผอมคือสวย ไม่ได้เน้นว่าแบบสุขภาพดี พอมายุค 2 เป็นยุคที่อยาก Healthy ก็คือเริ่มเล่นเวท เริ่มมีกล้ามเนื้อ เริ่มมี Six Pack แล้วก็กินคลีน ยุคนั้นเป็นยุคกินคลีน กินคลีนมันคือ Healthy จุดเปลี่ยนรู้สึกว่ากลับมาสู่ทางสายกลาง อะไรมากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น
ตอนที่กินคลีน แล้วกลับมากินแบบบาลานซ์มากขึ้น คือจุดที่รู้สึกว่าปลดล็อกแล้ว?
...
ยิปซี : ช่วงแรกๆ ยากมาก จากคนที่เคยกินคลีน แบบไม่มีโซเดียม ไม่มีไขมันเลย มันแทบไม่มีอะไรให้รู้สึกว่า อร่อยเลย กินก็ไม่ได้รู้สึกเอ็นจอยเท่าไหร่ กินเพราะรู้สึกว่ามันดีต่อร่างกายล้วนๆ ตอนนั้นคือแบบสุดโต่งมากเลยนะ เราคิดว่าโอเค ฉันจะดูแลตัวเองแล้วนะ ทุกมื้อที่กินเหมือนกับว่ากินเพราะมันมีประโยชน์
ไม่ได้กินเพราะมันอร่อย กินผักก็กินไปแบบนั้นก็โอเค ไม่ได้ทรมานมาก อยู่ได้ แต่ถามว่าอร่อยไหม มันก็สู้การกินอาหารทั่วไปไม่ได้อยู่ดี เราหยุดกินคลีนไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ ถ้าจะให้ทำต่อเรื่อยๆ ก็ทำได้ แต่มันมาถึงจุดที่เราเริ่มติดขัด เพราะเรารู้สึกว่า เราอยู่ได้ แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก เวลาที่ไปกินข้าวกับเพื่อน กับแฟน กับครอบครัว คนรอบตัวเราไม่ได้กินแบบเราไง
แล้วเราก็เริ่มเห็นว่าการกินมันเป็นส่วนที่ใหญ่มากในชีวิตนะ วันหนึ่งเรากินตั้ง 3 มื้อ มันไม่ใช่แค่เพื่อให้ร่างกายมีพลัง แต่มันคือโมเมนต์ มันคือประสบการณ์ และมันคือการได้เชื่อมโยงกับคนที่เรารัก ซึ่งตรงนั้นมันก็มีคุณค่าในแบบของมันเหมือนกัน
ตอนที่เรากินคลีน ความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้างเป็นยังไง?
ยิปซี : เราทำให้คนรอบข้างอึดอัด เพราะว่าตอนนั้นเวลาไปเจอเพื่อน หรือไปกินข้าวข้างนอก พี่จะกินมาแล้วจากบ้าน ซึ่งเพื่อนก็รู้แหละว่าเราคุมอาหารอยู่ แต่พอไปถึงร้าน เพื่อนเขาก็กินกันปกติ ส่วนเราก็แค่นั่งจิบน้ำ มันก็รู้สึกแปลกๆ ในมุมมองส่วนตัว ถ้าใครยังรู้สึกว่าการกินคลีนมันทำได้ยั่งยืน และมันทำให้ชีวิตเขามีความสุข ก็โอเค แต่แค่สำหรับพี่ พอลองใช้ชีวิตอีกแบบแล้ว พี่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันแฮปปี้กว่าเยอะ
...
แฟนเข้าใจไหม ตอนที่เราค่อย ๆ เปลี่ยนจากการกินคลีนมาเป็นบาลานซ์มากขึ้น?
ยิปซี : แฟนคนปัจจุบัน ตอนเริ่มเดตกันใหม่ๆ บอกเลยว่ามีปัญหาเยอะมาก เพราะว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ แล้วเขาก็มีสไตล์การกินแบบฝรั่งสุดๆ คือชอบพวกอาหารอิตาเลียนมาก ทั้งพาสต้า พิซซ่า จิบไวน์ ตัวพี่เองก็แพ้ทางอาหารอิตาเลียนหนักมาก เพราะชอบกินแป้ง ชอบคาร์บมาก ตอนนั้นก็ยังไม่กล้าเผย พยายาม Impress เขาด้วยลุคสาวคลีน จัดกล่องข้าวมากินเองตลอด
แต่พอเริ่มคลั่งรัก ไปเดตก็ต้องเต็มที่ เขาชวนไปกินอิตาเลียน เขาถามว่าชอบไหม เราบอกไปว่าชอบมาก ทั้งที่จริงก็มีแอบชะงักเหมือนกัน เพราะมันต่างจากสไตล์ที่เรากินมาตลอด แต่เพราะเป็นช่วงเดต ก็เลยปล่อยตัวเต็มที่ กินทุกอย่างแบบแฮปปี้มาก
ผ่านไปแค่เดือนเดียว น้ำหนักขึ้น 5 กิโลเลย หน้ากลม กางเกงเริ่มคับ แล้วพอไปชั่งน้ำหนักก็ช็อก เพราะปกติเลิกชั่งไปแล้วหลังจากเคยมีช่วงที่หมกมุ่นกับตัวเลขบนตาชั่งมากๆ จนกลายเป็นความเครียด ต้องเริ่มกลับมาหาตัวเองบ้าง เพราะเราก็มีงาน มีถ่ายละครด้วย น้ำหนักที่ขึ้นมันมีผลกับคอสตูมจริงๆ จนโดนทีมงานทักว่า ชุดดูแน่นขึ้นนะ
หลังจากนั้นก็เริ่มคุยกับเขาแบบตรงๆ ว่าเราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองนะ และอยากบาลานซ์ตรงนี้ให้มันลงตัว เพราะเราเข้าใจว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเอนจอยอาหารในแบบที่เขาชอบเหมือนกัน ช่วงแรกก็มีติดขัดบ้าง เพราะเราอยู่กันคนละขั้ว แต่ก็พยายามสลับกัน เช่น มื้อนึงกินตามใจ อีกมื้อเน้นเฮลตี้มากขึ้น แล้วสุดท้ายก็มาลงตัวที่การกินบาลานซ์
พอปรับ mindset ได้ว่าเราสามารถกินได้ทุกร้าน เลือกในปริมาณที่พอดี เช่น ไปกินอาหารอิตาเลียน เราจะเลือกเมนูโปรตีนอย่างสเต็กไก่หรือปลา หรือถ้ากินพิซซ่าก็อาจจะแค่ชิ้นเดียว ไม่ต้องจัดเต็มทั้งถาด แบบนี้ก็ยังได้อยู่กับโมเมนต์กินของอร่อย และยังดูแลตัวเองได้ด้วย ทุกวันนี้ก็เลยแฮปปี้มาก
...
ตอนนี้ความสัมพันธ์ก็แฮปปี้ไม่มีปัญหาเรื่องของการกิน?
ยิปซี : ไม่มีแล้วค่ะ ซึ่งมันก็ Surprising มากๆ เราไม่ได้คิดเลยนะว่าเราจะเปลี่ยนเขาได้ แต่พออยู่ด้วยกันนานๆ ตอนนี้ก็ประมาณ 7 ปีแล้ว เขาก็ค่อยๆ ซึมซับไลฟ์สไตล์ที่เราดูแลตัวเอง แบบไม่ได้บังคับ แต่เขาเริ่มหันมากินอาหารที่เฮลตี้ขึ้นมากๆ สารภาพนิดนึงนะว่าจริงๆ แล้ว พี่เคยใช้จิตวิทยาเกลี้ยกล่อมเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
มีช่วงนึงที่เขาแบบไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย กินก็ไม่ดี ไม่ออกกำลังกาย ก็อยากเคารพพื้นที่ส่วนตัวเขานะ แต่อีกใจนึงพอแต่งงานกันแล้ว เราก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ เรารู้เลยว่าพฤติกรรมบางอย่างที่เขาทำมันไม่เฮลตี้แน่ๆ จากความรู้ที่เราศึกษามา เราก็เลยใช้พลังแห่งความรัก มาไซโคนิดๆ แบบอ้อมๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนเลยค่ะ เริ่มถามเรามากขึ้นว่ากินอันนี้ดีไหม หรืออันนี้แย่ไหม แล้วก็เริ่มไปยิมกับเราบ่อยขึ้นด้วย เราก็แบบดีจังเลย
สำหรับคนที่มองว่ายิปซีเป็นไอดอลในเรื่องของหุ่น การกิน การออกกำลังกาย มีอะไรอยากฝากถึงคนที่อาจกำลังมีความคิดแบบว่า อยากผอมเร็ว อยากลดน้ำหนักไวไหม?
ยิปซี : สิ่งหนึ่งที่เราไม่สนับสนุนเลย คือผลิตภัณฑ์หรือวิธีการที่สัญญาว่า “ลงแรงน้อย แต่ได้ผลเร็ว” อันนี้คือสิ่งที่เราไม่เชื่อ และไม่เคยสนับสนุนเลย เพราะเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราเองก็เคยลงแรงเยอะมาก บางช่วงคือมากเกินไปด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายเราก็ยังต้องกลับมาเจอสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือทางสายกลาง มันรวมถึงทุกอย่างในชีวิตเรื่องการกิน การนอน การออกกำลังกาย ไลฟ์สไตล์ต่างๆ แต่ถ้าเราเจอจุดที่พอดีสำหรับตัวเราเอง มันจะทำให้เราทำต่อได้เรื่อยๆ และ Sustainable คำนี้สำคัญมาก
อาหารเช้า?
ยิปซี : กินแบบเน้นแป้ง เพราะเป็นคนชอบกินแป้ง ส่วนมากก็จะเป็นพวกขนมปัง แต่จะเลือกเป็นขนมปังแบบ Complex Carb พวกที่มีเมล็ดธัญพืช อีกอย่างที่ชอบมากคือ ข้าวโอ๊ต บางวันก็ทำเป็น Overnight Oats หรือบางทีก็ทำเป็น มัฟฟินโฮมเมด ซึ่งสูตรที่เราทำขายอยู่ด้วย ก็จะกินแบบนี้ตอนเช้า เราจะไม่ค่อยชอบกินอะไรที่เป็นของคาว หรือรสจัดๆ หนักๆ อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของเทสต์ส่วนตัวด้วย
อาหารกลางวัน?
ยิปซี : กลางวันก็อะไรได้ ข้าวแบบไก่กระเทียมไข่ดาว ชอบอาหารตามสั่ง เราว่ามันอร่อยดี
อาหารเย็น?
ยิปซี : อาหารเย็นจะประมาณ 17:00-18:00 น. ถือว่าเลตแล้วเพราะว่า 20:00 น. นอนแล้ว ก็เลยพยายามเป็นที่มาของแบบจะไม่กินอะไรที่แบบมันหนัก อะไรที่มันต้องแบบย่อยเยอะๆ ใช้พลังงานในการย่อยเยอะ เราจะพยายามให้เหมือนแบบเขาได้ทำค่อยๆ Cool Down ลง ก็จะพยายามกินอะไรเบาๆ ถ้าเป็นไปได้เราจะพยายามกินอะไรที่น้ำมันน้อย มื้อเย็นก็จะถ้าเลือกได้ก็จะกินอะไรที่มันเป็น ซุป เป็น ต้ม หรือบางทีก็แบบถ้าอยากกินแซ่บจริง ๆ ก็กินเป็น ยำ จะพยายามเลี่ยงอะไรที่มันเป็นแบบผัดน้ำมันเยอะๆ หรือทอดตอนเย็น
นอนกี่โมง?
ยิปซี : เรานอน 20:00 น. แล้วก็ตื่น 4:00-5:00 น. ตื่นมาแล้วก็เราก็ Mental Health ไปแล้วก็แบบมี Morning Routine ก็แบบทำกาแฟรอเอาไว้ แล้วก็แบบไปแบบทำมัฟฟินรอเอาไว้
เท่ากับว่าไม่ค่อยเที่ยวผับ?
ยิปซี : ไม่เที่ยว เพราะว่าง่วง ไม่ได้อะไร ไม่ได้มันแบบเรียบร้อยหรืออะไร ฉันง่วง ฉันอยากนอน ฉันอยากกลับบ้าน โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ดีมาก ไปตรวจมา โกรทฮอร์โมนแบบเลิศมาก หลับครบทุกรอบ
คิดเรื่องมีลูกบ้างไหม?
ยิปซี : ใจหนึ่งก็มีความรู้สึกว่าอยากมี แต่อีกใจหนึ่งก็จะมีคำถามขึ้นมาเลยว่าแล้วมันจะดีกับเขาไหม เธอจะต้องเกิดมาเจออะไรบ้าง เขาจะอยากเกิดมาไหม กับ Environment โลกมันดูพุ่งลง
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม