• อ๊ะอาย กรณิศ ชีวิตที่เหมือนความฝัน เพราะได้ทำตามความฝัน เป็นนักร้อง-นักแสดง
  • มารู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของอ๊ะอาย ไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนเห็น 

  • ฟังสุดยอดเรื่องลี้ลับที่อ๊ะอายได้เจอมากับตัว 

กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ หรือ อ๊ะอาย 4EVE ชื่อนี้ไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะอ๊ะอายเป็นหนึ่งในสมาชิก 4EVE T-POP ชื่อดังของไทย ที่เธอนั้นมีทั้งความสวย น่ารัก และความสามารถทางการร้องและเต้น เรียกว่าครบสูตรสาวสวยที่ถูกใจใครหลายๆ คน

สำหรับอ๊ะอายแล้ว ความฝันของเธอนั้นคือ การเป็นนักร้องและนักแสดง จึงทำให้อ๊ะอายได้เริ่มตามหาฝันตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการประกวดร้องเพลง เล่นละคร ถ่ายโฆษณา ทำมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง กรณิศ จนตอนนี้เติบโตบนเส้นทางสายบันเทิงได้อย่างสวยงามจนเป็นที่รู้จักในชื่อของ อ๊ะอาย 4EVE

วันนี้เราได้มีโอกาสที่ได้พูดคุยกับ อ๊ะอาย ถึงเรื่องราวชีวิตและการทำงานในวงการบันเทิงของอ๊ะอายตามที่เจ้าตัวฝันเอาไว้ รวมไปถึงพูดคุยถึงผลงานชิ้นล่าสุดอย่างหนัง ATTACK วิญญาณเลขที่ 13 ผ่านทางรายการ THE STORY OF… ทางช่องยูทูบ Thairath Variety

...

อาชีพในฝันของ...อ๊ะอาย 

ถ้าใครที่ติดตามอ๊ะอายมา ก็พอจะรู้ว่าสาวน้อยยิ้มโลกสดใสคนนี้ มีความฝันที่ชัดเจนมาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ว่าอยากจะเป็นนักร้องและนักแสดง ซึ่งในวันนี้ อ๊ะอายก็ทำได้แล้ว เราเลยให้อ๊ะอายเล่าถึงพาร์ทชีวิตในช่วงเริ่มต้นการทำงานให้เราได้ฟัง ซึ่งอ๊ะอายก็เล่าไป ยิ้มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใสว่า

"ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในแต่ละปีที่เราเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็ถือว่า นับตั้งแต่ที่เข้าวงการตอนอายุ 7 ขวบก็เป็นงานที่หลากหลายดีค่ะ ได้ทำงานที่เราชอบด้วย ได้ทำสิ่งที่ชอบ ร้องเพลงและการแสดง เป็น 2 อย่างที่ถ้าสมมติอยู่ในโรงเรียนที่ครูแนะแนวให้ทำเรียงความว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร หนูก็จะเขียนว่าอยากจะเป็นนักร้องกับแสดงค่ะ

แต่ถ้าไม่ได้เป็นสองอาชีพนี้ หนูเคยคิดไว้ว่าถ้าหนูแบบมีเวลาเรียนเยอะมาก ๆ หนูน่าจะต้องโตไปเป็นนักวิทยาศาสตร์แน่ ๆ เลย เพราะหนูชอบอ่านการ์ตูนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มาก เป็นเกี่ยวกับการทดลอง และเวลาเรียนตั้งแต่ประถมจน ม.ปลาย ที่เขามีวิชาหลัก หนูก็จะชอบวิทยาศาสตร์ที่สุด (ยิ้ม)"

มาถึงคำถามที่แม้เจ้าตัวและคุณแม่ยังตอบไม่ได้ เมื่อเราถามอ๊ะอายไปแบบตรง ๆ ว่า สรุปแล้ว หนูเคยเล่นละครมากี่เรื่อง? ทำเอาอ๊ะอายถึงกับยิ้มเขินก่อนจะตอบเราได้น่ารักมาก ๆ ว่า

"ไม่เคยนับเลยค่ะ คือเคยคิดจะนับอยู่ ก่อนเข้า 4EVE เวลาไปแคสต์งาน แคสต์โฆษณา แคสต์ละคร เขาก็จะมีให้เขียนว่าผ่านผลงานอะไรมาแล้วบ้าง ก็เคยนับอยู่ช่วงหนึ่ง ว่าโอเคเราต้องเขียนสิ่งนี้ อุ๊ย ตัวนี้เราเล่นเยอะนะ เราเป็นตัวเด่นนะ เราเขียนลงไปดีกว่า จำไม่ได้แล้วค่ะ เอ (หันไปหาแม่) แม่จำได้มั้ย แม่ก็จำไม่ได้ (ยิ้ม)

ถ้าเอาแบบที่จำได้ขึ้นใจเลยก็ บางรักซอย 9 ค่ะ เป็นซิทคอม เพราะว่าด้วยความที่เป็นซิทคอมมันก็เลยจะตลก และก็เป็นซิทคอมเรื่องแรกของหนูด้วยค่ะ ก็เลยจำได้ ถ่ายเป็นปี ๆ โตไปกับซิทคอมเรื่องนี้ค่ะ

หลายคนจะรู้จักหนูในหลาย ๆ ด้าน บางคนก็จะมองว่านี่น้องแป้งหอม จากบางรักซอย 9 หรือบางคนก็จะมองว่า น้องคนนั้นนะที่ร้องเพลงใส่ชุดจีน ๆ อะ ที่ร้องเป็นพี่น้องกัน 2 คน หนูจะโดนทักบ่อยมาก กับรายการ We Kid เป็นเพลงความในใจ ที่ร้องกับน้องแพงจัง นอกจากนั้นก็ถ้ามาในช่วงนี้ก็ น้องอ๊ะอาย 4EVE ไง (ยิ้ม)"

...

ฟังอ๊ะอายเล่าเรื่องราวชีวิตไป เราก็ยิ้มตาม เพราะแววตาและรอยยิ้มตอนที่อ๊ะอายเล่าถึงเรื่องความฝันของตัวเองในวัยเด็กในเราฟังนั้นมันเต็มไปด้วยความสุข

"ถามว่าตอนนี้ชีวิตเหมือนฝันไหม ก็เหมือนมั้งคะ (หัวเราะ) คือหนูไม่ได้มีความฝันเฉพาะเจาะจงว่าอยากเป็นที่รู้จักมาก อยากประสบความสำเร็จในด้านนี้มาก ๆ หนูคิดไปทีละนิด ๆ ว่าอยากทำสิ่งนี้ได้จังเลยมากกว่าค่ะ

ถามว่ารับมือกับชื่อเสียง ความโด่งดังยังไง ไม่ได้รับมือกับมันหนักมากค่ะ เพราะว่ามันเข้ามาอยู่ในจุดที่หนูรับได้ มันไม่ได้เยอะมากหรือน้อยเกินไป หนูไม่ได้เครียดกับตรงนี้ แต่พอมีชื่อเสียง ใช้ชีวิตลำบากขึ้นไหม ก็ไม่ค่ะ สำหรับหนู หนูว่าไม่ เพราะว่าเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ยังออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนไม่ได้ต้องปิดบังตัวตนอะไรขนาดนั้น

แต่ตอนที่เหนื่อยก็มีค่ะ มีบ้างบางที แต่หนูมีทางออกหลายแบบ น่าจะหาของกินที่ชอบ หรือไม่ก็นอนไปเลย งีบไปสักแป๊บหนึ่ง หรือว่าฟังเพลงที่ชอบค่ะ หนูชอบกินไอติมโยเกิร์ตค่ะ แล้วก็เป็นพวกช็อกโกแลตทุกอย่างบนโลกใบนี้"

ความตั้งใจของ...อ๊ะอาย 

...

เมื่อเราถามถึงสิ่งที่อ๊ะอายอยากจะทำ ยังมีอะไรที่อยากจะทำอีกไหม ซึ่งเราได้รับคำตอบจากเด็กสาววัย 20 คนนี้ว่า

"หนูอยากแต่งเพลงเองค่ะ คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่หนูพูดกับทุกคน ให้สัมภาษณ์ไปกับหลายที่มาก แต่หนูยังไม่เคยทำได้เลย มันแค่ยังไม่ถึงเวลาที่หนูคิดออกจริงๆ หนูมองว่า ถ้าสมมติว่าหนูจะคิดออกสักหนึ่งเพลงมันควรที่จะมาโดยที่เราคิดออกขึ้นมาจริงๆ

ไม่ใช่ว่าเรานั่ง เราหากระดาษเราถือปากกา แล้วก็มานั่งคิดว่าจะเขียนอะไรดี หนูอยากให้มันออกมาโดยที่เราแบบไม่จำเป็นจะต้องคิดเลย ให้มันออกมาจากความรู้สึกเราข้างในจริงๆ หนูชอบคิดได้แค่แบบประโยคเดียวค่ะ แล้วหนูก็จะอัดเก็บไว้ในโทรศัพท์แต่ว่าพอฟังรวมๆ แล้วมันก็ดูไม่เป็นเพลงเท่าไหร่ ก็เลยยังไม่ได้เลย (ยิ้ม)"

ความกลัวของ...อ๊ะอาย

ฟังเรื่องราวของอ๊ะอายแล้ว เราก็อดถามคำถามนี้ไม่ได้ว่าอ๊ะอายมีความกลัวที่จะไม่ได้ใช้ชีวิต แล้วการใช้ชีวิตแบบไหนกันที่ทำให้อ๊ะอายกลัว ซึ่งสาวสวยก็ได้บอกเล่าให้เราฟังว่า

"ชีวิตที่หนูอยากใช้คือชีวิตนี้แหละค่ะ (ยิ้ม) คือหนูแค่เคยคิด เป็นคนชอบคิดนู่นคิดนี่และชอบเรื่องลึกลับมาก เพราะฉะนั้นหนูก็จะคิดว่า เฮ้ย เราอาจจะเคยแบบตุยเย่ไปแล้วหรือเปล่า แต่ว่าเราโดนดูดไปอยู่อีกโลกหนึ่งให้เรายังใช้ชีวิตอยู่ อะไรแบบนี้ หนูเป็นคนชอบคิดอะไรเรื่องแบบนี้มาก เพราะฉะนั้นหนูเลยมานึกว่าชีวิตนี้มันเป็นชีวิตที่หนูอยากได้มากๆ หนูชอบชีวิตตัวเองตอนนี้มาก ก็เลยถ้าต้องเลือกว่ากลัวอะไร ก็คงกลัวว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ค่ะ

...

ส่วนคนที่มองว่าชีวิตของอ๊ะอายน่าอิจฉา เอาจริงๆ ชีวิตคนอื่นก็น่าอิจฉาเหมือนกัน คือแต่ละคนมีข้อดีในชีวิตแตกต่างกันค่ะ อย่างที่ใช้ชีวิตหนูในทางนี้ หนูก็มีสิ่งที่ดีๆ และสิ่งที่ไม่ดีเหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนกับทุกๆ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ เขาก็จะมีทั้งสิ่งที่เขาแฮปปี้มาก หรือในวันที่เขาแบบไม่แฮปปี้เลยเขาก็มีเหมือนกัน"

ตัวตนที่แท้จริงของ...อ๊ะอาย 

จากนั้น เราถามอ๊ะอายต่อเลยว่า เห็นอ๊ะอายเหมือนจะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน แต่ตัวตนจริงๆ ของอ๊ะอายนั้นเป็นอย่างไร สารภาพมาให้พวกพี่ๆ ฟังซะดีๆ งานนี้ทำเอาเจ้าตัวยิ้มเขิน ก่อนจะเล่าให้ฟังว่า

"ถ้าฟังจากพี่ๆ ในวงที่เขาอยู่กับหนูมา แล้วเขาพูดเป็นเสียงเดียวกัน เขาบอกว่าหนูเหมือนเป็นคนเปิดปิดสวิตช์ทำงาน คือถ้าเป็นคนทำงานปุ๊บ หนูจะดูมีมาดนิดนึงแล้วก็จะเป็นคนที่เรียบร้อยขึ้นมาเลยค่ะ ไม่ว่าเริ่มทำงานแล้วเป็น แต่ว่าแค่เดินเข้ามาวันนี้ทำงานหนูก็จะแบบดูเรียบร้อยขึ้นมาทันทีเลย ถ้าสมมติว่าแค่ซ้อมเต้นหรือว่าไปกินข้าวกับพี่ๆ หรืออยู่ในชีวิตส่วนตัว ไป ม. ไปเรียน ทุกคนก็จะบอกว่าหนูดูไม่เหมือนคนที่อยู่ในจอ ก็คือคนที่กำลังทำงานอยู่

หนูว่า หนูเป็นคน จริงๆ หนูเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แล้วก็เป็นคนแบบงงๆ ค่ะ งงๆ กับชีวิตนี้ เพื่อนพูดด้วยก็จะ ห๊ะ อะไรนะ งงไปหมด เพื่อนพูดอะไร เมื่อกี้ไม่เข้าใจ ทั้งเพื่อนทั้งพี่ในวงด้วยค่ะ การันตีแล้ว

ถามว่าเป็นน้องเล็กในวง พี่ๆ เขาเลี้ยงน้องยังไง คือพอเป็นน้องเล็กในวง ตอนแรกๆ พี่ๆ เขาก็จะมีความเอ็นดู เพราะว่าเรายังไม่ได้สนิทกันมาก เข้าวงมาเขาก็จะเอ็นดู เป็นน้องเล็กตามใจ แต่ตอนนี้เลี้ยงดูด้วยแบบ เฮ้ย ทำไมๆ ตีกันทุกวัน ล้อเล่นๆ (หัวเราะ) ทุกคนชอบบอกว่าหนูโตแล้ว เพราะว่าหนูสู้คนและนอกจากสู้คน สู้พี่ในวงด้วย เขาก็จะบอกอย่างนั้นตลอด หนูก็จะแบบ หนูก็ไม่ได้สู้นะ คือหนูสู้อยู่ตอนนั้น (หัวเราะ)

พี่โจบอกว่าหนูชอบสู้เขาโดยที่หนูไม่รู้ตัว อย่างเช่น หนูพูดได้มั้ย เคยพูดในไลฟ์สดของพวกเรากันเอง เราทำงานวงต้องเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วเราก็จะเดินทางด้วยรถตู้ หนูนั่งตรงกันข้ามพี่โจ แล้วแวะปั๊มแล้วหนูก็ตื่นขึ้นมา พี่โจก็พูดถึงเรื่องขนมที่ตัวเองซื้อมากับคนในรถนี่แหละค่ะว่าอันนี้เป็นเค้กมะพร้าวนะ แต่ทำไมมันเหมือนใส่คัพเหมือนกล้วยเลย ก็คุยกันไปคุยกันมา หนูก็หันหน้ามอง แล้วหนูก็คัน พอเขาพูดจบ หนูก็พูดว่าคันตีนว่ะ แล้วพี่โจก็แบบ มึงมองกูทำไม หนูก็บอก ไม่ หนูคันเฉยๆ แล้วหนูก็มองหน้าพี่เฉยๆ เพราะพี่กำลังพูดอยู่ แล้วหนูก็เลยพูดให้พี่ฟังด้วยว่าหนูคัน แต่พี่โจบอกว่า ไม่ เมื่อกี้หน้าแบบหน้านิ่งมาก เหมือนแบบจะต่อยกู เพราะกูพูดผิดเหรอ มะพร้าว กล้วยเหรอ อะไรอย่างนี้ แต่จริงๆ หนูไม่ได้คิดอะไรเลย หนูแค่พูดออกมาเฉยๆ ค่ะ (หัวเราะ)"

เรื่องลี้ลับของ...อ๊ะอาย

เพราะอ๊ะอายเป็นคนชอบเรื่องลี้ลับ งานนี้เราเลยขอให้สาวสวยเล่าเรื่องลี้ลับให้เราฟัง ซึ่งอ๊ะอายก็ไม่อิดออด พร้อมเล่าเรื่องราวที่ได้เจอมากับตัวบ้าง ฟังจากคนอื่นเล่าบ้าง และเรื่องที่คิดไปเองให้ฟังบ้าง บอกเลยว่าพวกคุณจะต้องยิ้มตาม

"เรื่องลี้ลับหนูไม่เคยเจอกับตัวเองจะๆ ขนาดนั้นค่ะ แต่ว่า อันนี้เล่าสู่กันฟังแล้วกัน หนูเคยได้ยินเรื่องจากพี่คนหนึ่งมา เกี่ยวกับรูปร่างลักษณะของผีที่เขาเห็นเป็นยังไง หนูก็แบบ จริงเหรอ จนกระทั่งล่าสุดหนูไปเรียนร้องเพลงค่ะ แล้วครูที่สอนร้องเพลงเขาก็เหมือนมีเซ้นส์ เขาก็เล่าเรื่องของตัวเอง กลายเป็นว่า รูปร่างลักษณะที่ครูเล่าตรงกับพี่คนนั้นเป๊ะเลย หมายถึงว่า เขาบอกว่า มันจะเป็นร่างที่เห็นเป็นเงา แล้วก็เป็นสีเทาๆ ส่วนตรงตา ไม่ได้เป็นหน้านะคะ แต่มีแค่โบ๋ลงไปแบบนี้ ก็เลยแบบ นี่คุณพี่เล่าเหมือนกัน โอ้มายก็อด แปลว่าคนนั้นเล่าจริง เรื่องจริง แล้วครูก็เล่าเหมือนกัน นี่ผีเป็นอย่างนั้นเหรอ

ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่ง ก็กับครูคนนี้อีกแล้วค่ะ เขาสอนให้หนูวอร์มเสียง เหมือนตอนนั้นสอนให้เป็นเสียงเหมือนแบบสวดมนต์ ให้ลองวอร์มเสียงแบบสวดมนต์ ก็เลยท่องนะโมตัสสะจริงๆ แล้วก็ทำเสียงเหมือนอยู่ในวัดค่ะ ที่พระสงฆ์เขาแบบสวดกัน แล้วพอสวด อยู่ดีๆ เพลงก็เด้งขึ้น เพลงเปิดเองโดยที่โทรศัพท์อยู่อีกมุมห้อง ไม่ได้เชื่อมลำโพง ไม่ได้เสียบสาย คืออยู่ดีๆ ก็เปิดขึ้นมา แล้วพวกหนูก็เลยคุยกันว่า ครู หรือเราเริ่มเพลงเลยมั้ย เขาอาจจะอยากให้เราเริ่มร้องได้แล้ว เลิกสวดก่อนอะไรอย่างนี้

และเรื่องที่มันดูน่ากลัว ก็เป็นโรงแรมที่เราจะต้องไปพักกัน ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้เลือกเอง ทางผู้จัดการเขาก็จะเป็นคนเลือกให้ ซึ่งพวกหนูเป็นอะไรมากก็ไม่รู้ มันจะเป็นดวงที่แบบ ถ้าสมมติว่าวันนั้นไปเล่นที่จังหวัดหนึ่ง แล้วไปเฉยๆ พอเสร็จกลับกรุงเทพไม่ได้นอนค้างโรงแรมจะดีมากค่ะ โรงแรมจะดูแบบอันนี้ไม่มีผี แต่ถ้าสมมติว่า เป็นงานที่เล่นเสร็จต้องนอนค้าง จะต้องดูมีตลอด หนูไม่เข้าใจ จะต้องแบบ เอาอีกล่ะ มันแบบเปิดห้องไปมันเย็นๆ เนอะ เนอะพี่แฮนเนอะ มันชื้นๆ เนอะ หนูจะเป็นรูมเมทคู่พี่แฮน

เคยมีอยู่รอบหนึ่งค่ะ มันจะเป็นตึกแล้วจะมีทางเป็นสะพานนิดหนึ่งแค่แบบสั้นๆ ไปอีกตึกหนึ่ง ห้องที่พวกเรานอนก็จะเป็นห้องติดกัน ตอนที่เดินผ่านห้องหนึ่งก่อนจะไปถึงห้องที่เราพัก ประตูเป็นรอยทุบ ทุบออกตรงกลาง ตรงลูกบิดก็คือเอาออกไปแล้ว แต่เป็นรอยกว้างประมาณหนึ่ง แล้วห้องก็ปิดมืด เอาเลขห้องออกด้วย (ยิ้ม)

แล้วหนูกับพี่แฮนเดินผ่าน แล้วห้องถัดไปเป็นห้องหนู แย่ไปกว่านั้นคือ หนูเปิดประตูห้องเข้าไป ห้องมันเชื่อมกันกับห้องนั้น แต่ว่าประตูล็อกอยู่ หนูเป็นแบบ เครียด นี่เราต้องนอนจริงๆ เหรอ วันนั้นเป็นวันถ่ายเอ็มวี หยดน้ำตา มั้งคะ หยดน้ำตาจริงๆ แล้วหนูต้องตื่นมาตีสาม เพราะว่าเขาอยากให้ถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น แล้วหนูดันเป็นคิวแรกๆ กับพี่โจ

และนอกจากห้องมันเชื่อมกับห้องนั้น มันเชื่อมกับอีกห้องหนึ่ง ซึ่งห้องนั้นเป็นห้องพี่โจพี่ออม แต่ห้องนั้นคือล็อกไว้แล้วพวกหนูก็คุยกัน เราเปิดไว้เหอะจะได้เหมือนนอน 4 คน หนูก็ยืนแปรงฟันตอนตีสาม อยู่ๆ ก็มีเสียงเรียก อ๊ะอาย หนูแบบ ชะงัก พี่แฮนก็ไม่น่าใช่ เพราะพี่แฮนคิวตีสี่ ไม่น่าตื่นมาตอนนี้ ใครเรียกวะ

เลยหันไป พี่โจยืนอยู่ มียาสีฟันให้ยืมมั้ย คือใจแป้วไปแล้วพี่โจ แล้วทำไมต้องเรียกชื่อก่อน ก็พูดมาเลยได้มั้ย อ๊ะอายมียาสีฟันให้ยืมมั้ย อันนี้แบบ อ๊ะอาย มียาสีฟันให้ยืมมั้ย อ๋อ โอเค สบายใจค่ะ หลอนจริงค่ะ (หัวเราะ)"

บทบาทใหม่ที่แสนท้าทาย...อ๊ะอาย

มาถึงผลงานเรื่องล่าสุด สำหรับหนังผีอย่าง ATTACK วิญญาณเลขที่ 13 พูดถึงเรื่องหนังผีแบบใด อ๊ะอายมีแต่รอยยิ้มและเล่าเรื่องด้วยเสียงหัวเราะและตาที่เป็นประกาย ซึ่งอ๊ะอายเล่าถึงหนังเรื่องนี้ว่า ตั้งใจรับเล่นเพราะผู้กำกับคนเก่งอย่าง คุ้ย ทวีวัฒน์

"สำหรับหนังเรื่อง ATTACK วิญญาณเลขที่ 13 อย่างแรกเลยที่ทำให้หนูตัดสินใจว่าหนูอยากเล่นเรื่องนี้มากๆ นอกจากตัวบทแล้ว อ่านจากเรื่องย่อที่ทีมงานส่งมาให้แล้ว ก็เป็นเรื่องผู้กำกับค่ะ พี่คุ้ย คือผู้กำกับเรื่องนี้เป็นส่วนหลักๆ เลย ที่ทำให้หนูรู้สึกว่า หนูอยากร่วมงานกับพี่คุ้ยมาก

เพราะว่าก่อนหน้านี้ 3 ปีที่แล้ว ช่วง 4EVE เดบิวต์แรกๆ เลย หนูเคยเล่นละครที่พี่คุ้ยกำกับ เป็นละครเรื่อง ครูเพ็ญศรีกับเลดี้ผีปอบ เป็นละครตลกแต่ก็เกี่ยวกับผี ผีปอบเหมือนกัน ตอนนั้นมันเป็นการทำงานที่สนุกมากค่ะ คืออยู่กับพี่คุ้ยแล้วสบายใจมากๆ ไม่มีวันไหนที่ไปออกกองแล้วมันเครียดเลย ไม่มีวันไหนที่แบบ เฮ้อ กองนี้ไม่อยากไปเลย บทนี้เหนื่อยจังเลย ไม่มีเลย

พี่คุ้ยเป็นผู้กำกับที่เก่ง เหมือนเขารู้แล้วว่าเขาอยากได้อะไรบ้าง เขามีภาพในหัวไว้หมดเลย ก็เลยทำให้การทำงานกับพี่เขาง่ายมากๆ รวมถึงทีมงานที่เหมือนเกือบจะเป็นเซ็ตเดิมๆ มาจากเรื่องนั้นมาอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เลยรู้สึกว่า นี่แหละ ภาพยนตร์เรื่องนี้หนูต้องเล่น

สำหรับหนังเรื่อง ATTACK วิญญาณเลขที่ 13 หนูรับบทจินค่ะ จินคือเด็กธรรมดาทั่วไปใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน แต่ว่าก็จะมีเรื่องราวที่เขาเคยโดนบูลลี่มาก่อน แต่ว่าสุดท้ายมันก็มีจุดพลิกที่ทำให้เขารู้สึกว่า ทำไมไม่สู้กลับ ทำไมเขาต้องเป็นคนต้องยอมเท่านั้นเหรอ เขาก็เลยสู้เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้นแหละค่ะ

ความท้าทายของบทนี้คือ ความที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวจริงของหนู และก็ดูโตกว่าอายุในบทด้วย เขาดูเป็นคนที่มีความคิด แล้วก็ช่างสังเกตมากๆ จะดูไม่เหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่อยู่ในโรงเรียนกับเขา ด้วยความที่เขาเป็นหัวหน้าทีมวอลเลย์บอลด้วย มีความเป็นฟีลกัปตันเป็นหัวหน้าขึ้นมาค่ะ

อยากให้ทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้กันนะคะ รับรองจะไม่ผิดหวัง 1 เลยเรื่องเอฟเฟ็กต์แน่นอน 2 คือเรื่องภาพ หนูว่าภาพสวย และ 3 นักแสดงละกัน สำหรับหนูถ้าให้คะแนนตัวเองกับพี่ๆ ทุกคนที่เป็นนักแสดง ให้คะแนนสูงมาก เพราะว่าทุกคนมีความพยายามมาก หนูมองว่านักแสดงทุกคนตั้งใจมากๆ กับเรื่องนี้ หนูก็เลยอยากให้ทุกคนมารอดูความตั้งใจของนักแสดงเรื่องนี้กัน นอกจากนักแสดงก็มีความตั้งใจของทีมงานทุกคนที่ทุกอย่างมันยากมากเลยค่ะ เราถ่ายกันยากมาก มีบางคิวต้องยกไป เพราะถ่ายไม่ทันจริงๆ แล้วเป็นซีนใหญ่ด้วย เป็นซีนนอกสถานที่ด้วย แค่ซีนหนึ่งซีนเดียวถ่ายนานมากค่ะ ถ่ายถึงเช้าจนฟ้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ถ่ายกัน 2 วันเลย ก็เช้าเหมือนกัน อยากให้ทุกคนมารอดูว่าผลงานที่พวกเราทุ่มเท สร้างขึ้นมาในครั้งนี้จะออกมาเป็นยังไงค่ะ

ถามว่าคะแนนเต็ม 10 หนูให้ 11 คะแนนเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะว่าเอฟเฟ็กต์ดีมากจริงๆ หนูชอบเอฟเฟ็กต์เรื่องนี้มาก มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด คนดูน่าจะแบบตกใจว่า นี่มันขนาดนี้เลยเหรอ ตกใจเอฟเฟ็กต์ ตกใจบท ตกใจตัวละคร คือเรื่องนี้ตัวละครลึกลับมากค่ะ ต้องไปดูว่าแต่ละตัวละครเป็นยังไง คุณอาจจะมองว่า เริ่มเรื่องมา เดาง่ายจัง ทำดูเนือยๆ จัง แต่ถ้าถึงอยู่ในจุดพีกๆ หนึ่ง แบบปัง มันไม่มีทางหยุดเลย มันไปต่อเรื่อยๆ จนจบเรื่องแล้วคุณจะจบแล้วเหรอคะ (ยิ้ม)"

ตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ได้นั่งคุยและทำงานกับอ๊ะอาย เราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจทำงานของอ๊ะอาย และเชื่อว่าในอีกหลายๆ ปีข้างหน้า วงการบันเทิงก็ยังจะมีชื่อของนักร้อง-นักแสดงหญิง และนักแต่งเพลงที่มีชื่อว่า อ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ อย่างแน่นอน