กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียล สำหรับแม่นาย ดัง พันกร ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นที่ถูกใจของชาวเน็ตไปทุกเรื่อง เรียกว่าทันโลกทันข่าวทันกระแสแบบสุดๆ พร้อมอัปเดตชีวิตหลังห่างหายไปจากวงการนานหลายปี ประกาศกลางรายการโสดมา 46 ปี ตอนนี้เปิดรับยินดีหากมีคนเข้ามา ในรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง One31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร
ขึ้นแท่นขวัญใจ GEN Z ไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ดีๆ เราก็คึกคักกับวัยรุ่นยุคใหม่?
ดัง พันกร : จริงๆ แล้วก็เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย เค้าเล่นโซเชียล เราก็ลองเล่นโซเชียลดูบ้าง
แล้วทำไมโซเชียลเรายอดติดตามขึ้นดีมากเลย?
ดัง พันกร : คือมันเริ่มมาจากที่ดังเป็นคนสนุกสนาน อารมณ์ดี และคือถ้าเรามีเพจก็เหมือนเราคุยกับแฟนเพลง ที่สมัยก่อนต้องเขียนจดหมายหากัน อันนี้มันก็ว่าไดเร็กตรง เวลาเรามีอะไร เราก็ไม่อยากขำคนเดียวอยู่บ้าน หรือกับเพื่อน ก็เอามาขำด้วยกันแล้วกัน
แต่ว่าทันกระแสหมดเลยนะ?
...
ดัง พันกร : ใช่ครับ เพราะแอดมินเราเยอะ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น คนก็จะแซวว่าเรามีแอดมิน 200 คน ก็เล่นกันไป น้องๆ ก็เล่นกันด้วย
ล่าสุดรันวงการฟุตบอลแล้ว?
ดัง พันกร : ปกติเราก็จะนั่งกันอยู่ที่หน้าจอ ก็เลยจะทันทุกกระแส ก็ดูว่าสังคมเขาเป็นยังไงบ้าง เขาพูดอะไรกันทำอะไรกัน
อย่างล่าสุดกับ “ลิซ่า” ก็เหมือนกันที่ได้ร่วมงานกับ Maroon 5?
ดัง พันกร : มันเป็นมุกเลี่ยนๆ ที่เราก็เสิร์ฟให้กับคนดู ก็จะมีทั้งมุกเลี่ยน มุกเสี่ยว คละกันไปเรื่อยๆ แต่มุกก็จะมีน้องๆ แอดมินดูอยู่ ก็ร่วมด้วยช่วยกัน เราจะมีการคุยกันและเห็นความต้องการร่วมกัน คิดไปทางเดียวกันพูดไปทางเดียวกัน สนุกสนาน
มันก็มีทั้งคนที่สนุกกับเรา และมองไปในทางที่สร้างกระแส?
ดัง พันกร : จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ ที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ส่วนใหญ่ของเราจะไม่ค่อยมีในทางลบ ดังเลยมองว่ามันเป็นอีกที่หนึ่งที่คลายเครียด เครียดจากงานมารถติดก็ทำให้ยิ้มได้ หัวเราะได้ จุดประสงค์ก็แค่นั้นเอง
เราเป็นคน introvert มั้ย?
ดัง พันกร : คือเมื่อก่อนกันก็จะเป็นคนที่เงียบๆ ของดัง แต่ดังก็เป็นคนที่สนุกสนานแบบนี้มานานแล้ว ไม่ได้ introvert แบบนั้นหรอกครับ และเมื่อก่อนก็ไม่ได้มีโซเชียลอะไรแบบนี้ เราก็จะอยู่กับเพื่อนเราซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้เราก็จะมีเพื่อนมากขึ้น เพื่อนในเพจมาคอมเมนต์กันไปมาก็สนุกดี บางทีเราเหงาๆ ตอนกลางคืน ก็มานั่งดูเขาตอบกันมา เราก็ขำไปด้วยยิ้มไปด้วย มันก็เหมือนมีเพื่อน
ณ ปัจจุบันมีเพื่อนเพิ่มขึ้นกี่คนแล้ว?
ดัง พันกร : น่าจะประมาณ 500,000 กว่า ใครที่อยากรับความบันเทิงจากพวกเราติดตามเพจได้นะครับ
ฉายาแม่นายมาจากไหน?
ดัง พันกร : จริงๆ มาจากพี่ๆ นักข่าวตั้งให้ แล้วก็เลยเถิดมาถึงทุกวันนี้ จริงๆ สรรพนามมีมาโดยตลอด แต่อยากจะเรียกอะไรน้องก็ยินดี ขอให้เค้าเรียก แต่เค้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะเราบังคับคนอื่นไม่ได้ ฉายาล่าสุดก็แม่นาย โอเคก็ได้
ก่อนหน้านี้จะมีช่วงที่หายไป หลังจากที่อยู่ในวงการมา 20 ปี?
ดัง พันกร : ก็คือช่วงไม่นานเลยใช่ไหมครับ ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ได้พักจริงๆ เวลาที่ออกอัลบั้มออกเทปมา คือไม่ได้หยุดเลย ทำเพลงออกคอนเสิร์ตเตรียมงานใหม่มันก็จะเป็นแบบนี้มาตลอด เรียกว่าพักดูแลตัวเอง ดูแลร่างกาย
วงในเม้าท์มาว่าหยุดทำงานพักใช้เงิน?
ดัง พันกร : จริงๆ แล้วเป็นช่วงที่อยู่กับตัวเอง ช้อปปิ้งก็เป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว เหมือนจะพักแต่ก็ไม่ได้พักเพราะว่าเรารักในงานเพลง ก็คิดงานเพลงใหม่ๆ มาเรื่อยๆ ก็ทำงานโปรเจกต์ใหม่อยู่ ซึ่งก็จะเป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่จะมอบให้กับแฟนเพลงของดังเลยที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ตั้งแต่เริ่มแรกเลยก็น่าจะมีอะไรให้ชมกันประมาณปลายปีนี้
ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อนก็ล้านตลับตลอด กี่อัลบั้มที่ออกมา?
ดัง พันกร : ไม่ได้นับ (หัวเราะ) แต่น่าจะหลายอัลบั้ม เพราะมันมีอัลบั้มพิเศษด้วย เพราะมานับตอนนี้ก็หลายอัลบั้มอยู่นะครับ
เวลาไปคอนเสิร์ตมีสาวๆ ที่แบบมาต่อแถวชอบเราบ้างมั้ย?
ดัง พันกร : ตอนนั้นอาร์เอสเค้าคุมเข้มครับ ก็จะอยู่กับ AR แล้วก็การ์ด จะไม่ค่อยได้ไปไหน เหมือนอยู่ในความควบคุมตลอดเวลา แต่เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีน้องๆ แฟนคลับมาหาตลอดเวลา อย่างที่คอนเสิร์ตสนามบินบางทีน้องๆ มาหาจนเอารถออกจากสนามบินไม่ได้ จะต้องไปรับกันที่ลานสนามบินเลย เพราะเวลาบินกลับไปเรียนทีนึงก็จะมีน้องๆ มาส่งเยอะมาก เพราะเป็นอีกฟีลหนึ่งที่ต่างจากสมัยนี้ เพราะจะได้เจอศิลปินก็ถือว่ายาก
...
เคยเป็นคู่จิ้นกับ “โดม” มาก่อน?
ดัง พันกร : จริงๆ โดมกับดังก็สนิทกัน เพราะอยู่ค่ายเดียวกัน ไม่ใช่คู่จิ้น ก็ด้วยความที่สนิทกัน อยู่ค่ายเดียวกัน ก็จะมีเล่นกันบ้าง บางทีก็เล่นกันไปกันมา ก็เป็นความสนิท มิตรภาพที่ดีมากกว่า ส่วนที่โพสต์กันไปกันมาก็เหมือนเล่นกันในเพจ พูดคุยกับแฟนคลับให้ลูกเพจได้มีความสนุกสนาน
คนเข้าใจว่าเปลี่ยนชื่อ?
ดัง พันกร : จริงๆ คนเข้าใจว่าดังเปลี่ยนชื่อ แต่นั่นมันคือชื่ออัลบั้ม มันเป็นชื่อที่พระอาจารย์ที่นั่งวิปัสสนาตั้งให้ และเอามาลิงก์กับเพลง เพราะมันเป็นอัลบั้มใหม่ก็เอามาลิงก์กัน ตอนนั้นก็ปล่อยออกมาเพลงนึง ในอัลบั้มก็หยุดทำเพราะเปลี่ยนไอเดีย และช่วงโควิดด้วย
ตอนนั้นเทเงินไปเท่าไหร่?
ดัง พันกร : ก็ไม่เท่าไหร่ครับ มันคือช่วงระหว่างการทำด้วย ยังทำไม่เสร็จสิ้น แต่ก็โชคดีที่ช่วงโควิดคนก็ไม่พร้อมจะรับอะไรทั้งสิ้น เราก็เลยโอเค แล้วก็มีไอเดียใหม่ขึ้นมาด้วย ก็เลยเกิดสิ่งใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่องกันไปครับผม
...
ตอนเล่นคอนเสิร์ตมีเรื่องราวเฉียดตายด้วย?
ดัง พันกร : อ๋อ... แต่ก่อนเราเล่นคอนเสิร์ตทุกครั้งแล้วมันก็จะมีต่างจังหวัดก็จะมีตีกัน ร้องอยู่บางทีก็ขวดปาบ้าง แก้วแตกบ้าง ตอนนั้นหน้าที่เราก็คือต้องวิ่งเข้าหลังเวที แต่เราก็ยืนถือไมค์แล้วบอกให้ใจเย็นๆ นะพี่ ส่วนทีมงานก็ต้องมาลากเราเข้าไปในหลังเวที แล้วก็ขับออกจากสถานที่แล้วก็ไปเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งเขาก็ยังสู้กันอยู่
สักพักก็มีเสียงปิ้วเหมือนเป็นลูกกระสุน แล้วมันไปโดนที่ถังขยะ เฉียดเลยสัมผัสได้ถึงลม ก็เลยรีบเข้าห้องน้ำและขึ้นรถตู้กลับบ้าน ตอนนั้นก็จิตตก แต่โชคดีที่ไม่โดนเรา เวลาเราขึ้นคอนเสิร์ตแต่ละทีเราไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย เพราะเรารู้สึกว่าเรามามอบความสุข ไม่ได้คาดคิดว่าคนจะตีกัน หน้าที่เราเป็นนักร้องพร้อมขึ้นเวทีแล้ว มอบความสุขความสนุกให้กับคนบนเวที เพราะฉะนั้นเรื่องหน้างานมันไม่ได้คาดคิด
คนส่วนใหญ่เค้ารู้ว่าบ้านเราคุณพ่อเป็นตำรวจ?
ดัง พันกร : ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ก็น่าจะพอทราบกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะถึงวินาทีนั้นก็ชุลมุน อยู่งานๆ นึงเป็นทัวร์ใหญ่ของบริษัทอาร์เอส ดังขึ้นคนสุดท้าย เค้าล้อมรั้วแบบจริงจังยกเวทีจากกรุงเทพไปเลย มีนักร้องประมาณ 12 คน
...
คอนเสิร์ตเริ่มแล้ว เราแต่งหน้าทำผมพร้อมแล้วอยู่หลังเวที พอคนที่ 11 ขึ้นดันตีกันซะก่อน กลายเป็นว่าศิลปินทุกคนก็ต้องเกณฑ์กันขึ้นรถบัส คอนเสิร์ตก็ยกเลิกเราก็กลับบ้าน เราก็เสียฟีลเหมือนกันเพราะเรายังไม่ได้ขึ้นเลย แต่งตัวไปเก้อเลย ก็คือเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่จะไม่ลืมเลย เพราะมันเป็นงานใหญ่และงานของค่ายด้วย
เห็นแบบนี้เห็นว่าเป็นสายมูตัวแม่?
ดัง พันกร : ก็ไม่เชิงขนาดนั้น เมื่อก่อนเคยเลี้ยงลูกเทพ เลี้ยงแก้เหงาตามประสาคนโสดอยู่คนเดียว ตอนนั้นเขาฮิตกัน เราก็เลยเอากับเขาด้วย ถามว่ามีอะไรตอนกลางคืนมั้ย คือมองสองด้านเป็นความเชื่อส่วนตัว เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ คือตอนแรกดังก็เป็นคนกลัวผีอยู่แล้ว คือลูกเทพเราก็จะนึกถึงกุมารทอง ตอนกลางวันเราก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอก
แต่พอปิดไฟแล้วเริ่มอยู่คนเดียวแล้วก็เอ๊ะยังไง จะมีอะไรอยู่ในบ้านเราหรือเปล่า ก็ลองนอนดูซักพักก็แบบเราคิดไปเองหรือเปล่า เพราะพื้นไม้เหมือนมีอะไรก๊อบแก๊บแล้วก็แบบเหมือนมีคนเดินหรือเปล่า ตอนนั้นก็ขนหัวลุกเหมือนกัน ตอนนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน
ตอนเช้าก็เลยแบบทำยังไงดีกลัว เรื่องแบบนี้เราจัดการเองไม่ได้ ก็เลยโทรหาพระอาจารย์ที่เชียงใหม่ แล้วก็เปิดลำโพงบอกให้พระอาจารย์เทศน์บอกเค้าหน่อยว่าอย่ามาหลอกกันนะ (หัวเราะ) แต่สุดท้ายก็กลับมามีสติได้ด้วยตัวเอง ว่าจิตใต้สำนึกของเราเองมากกว่าว่าเรากลัวหรือเราไม่มั่นใจถ้าเราไม่นิ่งสิ่งเหล่านั้นเกิดได้คือมโนภาพ จริงๆ เป็นเสียงธรรมชาติอยู่แล้ว
ตอนเลี้ยงมีขออะไรบ้างไหม?
ดัง พันกร : ก็มีขอบ้างตามไบเบิ้ลเค้าเลย จริงๆ ก็ขอ แต่การขอของดังคือถ้าขอแสดงว่าเราตั้งใจทำสิ่งๆ นั้นอยู่แล้ว บางทีความตั้งใจของเรามันก็ขอให้เกิดความสำเร็จได้ ดังก็มองสองอย่างไม่ให้มันงมงายเกินไป ตอนนี้ก็ส่งน้องกลับบ้านไปแล้ว
46 ปีแล้วทำไมไม่เคยมีใครเห็นแฟนเลย?
ดัง พันกร : ก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่มีก็ได้นะครับ ไม่ได้ปิดข่าวหรืออะไรนะครับ แต่ว่ามันไม่มี
ทำไมถึงไม่มีแฟนเลย?
ดัง พันกร : นั่นน่ะสิ ก็เป็นคำถามที่ถามตัวเองเหมือนกัน ตลอดระยะเวลา 46 ปี ไม่เคยมีแฟนเลยจริงๆ ครับ คือถ้ามองย้อนกลับไปน่าจะมีคนมาจีบ แต่ขณะนั้นคือเราเป็นนักร้อง คือเราไม่ได้คิดอะไรกับทุกคน มองว่าเค้าชอบในผลงานของเรา แต่ว่าตอนนี้คิดว่าตัวเองต้องมีล่ะ ยินดีถ้าคนเข้ามาจีบ ไม่มีสเปก ขอให้เราถูกใจเขาและเขาถูกใจเราด้วย ซึ่งมันก็ยากเหมือนกัน แต่คงไม่ยากเกินความสามารถ
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม