รายการ "PrimeCast" ทางยูทูบแชนแนล Alive dot พามาย้อนเส้นทางชีวิตของ มายด์ ณภศศิ นักแสดงสาวและเน็ตไอดอลยุคบุกเบิก เปิดใจทุกบทในชีวิตบนเส้นทางวงการบันเทิง โดนบูลลี่ การศัลยกรรม และเรื่องเสียน้ำตา แต่ไม่เคยยอมแพ้ เผยรักครั้งนี้กับไฮโซหนุ่ม สงกรานต์ เตชะณรงค์ ทำให้เธอเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น แพลนอนาคตอยากมีลูก
ในยุคก่อนเคยโดนบูลลี่บ้างไหม แล้วจัดการยังไง?
มายด์ ณภศศิ : โดนตั้งแต่ประถมตอนที่อยู่ชลบุรีด้วยซ้ำ ที่โดนหนักๆ คือช่วงมัธยมต้น เหมือนมีช่วงหนึ่งที่ฮิตไปถ่ายรูปที่สยามแล้วก็มีรุ่นพี่มาขอรูป โดนว่าเยอะมาก เฮิร์ตเหมือนกันนะ ย้ายมาเตรียมอุดมก็โดนจากเว็บบอร์ดออนไลน์มากกว่า ตอนช่วงประกวดอุทัยทิพย์ตอนยังไม่ได้ตำแหน่งก็มีคนมาชื่นชมเราเชียร์เรา แต่พอเราได้ตำแหน่งกลายเป็นมีคนมาหาข้อติ 1 คอมเมนต์พอเริ่มก็จะมีคนตามมาเยอะขึ้น
ตอนเด็กอ่านแล้วร้องไห้ เศร้า แต่มีข้อดีคือเราจะเป็นคนที่ไม่เก็บอะไรที่เครียดหรือเศร้ามาคิด เมื่อก่อนการทำศัลยกรรมมันยากมาก เรามีแก้มเยอะเสียงเล็ก ก็จะมีคนมาว่าเราว่าดัดเสียงก็ปล่อยผ่าน พอมองย้อนภาพกลับไปตอนนั้นก็เครียด เศร้า แต่ก็ไม่ได้เป็นปมมาถึงทุกวันนี้
...
ตอนช่วงที่ยังไม่มีการทำหัตถการหรือดูแลตัวเองแบบทุกวันนี้ ตอนนั้นทำยังไงให้มีผิวสวยขาวหน้าตาดี ?
มายด์ ณภศศิ : ตอนมัธยมก็มีแอบทาแป้ง ทาอุทัยทิพย์ เป็นคนรักสวยรักงาม จริงๆ ศัลยกรรมครั้งแรกคือการทำจมูกตอนขึ้นมหาวิทยาลัยปี 1 ตอนนั้นก็รู้สึกว่าดูแลตัวเองดีในระดับหนึ่ง เพราะเริ่มเข้าวงการคนที่แนะนำเข้าวงการทำสวยคือพี่พชร์ อานนท์ เป็นคนพาไปฉีดพวกโบท็อกซ์ เมื่อก่อนเป็นคนที่แก้มบางทีวันไหนที่เรากินเค็มมันก็จะดูบวม มันคือปมของเราในตอนเด็กแล้วเอาผมมาปิด พยายามไปหาฉีดแฟต ตั้งแต่ยุคที่ฉีดแฟตแล้วหน้าบวมเป็นสี่เหลี่ยม เราก็ฉีดสู้แต่มันก็ไม่ได้เล็กลง ตอนนี้ก็ยังมีแก้มอยู่ สุดท้ายแล้วอะไรที่มันเป็นเราก็พอแล้ว โตขึ้นความคิดมันก็เปลี่ยนไป
มีช่วงที่เราปล่อยจอย ละเลยสุขภาพไหม?
มายด์ ณภศศิ : ยุคที่เจอปันปันนั่นแหละ ช่วงที่ตัดสินใจเรียนโทเกี่ยวกับ Anti-aging มีช่วงที่ทำงานมาตลอดแล้วปล่อยปะละเลยจนเริ่มอวบเริ่มอ้วน คนทักก็ไม่เชื่อ เราก็ยังรู้สึกว่าเรายังหุ่นดีอะ แล้วตอนนี้กลับไปดูรูปตอนนั้นคืออ้วนมาก ตอนเด็กๆ ผอมมากจนมาอ้วน จริงๆ การดื่มหนักกว่าการกินอีก มีช่วงที่ทำ IF หนักมาก แต่ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มกาแฟทั้งวัน แล้วมากินข้าวตอนเย็น ซึ่งมันเป็นการ IF แบบผิดๆ ตอนนั้นน้ำหนักก็คือขึ้นๆ ลงๆ โยโย่ ทุกวันนี้ก็ Balance ตัวเองมากขึ้น
หลังจากที่คบกับพี่สงกรานต์ ความรักครั้งนี้เปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตบ้าง?
มายด์ ณภศศิ : เราเป็นตัวเราในเวอร์ชันที่ดีขึ้น ตอนแรกที่คบกับคนนี้คนก็เตือนเยอะ เป็นห่วงเยอะ สุดท้ายเชื่อว่ามันคือจังหวะชีวิตของเราด้วย เติบโตขึ้นมาก็มีประสบการณ์ชีวิตมาแล้ว เรามาเจอกันในจังหวะที่มันคลิกกัน เติมเต็มความสัมพันธ์ที่มาเติมในสิ่งที่อีกคนขาด
เคยถามพี่สงกรานต์ไหมว่าเขาหลงรักอะไรในตัวเรา?
มายด์ ณภศศิ : ตอนแรกที่เจอกันก็เป็นคนที่สนุกสนานนะ ก็ยังเป็นมายด์คนเดิม ชวนเขาไปนั่งชิล เราไม่ได้มาเป็นแบบสายออกกำลังกายหรือทำงาน เขาเหมือนเข้ามาเอ็นจอยในวิถีชีวิตของเรา สนุกไปกับเรา ถ้าถามว่าเคยถามไหม เขาอาจบอกว่าเพราะความเป็นกันเอง คิดบวก ไม่ค่อยโกรธใคร และใจเย็น แต่ผู้ชายก็จะมีมุมที่ใจร้อนกว่าเรา มันก็จะเหมือนหยินหยาง
เริ่มออกไปเที่ยวน้อยลง ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพมากขึ้น?
มายด์ ณภศศิ : ปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่เติบโตขึ้น ทำอะไรเยอะขึ้นมากๆ เมื่อก่อนเวลาดื่มเยอะๆ ก็จะแฮงก์ รู้สึก guilty มาก ตื่นมาก็รู้สึกว่าทำไมทำแบบนี้ พรุ่งนี้จะไม่ดื่มแล้ว เลิกดื่มตลอดไป แต่สุดท้ายก็กลับไปดื่มอยู่ดี แต่ก็รู้สึกว่าสุดท้ายชีวิตมันต้อง Balance ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกชอบเอ็นจอยในการดื่ม แต่เราต้องทำทุกอย่างให้มันพอดี มีลิมิตมากขึ้น
จากวงการบันเทิงมาเป็นนักธุรกิจเห็นตัวเองในอนาคตเปลี่ยนไปเยอะไหม?
มายด์ ณภศศิ : จริงๆ ความฝันเราตั้งแต่เด็กเลย อยากทำธุรกิจ เพราะคุณพ่อเคยอยากให้กลับไปช่วยขายไม้ที่บ้าน ซึ่งเป็นโรงไม้ เราก็มีความมั่นใจ แล้วก็ตั้งใจกับตัวเองมาตลอดว่าอยากเติบโตด้วยการทำธุรกิจของตัวเอง แล้วปีนี้ก็เป็นปีที่มองภาพชัดขึ้นมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเส้นทางมันไม่ได้ง่ายเลยนะ การทำงานมันเครียดมากเลยนะ มันมีปัญหาให้แก้ทุกวัน แล้วก็มีเรื่องที่ต้องจัดการอารมณ์ทุกวัน ถ้าคนอยู่ใกล้ๆ จะรู้เลยว่า บางทีเราคิดว่าเราจัดการได้ แต่เอาจริงๆ บางทีมันไม่ได้ เราเคยเป็นคนหลับง่ายมาตลอดนะ แต่พอทำงานหนักๆ มันก็หลับยาก คิดเรื่องงานก่อนนอน กดดันตัวเอง
...
จัดการกับความเครียดยังไง?
มายด์ ณภศศิ : ปีนี้ตั้งใจจะปล่อยวางมากขึ้น เคยคิดว่าตัวเองเป็นคน Hold ดีมาก คิดบวก โลกสวย แต่สุดท้ายก็รู้ว่าเราก็เป็นมนุษย์ มันจะมีบางจุดที่เรารู้แหละว่าเครียด แต่ก็ห้ามไม่ได้จริงๆ บางทีก็พยายามปล่อยวาง บางทีก็อ่านหนังสือ หรือตื่นมานั่งสมาธิตอนเช้าสัก 5 นาที ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เลย ถ้าวันไหนนั่งได้ พอนาฬิกาดังมันจะรู้สึกดีมาก
แต่ช่วงนี้ไม่ได้ทำแล้วนะ มีช่วงนึงที่ทำ แล้วรู้สึกดีมากเลย มันทำให้รู้ว่าจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อก่อนคิดว่าเป็น extrovert ตลอดเลยนะ แต่ทุกวันนี้อยู่กับพี่สงกรานต์เยอะๆ ก็รู้ว่า บางทีเราอยากอยู่กับตัวเองมากขึ้น อยากเจอแต่เพื่อนที่สนิทๆ หรือคุยกับคนที่สนิทจริงๆ มากกว่า ยังสนุกกับการไปอีเวนต์นะ enjoy อยู่ แต่พอเสร็จงานก็อยากกลับบ้าน อยากพักผ่อน อยากอยู่กับตัวเอง
เคยอ้วนสุดเท่าไหร่?
มายด์ ณภศศิ : 56-57 กิโลกรัม ประมาณนั้นค่ะ ปกติปัจจุบันอยู่ที่ 51-52 กิโล
ลดน้ำหนักได้ยังไง?
มายด์ ณภศศิ : ถ้าพูดตรงๆ เลยก็คือแค่ลดแอลกอฮอล์ แล้วก็ปรับไลฟ์สไตล์ค่ะ จริงๆ แล้วเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว ออกกำลังกายมาตั้งแต่ตอนที่ยังดูแลตัวเองไม่ดี กินไม่ดี ก็ออกกำลังกายตลอด เล่น Pilates ต่อยมวย เดินลู่ทุกวัน เพราะสุดท้ายถ้าไลฟ์สไตล์การกินมันไม่ดี กินน้ำตาลเยอะ ดื่มเยอะ มันก็พังอยู่ดี
แต่พอปีที่แล้วงานเยอะขึ้น แล้วก็เริ่ม balance ชีวิตได้ดีขึ้น งดดื่ม งดสังสรรค์ ก็เลยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราเป็นคนเลือกกินประมาณหนึ่งอยู่แล้ว เหมือนเรารู้ว่าควรกินอะไร แต่ก็ไม่ได้ strict มาก บางวันรู้สึกอยากกินอะไรก็กิน แต่กินในปริมาณที่พอดี แล้วก็ไม่ค่อยเสียดายของ ถ้ากินไม่หมดก็แบ่งให้คนอื่นกินต่อได้ สุดท้ายมันคือเรื่องของการ balance ค่ะ เป็นการเปลี่ยนตัวเองในทุกๆ ด้านให้สมดุลมากขึ้น
...
ผิวพรรณดูแลยังไง?
มายด์ ณภศศิ : ดื่มน้ำช่วยได้เยอะมากๆ มาสก์หน้า ล่าสุดไปซื้อเครื่องนวดหน้าจากเกาหลีมานวดวันละ 5 นาที รู้สึกว่าผิวดีขึ้นจริงๆ ต้องมีเข้าคลินิกกันบ้าง ทุกอย่างก็ Maintain ไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ต้องทำทุกวันเพื่อให้สุขภาพดีขึ้นมีอะไรบ้าง?
มายด์ ณภศศิ : หลักง่ายๆ เลยคือ นอนดี กินดี ออกกำลังกาย ดูแลจิตใจ หายใจในอากาศดีๆ แล้วก็เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีก็สำคัญเหมือนกัน
เป็นคนที่มีแฟนมาโดยตลอด?
มายด์ ณภศศิ : มีโสดบ้าง แต่เป็นคนที่ค่อนข้างมีแฟนตลอด เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นได้ เหมือนกับที่เขาบอกว่า healthy relationship มันช่วยให้ทุกอย่างในชีวิตเราดีขึ้น ถ้าอยู่กับคน toxic บางทีมันไม่รู้ตัว แต่จะเครียดโดยไม่รู้ตัว อย่างน้อยความสัมพันธ์เราดี เราก็ไม่ต้องเอาพลังไปเครียดตรงนั้น จะได้เอาเวลาไปเครียดเรื่องงานนิดหน่อยแทนดีกว่า
ถ้าเจอคน toxic ในชีวิต จะจัดการยังไง?
มายด์ ณภศศิ : เมื่อก่อนเป็นคนขี้เกรงใจมาก Empathy สูง ใครขออะไรก็ไปหมด เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เคยปฏิเสธแต่พอวันหนึ่งลองปฏิเสธให้เป็น รู้สึกว่ารักตัวเองมากขึ้น ถึงจะมีความรัก มีแฟน แต่สุดท้ายเราก็เกิดมาคนเดียว เราต้องกอดตัวเองให้ได้ โชคดีที่เพื่อนส่วนใหญ่ดีหมด คนที่ไม่ดีจริงๆ ก็มักไม่ค่อยได้คุยตั้งแต่แรก vibe มันจะบอกเลยว่าใครควรอยู่ในวงใกล้ จะไม่ทะเลาะกับใคร แต่ถ้ารู้สึกว่า vibe ไม่ตรงกัน ก็จะอยู่ห่างๆ และค่อยๆ เฟดออกมาเอง
...
ในอนาคตถ้าอายุเยอะขึ้น?
มายด์ ณภศศิ : ก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แหละ แต่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือสุขภาพ ตอนแก่ก็อยากเป็นคนแก่ที่ยังเดินเหินได้ เล่นกับลูกหลานได้ ส่วนภายนอกก็อยากดูแลให้ดีนะ ไม่ได้ไม่กลัวแก่ เพราะถ้าหน้าเหี่ยวก็ยังไปฉีดโบท็อกซ์อยู่ การดูแลร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลภายนอก ไลฟ์สไตล์จะให้สุดโต่งก็ทำไม่ได้นะ ต้องยอมรับว่าเรื่อง Genetic ก็มีผล กลัวแก่ไหม ก็กลัวแหละ แต่จะดูแลสุขภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้มานั่งเสียดายทีหลัง และไม่เครียดเกินไป เพราะความเครียดก็ทำให้อายุสั้นเหมือนกัน
ถ้าอายุ 45 พวกเราจะดูแลตัวเองยังไง?
มายด์ ณภศศิ : คิดว่าอายุ 45 เราก็ยังหน้าแบบนี้ก็คง Maintain อาการไปเรื่อยๆ แบบพอดีที่สวยในวัยนั้น ยังคงออกกำลังกายตามรูทีน อาจตีกอล์ฟ ตั้งใจว่าจะตีไปจนแก่ ฝึกครั้งหนึ่งมันคุ้ม เป็นคนที่ไม่เก่งกีฬา แค่รู้สึกว่าอันนี้เป็นไลฟ์สไตล์ที่มีตอนแก่ได้ เดินได้ นอนดี มีความสุข เก็บเงินเกษียณก้อนหนึ่ง ชีวิตบั้นปลายมองไว้ว่าสามารถอยู่ที่ต่างจังหวัดได้ อยากใช้ชีวิตแบบชิลๆ
อยากมีลูกไหม?
มายด์ ณภศศิ : อยากมีความรู้สึกเป็นแม่ อยากรู้ว่ามีเด็กอยู่ในท้องจะรู้สึกยังไง อย่างที่เขาพูดกันว่าไม่เป็นแม่ไม่เข้าใจ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกวันนี้แม่ยังช่วยคอยจัดแจงให้อยู่เลย ซึ่งเรารู้สึกว่าหลายคนที่เราเห็นเป็นเพื่อนเราที่อยู่ดีๆ มีลูกแล้วเขาสามารถเลี้ยงลูกได้ ทั้งที่ไลฟ์สไตล์ตอนอยู่กับเรามันเลี้ยงเป็นแม่คนได้เหรอ แต่สุดท้ายก็เป็นได้ แล้วเป็นได้ดีกันทั้งนั้นเลย ก็เป็นความรู้สึกที่ใช่ อยากก็ได้ค่ะ
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม