หลังจากที่นักร้องหนุ่ม ซัน วงศธร หรือ ซัน ไมค์ทองคำ ได้ยกขันหมากทำพิธีสู่ขอ แพรวพราว แสงทอง อย่างเป็นทางการ โดยมีผู้ใหญ่ 2 ฝ่ายร่วมเป็นเกียรติและเป็นสักขีพยาน ก่อนจะโพสต์ภาพบรรยากาศแห่งความสุขให้แฟนๆ ได้ร่วมแสดงความยินดี พร้อมเผยกำหนดงานวิวาห์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2568 นี้

ล่าสุด แพรวพราวและซัน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวความรักของทั้งคู่เป็นครั้งแรก

- ฤกษ์แต่งงานวันที่ 27 ธ.ค. 2568 เป็นฤกษ์ที่ซันเป็นคนไปดูมาและเลือกเอง โดยตั้งใจจะเลือกวันที่ 27 ซึ่งก็มาได้เดือนธันวาคมพอดี และช่วงนั้นเราตั้งใจจะไม่รับงานด้วย

- เหตุผลที่แต่งงานกันปุบปับ ซันเผยว่า เริ่มต้นจากการที่เราได้ทำงานร่วมกันมาสักพักหนึ่งแล้ว การที่เราได้เจอกัน ทำงานด้วยกัน ถามว่าระยะเวลาสำคัญไหม มันก็สำคัญที่เราได้เรียนรู้กัน แต่สำหรับเรา 2 คน ซันมองว่า เขาเป็นผู้หญิงที่เก่ง ยอมรับเลยว่าเขาแข็งแกร่งในหลายๆ อย่าง

- สิ่งที่เราอยู่ตรงนี้เวลาเราเกิดความชอบ เราคุยกัน คบหากัน ในช่วงที่เราเริ่มคบหากัน ยังให้เกียรติกันอยู่ ยังไม่ออกสื่อ แต่เราว่าหลายๆ คนก็มองออกการที่ถ่ายรูปด้วยกัน การที่เรามาบ้านเขา มารับเขา เรามองว่าเขาโตแล้วและเขาก็มีลูกด้วย และธรรมเนียมของอีสานก็เคร่งด้วย เวลาเราเจอผู้ใหญ่ก็ไหว้ แต่ผู้ใหญ่เขาอาจจะคิดว่าเรามาเล่นๆ รึเปล่า เราก็เลยมานั่งตัดสินใจ

...

- ด้วยอายุเรา 23 แล้ว เรายังเติบโตได้อีก แต่เมื่อเราคิดว่า เรามั่นใจแล้ว เราก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปฟังใครนอกจากครอบครัว ก็เลยคิดว่าสู่ขอดีกว่า ให้มันถูกต้องเลย เพราะไหนๆ ก็ทำงานด้วยกันมันเลยเป็นเส้นทางที่ไม่ต้องมาปรับอะไรเยอะแยะ

- แพรวพราว เผยระยะเวลาที่รู้จักกันมาประมาณ 1 ปีกว่าเกือบ 2 ปี แต่เริ่มจีบกันมาเมื่อประมาณเดือนตุลาปีที่แล้ว ซึ่งในระหว่างนั้น แพรวพราวเองก็พยายามถามซันแล้วว่า มั่นใจไหม เพราะช่วงนั้นเขาเริ่มมาหยอด มาจีบเรา ไม่เอาให้เขาปุบปับตัดสินใจ และเราก็ไม่อยากผิดพลาดในเรื่องของความรัก ไม่อยากให้เขามาเสียเวลากับเรา เขายังมีอนาคตที่ไปต่อได้อีก

- ซันเผยว่า ช่วงที่ทักมาคุยกับแพรวพราวแรกๆ ช่วงนั้นก็ยังมีสาวๆ ของตัวเองอยู่บ้าง ยังอยู่ในช่วงเวลาลังเล ยอมรับว่าช่วงนั้นสาวๆ เยอะมากจริงๆ มันมีบ้างตามวัยของเรา ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าเราจะมีครอบครัวและเราจะมาถึงขั้นนี้

- แต่ก่อนที่จะมาคุยกับแพรวพราวจริงจัง และจะขอแต่งงาน ก็ค่อยๆ เคลียร์เรื่องสาวๆ ให้มันจบทุกอย่าง ยอมรับว่าแต่ก่อนตัวเองก็แสบเหมือนกัน เพราะในขณะที่เรามาคบกับเขา แต่เรายังทำนิสัยเดิมอยู่ มันก็จะทำให้เขารู้สึกเฟลและเสียใจ

- ถ้าหากตอนนี้ใครจะเอาเรื่องพวกนี้ออกมาพูด นั่นคืออดีตที่เราเคยทำมา แต่ในปัจจุบันตั้งแต่ขอแต่งงานมา เราไม่เคยทำเลย เราคิดว่าต้องแก้ไขตัวเอง

- มองว่า สิ่งที่มาอยู่ตรงนี้ได้ เกิดจากการที่เราได้ทำงานร่วมกัน เพราะก่อนหน้าที่เรารู้จักกัน เราไม่ได้ทำงานร่วมกันเลย เราทักทายแค่ในเฟซบุ๊ก เป็นกำลังใจให้กัน ตามสตอรี่ตามคอมเมนต์ แต่หลักๆ ที่มารู้สึกเลยคือทำงานด้วยกัน

- ถามว่าเหมือนเสือสิ้นลายมั้ย ซันบอกว่า ตอนนี้เหมือนเสือออกจากถ้ำไม่ได้มากกว่า ยอมรับว่าเวลาเห็นคนสวยก็จะมอง แต่ก็ยอมรับว่าแพรวพราวเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก ขนาดมีลูก 2 คนแล้ว ตัวเองเป็นคนชื่นชอบพี่แอฟ ทักษอร เขาดูแลตัวเองดีมาก ซันก็จะเอามาบอกแพรวพราว เพราะเขาก็ดูแลตัวเองดีมากเหมือนกัน

- ถามว่าทำไมถึงเลือกผู้หญิงคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตเรา ซันบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือ ความเป็นแม่ของลูก เขาชัดมาก และเขามีความเอื้อเฟื้อกับคนรอบข้างเรา ตัวเองเป็นคนที่ใจๆ กับเพื่อนรอบข้างมาก จะดูการกระทำของคน ไม่ใช่แค่ทำดีแค่เรา เราเป็นคนที่ถ้าจะเอาใครมาเป็นแฟน ก็จะดูละเอียดเลย และแพรวพราวก็ดีกับครอบครัวของตัวเองมาก

- ชื่นชมแพรวพราว เขากับครอบครัวของซันได้ดีมาก วันแรกที่พาเข้าบ้าน เขายกมือไหว้ทุกคน ไม่ว่าใครจะอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า และยืนรอให้พาเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่เขาสามารถเดินเข้าไปในห้องแอร์เองได้ ความเป็นผู้หญิงของเขารู้จักมีสัมมาคารวะ มีความเป็นผู้ใหญ่สูง และหลายๆ อย่างเราเริ่มทำงานด้วยกันก็เห็นชัดขึ้น

- ซันบอกว่า จริงๆ เราไม่ต้องให้ใครมาดูแล เพราะตัวเราเองดูแลครอบครัวได้อยู่แล้ว แต่พอได้มาทำงานกับแพรวพราว ทั้งรายได้ ทั้งงานมันเพิ่มขึ้น ถ้าจะมองว่ามาอยู่กับแพรวพราวแล้วทำให้ตัวเองดังขึ้นไหม ซันยอมรับเลยว่า โซเชียลทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นจริงๆ เพราะที่ผ่านมาเล่นแต่ไอจี แต่แพรวพราวมาเสริม มาช่วยสอนให้เราขยันโพสต์ ซึ่งมันก็เป็นผลดี มองแล้วเราก็เข้ากันดี เพราะฉะนั้นเราก็ตัดสินใจจีบเลย

...

- แพรวพราวเผยว่า ในตอนแรกไม่เปิดใจที่จะมีรักใหม่เลย เพราะคิดว่าการที่เรามีลูก 2 มันยาก เขาอาจจะรักเราอาจจะชอบ อาจจะเป็นแค่ช่วงแรกที่เห่อรึเปล่า และเรากลัวว่าเขาจะรักลูกเราไหม เรื่องลูกเป็นกำแพงที่หนาเลย แต่มานั่งชั่งใจดูว่า ถ้าเรารักเขามากๆ แต่เขาไม่รักลูกเรา เราก็คงจะถอย

- แต่เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถช่วยเราดูแลลูกได้ อย่างเช่นตื่นเช้ามารับเรากับลูกไปส่งที่โรงเรียนด้วยกัน และเวลาพาเด็กๆ ไปเที่ยว เราก็ลองใจดูว่าเขาจะเอ็นจอยกับเด็กๆ ไหม ซึ่งในช่วงแรกเขาไม่กล้าเล่นไม่กล้าเข้าใกล้เด็ก เพราะกลัวมีภาพออกไปแล้วแพรวพราวจะโดนดราม่า ซึ่งแรกๆ เราทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยมาก ก็เลยคุยกันเปิดใจเลยว่า ถ้าเธอไม่กล้าเล่นกับเด็ก ฉันก็ยอมรับในตัวเธอไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเธอเปิดใจให้กับแม่ลูกสองจริงๆ หรือยอมรับในตัวเด็กจริงๆ ไม่ต้องการให้เขามารักลูกเราก็ได้ แต่ก็อยากพิสูจน์ว่าจะเป็นยังไง ซึ่งเขาก็เปิดใจ พาลูกเราไปเที่ยว ไปกินข้าวกัน และเขาเป็นคนไม่จับโทรศัพท์เวลาอยู่ด้วยกัน เขาก็จะเล่นกับเด็กแบบตั้งใจเล่นเลย ไม่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปด้วย เขาจะช่วยเราดูแลเด็กเต็มที่

...

- มองว่า ส่วนนี้ทำให้หายเหนื่อย บางอารมณ์เราอยู่คนเดียวและเรารู้สึกเหนื่อย แต่พอเขาเข้ามา เรารู้สึกหายเหนื่อยและเบาแรงขึ้น สบายใจขึ้น เลยเปิดใจให้เขา

- แพรวพราวบอกว่า ที่ยอมเซย์เยสแต่งงาน มันก็มีหลายปัจจัยที่เราจะตัดสินใจ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เอาด้านดีเข้าหา แต่จะเอาข้อเสียให้เราเห็นเลย ซึ่งข้อเสียของซันคือ ปากเสีย เรามาอยู่จุดนี้แล้ว คงไม่ไปหลงอะไรไร้สาระ ที่มองว่าเขาหล่อ หรือเป็นดารานักร้อง ซึ่งเราไม่สนใจว่าใครจะรวย ใครจะเด่นดัง แต่เขาปากเสียกับเรา พูดแรงๆ กับเรา มันทำให้เรารู้ว่าข้อเสียของเขาเรารับได้ไหม เขาแรงเราก็แรง เหมือนเราต่างรู้ข้อเสียของกันและกัน

- ซันบอกว่า เวลาทะเลาะกันตัวเองจะเป็นฝ่ายขอโทษก่อนตลอด เราจะไม่ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน ถ้าเราคิดว่าจะไปต่อ เราไม่ได้คิดจะเอาชนะ และนี่เลยเป็นอีกข้อที่ทำให้แพรวพราวตัดสินใจตกลงแต่งงาน เพราะเวลาทะเลาะกัน ซันจะเป็นฝ่ายขอโทษและอธิบาย

- แพรวพราวมองว่าซันยอมลดทิฐิของตัวเอง ยอมทำและพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเข้ามาตรงนี้ไม่ได้ต้องการแค่การทำงานหรือผลประโยชน์อะไร แต่เขาเข้ามาด้วยความเสียสละของเขาจริงๆ และเขาเสียสละแฟนคลับของเขาที่ไม่ชอบเราด้วย ซึ่งเขาก็มีกลุ่มแฟนคลับของเขา แต่พอมาจิ้นกับเรา แฟนคลับก็อาจจะไม่ชอบเรา

- ที่ผ่านมาซันโดนดราม่า โดนด่าเยอะมาก ซึ่งแพรวพราวก็ถามว่าไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทนกับดราม่า เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทน แต่เขาก็ยังยืนยันไม่ไปไหน โดนด่าก็โดนด้วยกัน เขาก็ยังอยู่ตรงนี้

- ซันเผยเรื่องอายุที่ห่างกัน ไม่มีปัญหามาแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเป็นคนชอบคนอายุมากกว่า อย่างเวลาเราโมโหหรือมีปัญหา ก็จะมีพ่อแม่ที่คอยเตือนสติเรา และการที่เราออกสื่อ มันเหมือนมีดาบสองคมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องกลับมาดูตรงนี้และคิดเยอะๆ

...

- ซันบอกว่า การที่เรายืนตรงนี้ ดราม่ามันมีมาอยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมไม่เคยหยิบกล้องมาถ่ายรูปลูกๆ ของแพรวพราวเลย ถ้ามีรูปออกมาส่วนมากจะเป็นแพรวพราวถ่ายร่วมกัน และคนอื่นถ่ายมากกว่า เพราะผมให้เกียรติกันและกัน

- ซันยืนยันว่า การที่ผมมายืนตรงนี้ ผมเอ็นดูและรักเด็ก เราไม่ได้มาทำหน้าที่พ่อ แต่เรามาเติมเต็มความรักให้กับแพรวพราวและเอ็นดูเด็กๆ เชื่อว่าคำว่าพ่อแม่ของเขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าในสถานะไหนก็แล้วแต่ เพราะสายเลือดก็เกิดจากพ่อและแม่ อย่างน้อยๆ เด็กๆ จะมองว่าผมเป็นพี่ เป็นเพื่อนได้ และคำว่าพ่อแม่ มันไม่มีใครมาแทนได้หรอก และไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าพ่อ มีแต่เรียกว่าพี่ตลอด

- ด้านแพรวพราวเผยว่า ลูกๆ ติดพี่ซันมาก ชอบถามหา เพราะเวลามีของเล่นใหม่ๆ เขาจะเล่นไม่สนุก เขาอยากเล่นกับพี่ซัน และลูกๆ ก็รู้ว่าพี่ซันคือแฟนของแม่

- ซันเล่าว่า ในวันที่ขอแพรวพราวแต่งงาน ก็ได้ไปถามน้องนาริตะลูกสาวแพรวพราวคนโตว่า ถ้าพี่ซันจะขอแม่แพรวพราวเป็นแฟนได้มั้ย น้องก็ตอบกลับมาว่า ได้ แบบเขินๆ และซันยังพูดต่อว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกัน ไม่ต้องกลัวเลยว่า จะรักลูกไม่เท่ากัน เพราะแพรวพราวมีความเป็นแม่สูงมาก และไม่ว่าจะทำอะไรเขาจะมีความเป็นลูกสูงมาก บางทีเราไปด้วยกัน 2 คนแพรวพราวก็จะคิดถึงลูกๆ ตลอด อยากพามาด้วย เราชอบในความเป็นแม่ของแพรวพราว ถ้าวันหนึ่งเรามีลูกด้วยกัน เราจะรู้สึกภูมิใจมากที่เราได้เลือกผู้หญิงคนนี้ เพราะเราได้เห็นแล้วการที่เขามีลูกและเป็นแม่ที่ดีมาก และถ้าเรามีลูก หนึ่งในนั้นก็จะมีโตเกียวกับนาริตะอยู่ด้วย

- ดราม่าที่มีมาทุกวัน ซันบอกว่า ไม่ได้ดูเลย จะเลือกดูอะไรที่เราชอบมากกว่า

- ด้านแพรวพราวบอกว่า มองดราม่าเป็นเรื่องตลก เรื่องที่เราชินมาก ถ้าแต่ก่อนเราเป็นวัยรุ่นอาจจะตอบโต้แบบรุนแรง แต่พอมีลูก บางทีเราพิมพ์เราอยากโพสต์และเราก็ลบ ไม่โพสต์ดีกว่า บางทีเราไปเจอและเกิดอารมณ์โมโหจนอยากอธิบาย ก็ไม่อธิบายดีกว่า เราไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจมาเปิดใจฟังเรา ให้เขาที่แอนตี้เราอยู่ในมุมแคบๆ เหล่านั้น และเราก็ปล่อยผ่านไป แต่เราทำให้คนที่รักเราเห็นดีกว่าว่าเราเป็นยังไง ทำดีคิดดีดีกว่า ไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้อะไร แต่ถ้าอะไรที่มันแรงเกินไป ก็ให้ทางกฎหมายดูแล

- ซันบอกว่า เราเลือกที่จะไม่ตอบโต้ แต่ถ้าอะไรที่ร้ายแรงมากๆ เราก็แคปไว้ และให้ฝ่ายกฎหมายกับตำรวจจัดการ

- นอกจากนี้ยังได้เคลียร์ข่าวที่คนมองว่า เปิดตัวขอแต่งงานในวันเกิดอดีตสามี ซึ่งเรื่องนี้ทั้งคู่บอกว่า เราเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกันวันที่ 9 มิ.ย. แต่วันนั้นไม่สามารถปล่อยภาพได้ เพราะช่วงนั้นอาจารย์ที่เคารพนับถือเขาเสียชีวิต เลยมานั่งคิดว่าปล่อยวันไหนดี ก็เลยมาปล่อยวันที่ 12 มิ.ย. เพราะว่างวันนั้น ไม่ได้นึกถึงเลยว่าเป็นวันเกิดใคร ไม่ได้อยู่ในสมองเลย

- ล่าสุดเรื่องที่มีข่าวว่า แพรวพราว ท้อง 5 สัปดาห์ เรื่องนี้ทำเอาแพรวพราวหัวเราะเลยทีเดียว รูปที่หลายคนมองว่าท้อง ตอนนั้นกำลังกินข้าวอิ่มพอดี และเราถ่ายรูปใส่ชุดสีขาวด้วย ซึ่งความจริงคือไม่ได้ท้อง แต่ถ้าท้องจริงๆ มันก็เป็นเรื่องน่ายินดี และก็ไม่แปลกเพราะเราคบกันเป็นแฟนกัน

- ซึ่งแพรวพราวเผยว่า ตัวเองทำหมันแล้ว และไม่ได้แก้หมันด้วย ถามว่าอยากมีลูกอีกไหม ซึ่งเรามองว่าเรามีลูก 2 คนก็เพียงพอแล้ว แต่คนที่อยู่ข้างกายเราเขาอยากมีลูกอีก และเขาดูแลลูกได้ เราก็พร้อมที่จะมี ด้านซันบอกว่า ตอนนี้เรามีน้องโตเกียวกับนาริตะ เหมือนเป็นน้องของเราอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าอยากมีลูกของตัวเองไหม ก็อยากมี เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียว ถ้ามันถึงเวลาเดี๋ยวจะบอกอีกที

- ซันทิ้งท้ายว่า ขอบคุณทุกคนที่ติดตามทั้งคอมเมนต์แง่ลบและแง่บวก เข้าใจว่าเราคือคนสาธารณะ แต่ถ้าเป็นตัวเองไม่ชอบใครก็จะไม่ไปติดตาม จะทำแต่งานของตัวเองไป และผมเองก็มีกฎหมายอยู่หลังบ้านเช่นกัน ไม่โกรธหรอก อาจจะปล่อย แต่ทางกฎหมายที่ฝากให้ดูแลเขาอาจจะไม่ปล่อย บางทีเราอยากจะใช้ชีวิตของเราในแบบที่เบาลงหน่อยก็ยังดี ซึ่งตัวผมเองไม่เท่าไหร่ แต่ผมสงสารแพรวพราว เขาเป็นคนไม่ได้คิดอะไร แต่บางอย่างเหมือนเขามาว่าคนของเรา "อดีตไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ปัจจุบันก็คือแฟนผม ครอบครัวผม"

- แพรวพราวฝากถึงคนที่ไม่ชอบว่า ขอบคุณที่สร้างกระแสให้เราอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรจะเล่นก็ไปขุดรูปเก่ามา มองเป็นเรื่องตลกมากกว่า เราไม่ได้สนใจ เราปล่อยผ่าน แต่อยากฝากถึงคนที่เสพโซเชียล ทุกคนมีโทรศัพท์ในมือ บางทีไม่ชอบใครก็โพสต์ด่าคนอื่นโดยไม่ได้นึกถึงกฎหมาย ก็อยากให้มีสติกันนิดนึง

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม