• อาเล็ก ธีรเดช กับชีวิตในวงการบันเทิง 13 ปี จากที่ไม่เคยคิดอยากจะเข้าวงการนี้ด้วยซ้ำ
  • ความรักกับ โบว์ เมลดา คู่รักสายแซ่บ กินเก่งแต่ต้องรักษาสุขภาพด้วย
  • อาเล็ก ธีรเดช กับบทบาทล่าสุด เมฆินทร์ ในละคร สายรักสายเลือด ดราม่าแอ็กชั่นเข้มข้น เดือดจัดทั้งเรื่อง

หากพูดถึงชื่อของนักแสดงหนุ่ม อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ หลายคนต้องรู้จัก เพราะเขาคือพระเอกสุดหล่อ หน้าตี๋ มีลักยิ้มที่แก้ม ตัวสูงขาวหุ่นดี และมีแฟนสาวชื่อ โบว์ เมลดา สุศรี

ที่ผ่านมาชื่อของ อาเล็ก ธีรเดช จะปรากฏอยู่ในหน้าสื่อของเมืองไทยอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เขาเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานกว่า 13 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิงมา ซึ่งบ่อยครั้งที่ อาเล็ก มักจะให้สัมภาษณ์ว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่ได้คิดอยากจะเป็นนักแสดงตั้งแต่แรก ไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่อด้วยซ้ำ เพราะในตอนเด็กๆ ตั้งใจอยากเป็นนักบิน แต่ด้วยโอกาสที่มารอตรงหน้า เลยทำให้ต้องรีบไขว่คว้าไว้ และพอได้มาทำจริงๆ ถึงรู้ว่า เราเองก็ทำได้เหมือนกัน

วันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ อาเล็ก ธีรเดช กับชีวิตในวงการบันเทิง 13 ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงความรักกับแฟนสาว โบว์ เมลดา ที่หวานกันมาก ใส่ใจกันสุดๆ และแพลนชีวิตในอนาคต รวมถึงผลงานเรื่องล่าสุด "สายรักสายเลือด" ละครดราม่าแอ็กชันสุดเข้มข้น กับบท "เมฆินทร์" มาเฟียหนุ่มผู้ดุเดือดแต่กร้าวใจ ผ่านทางรายการ THE STORY OF… ทางช่องยูทูบ Thairath Variety

...

13 ปีในวงการบันเทิงของ อาเล็ก ธีรเดช
จากจุดเริ่มต้นที่ไม่เคยอยากทำอาชีพนี้

"อืม... ใช้คำว่าอะไรดี อาเล็กไม่ได้ตั้งใจที่จะเติบโตขนาดนั้น มันคืออาชีพที่เรารัก มันคือการงานที่เรารัก แต่มันเป็นนามธรรม มันไม่ใช่รูปธรรม คือวิธีการพัฒนาตัวเองในศาสตร์นี้ เล็กว่ามันเป็นนามธรรม มันไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าจะทำยังไงถึงจะพัฒนาในด้านนี้ เราแค่ต้องใส่ใจกับการเติบโต ทั้งในด้านวัยของเรา อารมณ์ของเรา และประสบการณ์ตัวเราเอง

ด้วยความที่เราต้องเล่นกับจิตใจของตัวละคร เราเองการที่เราต้องเข้าใจเขา เล็กว่ายิ่งประสบการณ์ชีวิตของเราเยอะ เราจะมีความเอาใจเขามาใส่ใจเราได้มากขึ้น แค่นี้เล็กว่าก็รู้สึกพัฒนา และที่เล็กบอกตอนต้นว่า เล็กเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะพัฒนา เพราะเล็กรู้สึกว่าขั้นตอนของมันคืออะไร แต่ว่าด้วยวัยของเรา ประสบการณ์ของเรามันทำให้เราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เราเจอ คุณค่าที่เราให้กับการแสดงมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยของเรา เราเห็นคุณค่าในการแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้เราอาจจะมองแค่ว่า การแสดงก็คือฉันทำตรงนี้ มีคนดูฉัน ฉันได้เงิน แต่ทุกวันนี้เราศึกษาชีวิตของเรา ไปพร้อมกับการแสดง เพราะว่าการที่เราจะเล่นเป็นใครสักคน เราต้องพยายามเข้าใจเขา พยายามเข้าใจชีวิตเขา มันทำให้ด้านอารมณ์ของเล็กเอง ด้านความเป็นมนุษย์ของเราโตขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยรู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่ 13 ปีที่ผ่านมา เราโตในสิ่งนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ"

จากที่ไม่ชอบจนกลายเป็นความพยายาม
ในการที่จะเป็นนักแสดงอาชีพให้ได้

"คือไม่เคยคิดว่าอยากจะเข้าวงการด้วยซ้ำ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการไม่เคยคิดว่าเราจะได้มาเป็นนักแสดง มาเป็นดาราเลย ตั้งแต่เด็กไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองหล่อหรือหน้าตาดีด้วยซ้ำ เคยมีคนชมก็ล่าสุดเมื่อตอน 5 ขวบ ว่าน่ารักจังเลย ขออุ้มหน่อย แล้วก็ไม่ได้มีใครชมว่าเราหล่อหรือหน้าตาดีอีกเลย

จนมาช่วงปี 1 ปี 2 ที่ได้เข้าวงการ ได้เป็นหลีดจุฬาฯ เราเริ่มผอมลงแล้ว ก็เพิ่งรู้ว่าเราก็หน้าตาดีเหมือนกันนี่หว่า (หัวเราะ) นั่นแหละครับผม ด้วยความที่เล็กไม่ได้มีความคิดที่จะเข้ามาอยู่ตรงนี้ ก็เลยไม่ได้มีความคาดหวังว่าเราจะโตไปถึงไหน ก็แค่คิดว่าได้เงินค่าขนม เพราะตอนแรกสิ่งที่เราตั้งใจจะทำก็คือ เป็นนักบิน

พอวันหนึ่งเราได้เข้ามา เราได้เงิน เราแฮปปี้ เราได้แสดงเราได้เงินเราแฮปปี้ ช่วงแรกๆ เราเป็นอย่างนี้ตลอด เราไม่ได้มีความสนใจหรือว่ารัก หรือว่าชอบในการแสดง เราชอบเพราะเราได้เงิน เราได้งาน แต่ว่าพอเราได้ทำงานไปเรื่อยๆ เราเริ่มมองเห็นว่าทำไม่ได้ เราไม่พัฒนา เราโดนผู้กำกับด่า มันกลายเป็นความท้าทาย อยากทำให้ได้อยากเล่นให้เก่งขึ้น อยากเล่นให้เก่งเหมือนพี่เคน ธีรเดช อยากเล่นละครเก่งเหมือนคนโน้นคนนี้ อยากเป็นนักแสดงที่ดี มันทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นความท้าทายจนเราชอบ กลายเป็นว่าเห็นคุณค่าของการเป็นนักแสดงในอาชีพ"

...

ชีวิตในวัย 35 ปี
ช่วงเวลาที่แข็งแรงที่สุด

"ยังรู้สึกเด็กอยู่นะครับ ไม่ได้รู้สึกว่าโตหรือแก่อะไรเลยสักนิด รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงที่สุดตอนนี้ เล็กว่าตอนนี้มันเหมือนเล็กอยู่ในช่วงที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แล้วก็กำลังมองถึงอนาคตที่มีคุณค่า กำลังที่จะวางแผนอนาคตตัวเอง ก่อนหน้านี้เราอาจจะมองแบบกว้างๆ ตอนนี้ก็เริ่มวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น"

กำลังรอวันนั้น
วันที่ได้ขอโบว์แต่งงาน

"ผมเคยพูดว่าอยากแต่งงานตอนอายุ 30 และเคยพูดว่าอายุ 35 ด้วย จริงๆ ก็อยากแต่ง และเราก็คิดว่าเราก็อยากแต่งกับคนนี้ เมื่อก่อนเคยพูดว่ารอพร้อมก่อน ทุกวันนี้รู้สึกว่ามันไม่มีจริง พอเราถึงจุดหนึ่งเราก็ยังอยากจะเติบโตอยากได้เพิ่มขึ้นไปอีก ไม่มีคำว่าพอหรือพร้อมอยู่แล้ว แต่เล็กคิดว่าพอถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ว่า ช่วงนี้แหละ เพราะว่าหนึ่งคือการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องของเล็กคนเดียว มันเป็นคู่ของเราด้วย ที่เขาเองก็ต้องบอกว่า เธอแต่งงานกัน ก็รอให้ถึงเวลานั้น

ด้วยความที่เราไม่ได้คบกันแบบ Puppy love ก็เป็นการคบกันแบบผู้ใหญ่ คบกันจริงจัง อยากจะมีอนาคตร่วมกัน ก็มีคุยกันบ้างครับผม แต่มันก็แค่ อย่างที่บอกถ้ามันถึงจุดหนึ่งที่ช่วงนี้แหละ ก็รอให้ถึงวันนั้นอยู่เหมือนกัน"

...

รีวิวความรักในตอนนี้
รู้สึกโชคดีกับความรัก

"อืม... รู้สึกโชคดีกับความรัก รู้สึกว่าเราก็เป็นตัวเอง เราทำสิ่งที่เราอยากทำ เขาทำสิ่งที่เขาอยากทำ การที่เราอยากอยู่ด้วยกันมันเป็นสิ่งที่เราต้องการทั้งคู่ ก็เลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรไม่ดี แล้วก็รู้สึกส่งเสริมกัน และรู้สึกยิ้มได้เยอะขึ้น รู้สึกมีความสุขขึ้นในชีวิตจริงๆ

โบว์อ่ะเป็นคนน่ารักอยู่แล้วด้วย คือเล็กไม่รู้นะ เล็กรู้สึกว่าเรามีคนที่ติดตามเรา เขาเอ็นดูพวกเรามาก อันนี้ไม่รู้นะ คือตอนเล็กเด็กๆ เล็กรู้สึกว่ารวมถึงตอนนี้ด้วยนะ คือจะมองเหล่าดารา เราจะรู้สึกว่า เอ๊ะ! เขาเตรียมกันมาหรือเปล่า เอ๊ะ! เขามีการวางแผนอย่างนี้มาหรือเปล่า ซึ่งเป็นไปได้ว่าบางคู่หรือบางคน เขาก็มีการวางแผนในการวางตัวของเขามาตั้งแต่แรก แต่ว่าบางคนก็อาจจะไม่มี

แต่คือด้วยความที่ตัวเล็กเอง ตั้งแต่เล็กเข้าวงการมา เล็กกับผู้จัดการไม่เคยมานั่งคุยกันเลยว่า เราต้องวางตัวแบบไหน อยากให้เล็กวางตัวแบบไหน อยากให้แนวทางการแต่งตัวของเล็กไปทางไหน อยากให้แนวทางการตอบคำถามสื่อของเล็กไปทางไหน อยากให้เล็กดูเป็นคนยังไงในสายตาประชาชน

เราไม่เคยมานั่งวางแผนอะไรเลยสักครั้งเดียว มันทำให้ทุกวันนี้เป็นเล็กที่ดูเรียลมากๆ โบว์เองก็เหมือนกัน ก็เป็นโบว์ที่เรียลมากๆ พอมาอยู่ด้วยกันเราเองก็ไม่เคยมานั่งเตี๊ยมกัน "เบบี๋เดี๋ยววันนี้เราไปงานบอลหอมแก้มพี่ทีนึง" เราก็ไม่เคยมานั่งคุยเรื่องพวกนี้กัน แม้แต่ไปออกรายการของเล็ก ก็ไม่เคยมีสคริปต์

อันนี้ลองวิเคราะห์เองเล่นๆ มันเหมือนกับว่ายุคนี้คนชอบความเรียล และการที่เราเป็นตัวเองตั้งแต่ต้น มันเลยทำให้คนรู้สึกเอ็นดูคู่เรา โดยที่พวกเราเองไม่ต้องวางแผนหรือมานั่งระวังอะไร ต้องขอบคุณคนที่ติดตามด้วย ที่เอ็นดูพวกเราที่เป็นอย่างนี้"

...

ชอบ โบว์ เมลดา มานาน
ก่อนที่จะชวนมาออกรายการแล้ว

"จริง ๆ มันก็เริ่มก่อนนั้นนิดหน่อย ไม่ได้ว่าเพิ่งจีบก่อนนั้นหรอก แต่ว่าเราก็ชอบเขามาตั้งแต่ก่อนที่จะมาออกรายการ แต่พอออกรายการปุ๊บก็เริ่มสนิทกัน

จุดเริ่มต้นที่อยากชวนโบว์มาออกรายการคือ หนึ่งคือมีคนเชียร์เยอะมาก เรื่องเชียร์ให้จีบตอนนั้นก็มีประมาณหนึ่ง แต่ช่วงนั้นทำไมไม่รู้ เล็กไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ตัวเล็กกับโบว์เอง ไม่เคยมีภาพในสื่อด้วยกันมาก่อน แต่คนเชียร์ให้มาออกรายการเยอะมาก ๆ

คนคอมเมนต์แบบ 90% ตอนนั้นน่ะ คอมเมนต์ว่า ขอพี่โบว์เมลดาค่ะ ๆ ๆ เล็กก็งงเหมือนกันว่าเอ๊ะ ทำไมวะ ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาเชียร์ให้ออกรายการ หรือว่าเขาเชียร์ทุกรายการหรือเปล่า เล็กก็ไม่แน่ใจ จนเล็กได้ไปเล่น MV กับน้อง ก็เลยลองชวน"

ไม่เคยห้ามให้น้องกิน
กินได้ แต่ต้องสุขภาพดีด้วย

เมื่อถามว่า ด้วยคู่เราเหมือนเป็นคู่ที่มีความสุขกับการกิน เราก็ชอบกิน น้องก็ชอบกิน เวลาออกไปทานอาหารด้วยกัน มีการห้ามกันไหม อาเล็กบอกว่า

"ไม่เคยห้าม คือเล็กไม่เคยบังคับหรือว่า ไม่เคยคิดเลยว่าน้องจะต้องหุ่นดี ตัวเล็กเองไม่เคยคิดเลย เล็กจะคิดอย่างเดียวคือ เล็กอยากให้เขาแข็งแรง เล็กไม่ได้ชวนกินอย่างเดียว เล็กชวนไปออกกำลังกายด้วย ที่ชวนไปออกกำลังกายไม่ได้อยากให้หนูต้องผอม พี่ไม่ได้อยากให้หนูผอม ไม่ได้อยากให้หนูต้องเปลี่ยนไปอะไร

แค่อยากให้ไปออกกำลังกายเพราะพี่ชอบออกกำลังกาย พี่ยังอ้วนเลย แต่ว่าอยากให้สุขภาพดี เพราะเรารู้ว่าการออกกำลังกาย ข้อดีใครๆ ก็รู้ ตอนกินเล็กก็ไม่ได้คิดจะห้าม เพราะคิดว่าเขาน่าจะโดนห้ามมาจากหลายๆ ทาง พอโดนห้ามแล้วมันอึดอัด เล็กก็เคยรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน

แต่ว่าด้วยอาชีพการงานเรา แน่นอนคือเลยเข้าใจนะว่า อ้วนก็สวยด้วย อวบก็สวยได้ แต่ว่าตัวเล็กเองก็พูดตรงๆ ว่า เราเป็นนักแสดง เราอยู่ตรงนี้เราก็ควรที่จะดูดี ถ้าเราจะอวบๆ คือโบว์เป็นผู้หญิงที่โครงใหญ่ เล็กก็เป็นผู้ชายที่โครงใหญ่ เราไม่มีทางแบบผอมแห้ง เพราะฉะนั้นถ้าเราจะอวบ เราก็ต้องสุขภาพดี

คนที่เขาเห็นเรา เพราะเราเป็นคนของประชาชน เราอยู่ในสปอตไลต์แน่นอนว่ามีคนเห็นเราเยอะ ถ้าเกิดเราปล่อยเนื้อปล่อยตัว แล้วมีคนเข้ามา วันนี้เล็กไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนไปเรื่อย คือบางคนก็อาจจะบอกว่า เขาอ้วนก็เรื่องของเขา มันไปหนักหัวเธอหรอ ไม่รู้อ่ะ การสนับสนุนอย่างเดียว เล็กไม่เห็นด้วย เพราะเล็กรู้สึกว่า

ถ้าเบบี๋จะอยู่ในวงการ เป็นตัวอย่างให้ใครหลายๆ คน คนอยากเป็นเหมือนหนูเยอะ คนชอบในไลฟ์สไตล์ของหนูเยอะ แต่ถ้าหนูปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนเผละ อ้วน สุขภาพไม่แข็งแรง เล็กเองก็ไม่เห็นด้วย อยากให้แข็งแรงไว้ก่อน อยากให้สุขภาพดี เราจะได้แบบ นี่คือบอดี้ของฉัน

ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ผอมแห้ง เหมือนนางเอกทั่วๆ ไป แต่ว่าฉันดูแลตัวเอง ฉันดูแลสุขภาพของฉันอย่างดี อยากให้เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ ด้วยความที่เล็กจบวิทยาศาสตร์การกีฬามา มีความรู้เรื่องโภชนาการ เล็กก็เลยจะสอนน้องเขาอยู่เรื่อยๆ ว่าแบบลองกินอันนี้แทน หรืออะไรที่มันไม่ควรกิน แต่ก็คือไม่ได้ห้ามว่า พอแล้วเดี๋ยวอ้วน เราจะไม่พูดคำนี้"

โบว์รู้ตัวเองดีว่าช่วงไหนอ้วน
เราไม่ต้องไปคอยเตือนเขาก็ได้

"ช่วงแรก ๆ น้องก็น่าจะนอยด์ เป็นเล็ก เล็กก็นอยด์ เพราะเล็กเคยโดนทักอ้วนเหมือนกัน แต่ว่าก็โชคดีที่คนเดี๋ยวนี้เปิดกว้างมากขึ้น บิวตี้สแตนดาร์ดมีหลายแบบ แต่อย่างที่บอกสิ่งสำคัญคือสุขภาพต้องดี คือเราเคารพรูปร่าง ในความเป็นมนุษย์ทุกรูปแบบ

แต่ว่าอย่างที่บอกเล็กก็ไม่อยากให้ไป บิวตี้สแตนดาร์ดมันไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นยังไงก็ได้ อย่างที่บอกถ้าเกิดบอดี้คุณเป็นอย่างนี้ คุณออกกำลังกายแล้วแต่หุ่นก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ นั่นก็คือบิวตี้สแตนดาร์ดของคุณและเล็กก็ยอมรับได้

แต่ถ้าเกิดว่าฉันจะอ้วนฉันไม่สนใจ ฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ชีวิตของฉัน ทุกคนห้ามเตือน เล็กก็มองว่า คนที่หวังดีหรือคนใกล้ตัว เขาก็อาจจะเป็นห่วงในแง่ของสุขภาพร่างกาย เล็กยึดเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ก็จะบอกน้องว่าไม่ต้องไปแคร์มาก หนูยังสวยอยู่ แล้วก็ทุกคนรู้ตัวเองอยู่แล้ว จากคนอ้วนคนผอมคนหุ่นแบบไหน เขารู้ตัวเองอยู่แล้ว

และทุกวันนี้มีแนวทางมีวิธีการดูแลตัวเองอยู่ในโซเชียลเยอะแยะ วิธีการลดความอ้วน วิธีการเลือกกิน ความรู้มันมีเต็มโซเชียลไปหมด เขารู้อยู่แล้ว คือคุณเป็นห่วงได้ แต่มันจะมีอีแซะ คนเหล่านี้ไม่สนับสนุน แต่เล็กก็จะคอยเตือนน้องแหละว่า น้องเขารู้ตัวเองว่าช่วงนี้เขาอ้วนขึ้น ช่วงนี้เขาเป็นยังไงบ้าง เขารู้ตัวเองดีที่สุด

จริง ๆ เราไม่ต้องคอยไปเตือนเขาก็ได้ เขาก็รู้ตัวเองอยู่แล้ว แล้วก็เวลาอันนี้สำคัญ อันนี้คือถ้ามีคนข้างกายคอยเตือนจะดีมาก เพราะว่าเวลาเราหิวเราห้ามตัวเองไม่ได้ อันนี้น่ากลัว แต่ถ้ามีคนเตือนเป็นสิ่งที่ดี คือเวลาเราหิวมาก ๆ ไปถึงร้านอาหารสั่งแหลก เพราะหิวจัด ถ้าเกิดมีคนคอยเตือนก็จะเป็นสิ่งที่ดี เล็กก็จะคอยเตือนน้องเรื่องแบบนี้มากกว่า น้องเป็นคนหนึ่งที่เวลาไปกินข้าวแล้วชอบสั่งเยอะ เวลาหิว ๆ ยิ่งทำงาน ชอบสั่ง ๆ แต่กินไม่หมดแล้วใครกินล่ะ นี่

แต่ทุกวันนี้เล็กจะคอยเตือนเขาว่า กินเท่านี้ก่อน สั่งแค่นี้ก่อน แล้วก็จะคอยช่วยเลือกอาหาร สมมุติว่ามีเมนู 5 อย่าง เราก็จะบอกว่าเอาอันนี้ดีกว่าไหม ก็จะคอยช่วย คอยเลือก คอยเตือนนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยห้ามว่า พอแล้ว เดี๋ยวอ้วน ไม่เคยห้ามคำนี้เลย"

ชม โบว์ เป็นคนหุ่นเฮลท์ตี้
แต่อยากให้เขาสุขภาพแข็งแรงด้วย

เมื่อเราบอกว่า โบว์ดูไม่อ้วน หุ่นสมส่วน หนุบหนับ น่ารัก อาเล็กรีบตอบกลับมาทันทีเลยว่า "ใช่ ดูยังไงอ่ะ คือเขาเป็นหุ่นที่ดูเฮลท์ตี้อ่ะ แต่ว่าเล็กก็อยากให้เขาออกกำลังกายมากกว่านี้ แต่โบว์เขางานยุ่งมากจริงๆ แล้วคนเรา เล็กว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน เล็กชอบออกกำลังกายมาก เล็กจะไปบังคับให้น้องชอบออกกำลังกายมันก็ไม่ได้

เราก็ได้แต่คอยบอกว่า ถ้าว่าง หรือว่าต้องชวนไปด้วยกัน ถ้าเกิดไปด้วยกันน้องจะแฮปปี้มาก แต่ถ้าอยู่ๆ ส่งโปรแกรมไป เบบี๋คืนนี้ออกแบบนี้นะ เขาไม่ทำหรอก ต้องมีเพื่อน ทำกับเขาสิ

ถ้าเกิดใครกำลังมีปัญหาเรื่องนี้นะ กำลังอยากให้แฟนลดความอ้วน เพราะว่าอ้วนไปมันก็ส่งผลต่อสุขภาพ นอนกรน หายใจไม่เต็มอิ่ม โรคอ้วน เบาหวาน เล็กห่วงเรื่องพวกนี้มากกว่า การที่เราจะเตือนใครสักคน เล็กจะห่วงเรื่องนี้ เล็กไม่ได้ห่วงว่าเดี๋ยวหุ่นไม่ดี ไม่สวย"

คุณไม่มีโบว์เป็นของตัวเอง
คุณไม่รู้หรอกมันดียังไง?

"หลายๆ ครั้งเขาเป็นคนคิดถึงคนอื่นจนลืมความต้องการของตัวเอง แต่อยู่กับผม เขาจะมีความต้องการของเขาชัดเจน แต่ว่าดี เล็กชอบ เพราะว่าเขาเป็นคนอะไรก็ได้ ที่อะไรก็ได้จริงๆ แฟนของคุณ เวลาที่คุณถามว่าอยากกินอะไร เขาตอบอะไรก็ได้ คืออะไรก็ได้จริงรึเปล่า คุณไม่มีโบว์เป็นของตัวเอง

โบว์เนี่ยคือเวลาที่ถามว่า อยากกินอะไรคะวันนี้ โบว์บอกอะไรก็ได้ นั่นก็คืออะไรก็ได้จริงๆ อะไรก็ได้เลย พี่เล็กเลือกเลย อะไรก็ได้แปลว่าอะไรก็ได้จริงๆ มันทำให้ชีวิตเล็กง่ายมาก ช่วงแรกๆ ไม่เข้าใจ ช่วงที่ปรับจูน อันนี้ได้มั้ย ซูชิได้มั้ย ได้ พิซซ่าได้มั้ย ได้ ปิ้งย่างได้มั้ย ได้ อะไรก็ได้จริงๆ แต่ถ้าเขาอยากกินเขาจะบอกก่อน เอ่อ เบบี๋วันนี้หนูอยากกินนี่ค่ะ เขาจะส่งเข้ามาให้เรา โอเค พี่ส่งร้านให้เลือก เนี่ย แม้แต่เรื่องอย่างนี้ก็เข้ากัน

แล้วคือโบว์เป็นคนที่แบบ สิ่งที่เขาเป็นอาจจะไม่ได้ดีกับทุกคน แต่มันดีสำหรับเล็ก เก็ทป่ะ อย่างเช่นเวลาเรามีปัญหา เล็กจะเป็นคนที่จัดการด้วยตัวเอง แต่โบว์จะไม่ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหา โบว์ก็จะอยู่ข้างๆ นี่ก็เป็นสิ่งที่เราประทับใจโบว์ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหา เขาจะอยู่ข้างๆ เขาจะไม่ทิ้งเราไปไหน

(แต่นักข่าวรักเขานะ เวลาไปสัมภาษณ์?) ไม่เท่าเล็กหรอก (หมายถึงรักทั้งคู่?) ไม่ หมายถึงที่เล็กรักโบว์หรอก"

เมื่อถามว่า อาเล็กวางแผนในอนาคตของตัวเองยังไง อาเล็กบอกว่า "เล็กไม่กล้าวางแผนถึง 10 ปี ตอนนี้ 35 วางแผนคร่าวๆ ก็ถึง 40 ก่อน เราเองก็นักแสดงก็คืออาชีพหลัก เราเองก็อยากจะทำงานให้ตัวเราพัฒนาขึ้นด้วย ส่วนในเรื่องงานอื่นๆ ก็อยากจะขยายยูทูปของเราเอง ให้มีคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น คอนเทนต์ออกมาบ่อยขึ้น เป็นช่องที่แบบคนคิดอะไรไม่ออกก็อยากเปิดมาดูช่องเรามากขึ้น"

บท "เมฆินทร์" มาเฟียหนุ่ม
ชีวิตสุดดราม่า ใน "สายรักสายเลือด"

"ที่เล็กตีความมา อาเล็กกับเมฆินทร์ ก็คือเป็นวัย 30 กว่า เขาก็ไม่ได้โตอะไรมาก แต่ประสบการณ์ในชีวิตของเขาค่อนข้างมืดดำ ค่อนข้างที่จะทำเรื่องเหนือกฎหมาย ผิดกฎหมายมาเยอะ อดีตคือเขาต้องสั่งเก็บคนนั้นคนนี้ ฆ่าคน ขู่ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตระกูลเขาต้องการมา ก็เลยมีความดุดันมากกว่าตัวเองมากๆ ครับผม ซึ่งตอนแรกก็กังวลมากๆ เหมือนกัน

ถ้าย้อนไป เล็กเคยเล่นละครเรื่อง หนี้รักในกรงไฟ เป็นมาเฟียเหมือนกัน แต่เป็นมาเฟียใจดี แต่ว่ามาเรื่องนี้มันคืออีกแบบหนึ่งเลย ตอนแรกก็กังวลว่า มันจะทำให้เกรงขามยังไง เพราะเท่าที่อ่านเรื่องย่อก่อนที่จะเริ่มเปิดกล้อง เมฆินทร์คือโหดมาก เขามีความน่าเกรงขามมาก ใครๆ ก็กลัว

แล้วหน้าอาเล็กเป็นคนหน้าใจดี ไม่มีพิษมีภัย แล้วจะทำยังไงให้ได้ไปถึงเมฆินทร์ พอพูดถึงมาเฟีย มาเฟียต้องเป็นคนแบบดูดุๆ ใส่แว่นดำ สูบบุหรี่กินเหล้า เพราะถ้าพูดถึงมาเฟีย ก็จะแว้บภาพแบบนี้ขึ้นมา มันทำให้เล็กไปทำการบ้านว่าเราจะเป็นมาเฟียแบบไหนดี ก็เลยไปดูซีรีส์ สารคดีใน Netflix มันจะมีสารคดีที่เกี่ยวกับพวกมาเฟียในอดีตที่ดังๆ ซึ่งเล็กก็ไปดูอยากรู้ว่าจะเป็นยังไง

ก็ไปดู แต่พอรู้ว่าคนเหล่านั้นเขาก็คือคนธรรมดา แต่งตัวเนี้ยบๆ เท่ๆ บ้าง หน้าตาก็ไม่ได้น่ากลัว รูปร่างก็ไม่ได้สูงใหญ่ ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเคยทำมามากกว่า แบบผู้คนพูดถึงเขายังไง คนนี้คือของจริง มันทำให้เล็กไปทำการบ้านกับอินเนอร์มากกว่า ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก ทางทีมก็คือมาช่วยกันว่าจะเอายังไงดี แต่งตัวยังไงทำผมยังไง ลองใส่หนวดก่อนในวันฟิตติ้ง ดูน่าเกรงขามขึ้นนะ อีกวันนึงก็ลองเอาช่างเอฟเฟคมาทำหนวด ก็คือคนชอบ เล็กก็ชอบ เลยบอกพี่ผู้กำกับว่าติดเลยพี่ ก็เลยออกมาเป็นเมฆินทร์คนนี้"

"บทบาทดูโตขึ้นมาก มันเรียกว่าโตขึ้นในแง่การแสดงด้วย ในแง่ของความเป็นนักแสดง เล็กว่ามันยากจริงๆ คือตอนแรกเล็กคิดไม่ออกเลย อย่างตอนที่เล่นละครเรื่อง หนี้รักในกรงไฟ รู้สึกแย่มาก เพราะเราคิดไม่ออกเลย ว่าบทมาเฟียมันต้องทำยังไงเป็นยังไง

แต่พอมาเป็นเรื่องนี้ในบท เมฆินทร์ อาจจะด้วยวัยของเล็ก ด้วยประสบการณ์ที่เราสั่งสมมาด้วย และด้วยวิธีการที่เราทำการบ้านแบบใหม่ๆ มันเลยทำให้เล็กรู้สึกประทับใจในตัวเองมาก ในการรับบท เมฆินทร์ เพราะว่าเวลาทำการบ้านเล็กรู้สึกว่าเล็กเข้าใจเขามากแบบ 100% และเป็นเมฆินทร์ได้แบบเร็วมากๆ มันทำให้การทำงานที่เหลือสบายใจมากในการรับบทนี้ครับ เรื่องนี้เล็กเลยรู้สึกประทับใจ ในการเป็น เมฆินทร์ ของตัวเองมากครับ

ซึ่งบท เมฆินทร์ จะดราม่าตลอดเวลาอยู่แล้ว หน้าตึง ดุตลอดเวลาอยู่ เล็กเรียกว่าความน่าสนใจของ เมฆินทร์ ด้วยความที่เป็นผู้ชายแข็งกร้าว ดุ ดูไม่สนโลก สนใจแต่ตำแหน่งประธาน เขาดูไม่น่าจะไปรักใครสักคนได้ หรือมีใจให้กับใครได้เลย แต่เล็กว่าในเรื่องของอารมณ์ ที่เมฆินทร์ มีให้กับมนต์มีนา มันน่าสนใจ มันทำให้เขาเปลี่ยนแปลงความคิดหลายๆ อย่างในชีวิตเขา"

ต้องใช้วาทะศิลป์อย่างมาก
ในการต่อปากต่อคำกับ "ปรเมศ"

"คือมันต่างกันมากระหว่าง เมฆินทร์กับปรเมศ คือตัวเล็กกับพี่อ่ำ (อ่ำ อัมรินทร์) ต่างกันมาก ในตัวละคร 2 คน พี่อ่ำเขาจะปากจัด พูดไปเรื่อย ด่าไปทั่ว ด่ากราด แต่เมฆินทร์จะเป็นคนที่พูดน้อยต่อยหนัก พูดอะไรออกไปต้องได้ผลลัพธ์ออกมาให้เห็น เล็กว่าทุกคนน่าจะมีเพื่อนที่พูดแล้วแทงใจดำ นานๆ ทีพูดแต่พูดออกมาที่แตกตื่นกันหมด

แล้วเราก็ไม่ได้สนใจคำพูดหมาๆ ของเขาเลย เพราะรู้สึกเขาไม่มีค่า แต่เราพูดอะไรออกไปมันต้องมีผลลัพธ์และพูดออกไปแล้วต้องเจ็บ ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พี่อ่ำเขาด่าจริง เขาเป็นมนุษย์ที่ด่าเจ็บ ในบทบางคำมันก็ไม่มี เราสนิทกับเขาไง บางทีก็จะหลุดขำออกมามากกว่า แต่ติดหนวดก็จะขำมากไม่ได้

คือตอนเราเป็นเมฆินทร์เราไม่อยากรู้สึกมองหน้าด้วยซ้ำ ไม่อยากไปต่อปากต่อคำกับเขาเลย แต่ส่วนใหญ่เขาจะทำให้เราเดือดร้อนไง เราเลยอยากสั่งสอนเขา เป็นลูกที่สั่งสอนพ่อ"

"สายรักสายเลือด" ละครที่มีแต่ความเรียล
เหมือนมีอยู่ในชีวิตจริง

"สายรักสายเลือด เป็นละครที่ไม่มีจังหวะเหนื่อย เป็นละครที่เรื่องราวมันมีปมอยู่เยอะ แล้วมันไม่ได้ถูกล้างเลย ทุกๆ ปมจะค่อยๆ เฉลยออกมาทีละนิด แล้วสุดท้ายตอนจบเท่าที่เราเล่นมา มันสมบูรณ์มากๆ เขาไม่ปล่อยให้ปมไหนถูกทิ้งไปเลย

และด้วยความที่ปมเยอะ และชั่วโมงการออนแอร์มันจำกัด เรื่องจะไม่ได้มีจังหวะถูกพักเลย เล็กว่าใครที่ชอบแนวสืบสวนสอบสวน แถวแย่งชิง แนวที่คนดูคิดตาม คนดูลุ้นตาม คนดูจะเดาว่าใครเอาไป ใครฆ่า จะชอบละครแนวนี้มากๆ

และที่สำคัญเล็กชอบเคมีของ เมฆินทร์กับมนต์มีนา มาก คือเขาเป็นคู่ที่เหมือนไม่มีฉากที่จงใจให้จิ้นมาก ให้คนดูรู้สึกฟิน แต่มันจะเป็นเรื่องราวของตัวละคร 2 ตัวที่มันจะทำให้คนดูรู้สึกว่า ยังไม่ทันได้แตะตัวเลย แค่เจอหน้ากันก็ทำให้คนดูรู้สึกยิ้มแล้ว

เล็กว่ามันเป็นเสน่ห์ของละครไทยแบบใหม่ๆ ซึ่งก็เคยมีคนบอกว่าละครไทยน่าเบื่อ หกล้มจูบกัน หรือหกล้มมองตากัน แต่ละครเราไม่มีสิ่งนั้น แล้วเราจะได้เสพความเรียลของชีวิตของตัวละครจริงๆ กับชีวิตที่มันใกล้เคียงกับเขา ขอฝาก สายรักสายเลือด ด้วยนะครับ หรือจะดูย้อนหลังทาง 3plus หรือ Netflix ก็ได้ครับ"

ต้องบอกเลยว่าตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่ได้นั่งคุยกันทำให้รู้สึกว่าผู้ชายที่ชื่อ อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ นั้นโตขึ้นมากจริงๆ เปลี่ยนไปจากเมื่อ 13 ปีที่แล้วที่เพิ่งเข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ อย่างมาก เชื่อว่าชีวิตในสเต็ปต่อไปของ อาเล็ก จะต้องประสบความสำเร็จ และเป็นไปตามแพลนชีวิตของตัวเองอย่างแน่นอน และพวกเราทุกคน รอร่วมยินดีกับข่าวดีของ อาเล็กกับโบว์ เมลดา อยู่นะคะ

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม