- ญาญ่า อุรัสยา เล่าจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนสถานะกับ ณเดชน์ จากคู่จิ้นเป็นคู่จริง
- I'm very lucky ที่ได้เจอ ณเดชน์ คนที่พร้อมเข้าใจและพร้อมผลักดัน
- ผลงานเรื่องล่าสุด ร่วมงานกับฮอลลีวูด Home Sweet Home Rebirth
เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิง ที่ทำงานอยู่ในวงการนี้มา 18 ปีแล้ว สำหรับนางเอกสาวมากความสามารถอย่าง ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์ ที่มีผลงานการแสดงที่การันตีฝีมือของนักแสดงสาวคนนี้ว่าไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีความสามารถรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การร้อง การเต้น ญาญ่าก็ไม่เป็นสองรองใคร
แต่ถึงแม้ ญาญ่า จะโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายสิบปี แต่ชื่อเสียงและความนิยมในตัวของญาญ่าก็ยังไม่เคยแผ่ว ญาญ่าค่อยๆ พัฒนาฝีมือทางการแสดงจากนักแสดงหน้าใหม่ จนปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นนางเอกซุปตาร์ของวงการบันเทิง และดูท่าว่าตำแหน่งนี้จะไม่ถูกโค่นลงง่ายๆ
และวันนี้เราได้มีโอกาสที่ได้พูดคุยกับ ญาญ่า อุรัสยา ถึงเรื่องราวการทำงานในวงการที่ล่าสุด ญาญ่าได้ร่วมงานกับฮอลลีวูด เล่นหนังฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง Home Sweet Home Rebirth ซึ่งในเรื่องนี้ ญาญ่า ได้ร่วมงานกับ วิลเลี่ยม โมสลีย์ และ อเล็กซานเดอร์ ลี
ร่วมไปถึงพูดคุยถึงเรื่องราวความรักของญาญ่า กับ ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่อีกไม่นานทั้งคู่จะจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ผ่านทางรายการ THE STORY OF… ทางช่องยูทูบ Thairath Variety - ไทยรัฐวาไรตี้
...
ได้ร่วมงานกับฮอลลีวูด
เพราะ ญาญ่า อุรัสยา ได้ร่วมแสดงหนังฮอลลีวูดเรื่อง Home Sweet Home Rebirth ถือเป็นอีกก้าวที่นักแสดงหลายๆ คนอยากจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมงานฮอลีวูด ซึ่งเราได้ถามญาญ่าว่า คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จด้านการทำงานในวงการแล้วหรือยัง ซึ่งญาญ่าบอกกับเราว่า
"ญ่าว่ามันเป็นอีกสเต็ปหนึ่งที่ญ่ารู้สึก เป็นอะไรที่อยากลองทำมานานไม่เคยเล่นหนังที่พูดภาษาอังกฤษขนาดนี้ ก็เลยรู้สึกว่า One More Step To My Goal ญ่ารู้สึกว่าหนังไทยไม่แพ้หนังฝรั่ง ณ จุดนี้อยากจะยืนยัน หนังไทยไม่แพ้หนังฝรั่งจริงๆ แต่เรื่องนี้ประสบการณ์มันจะแตกต่างเพราะว่าโปรดักชั่นมันยิ่งใหญ่มากค่ะ
ญ่ายังไม่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ ยังรู้สึกว่า ถึงแม้ว่าทำงานมานานพอสมควรแล้วยังรู้สึกว่ามันยังไม่อิ่ม และก็ยังรู้สึกว่าเรายังติตัวเองเยอะอยู่ค่ะ ก็เลยคิดว่ามันมีอีกหลายอย่างที่ญ่าเชื่อว่าญ่าทำได้ดีกว่านี้ แต่ขอชั่วโมงบินเพิ่ม ประสบการณ์ชีวิตเพิ่มอีกนิดนึง เอาอีก
เอาอีกหมายถึงว่าอยากร่วมงานอีกค่ะ อันนี้ถือว่าเป็นขั้นแรก ก็อยากลองอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาค่ะ ญ่ารู้สึกว่ามันท้าทายความสามารถในมุมมองที่โปรดักชั่นเมื่อทำงานกับเมืองนอกค่ะ ทุกอย่างมันจะเป๊ะตามเวลา เพราะฉะนั้นมันท้าทายที่ถ้าเราต้องเตรียมตัว 200 เปอร์เซนต์ ส่วนมากเราเตรียมตัวมา 100 เปอร์เซนต์ ตอนที่ไปถึงหน้าเช็คด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างมันจะทำให้เหลือแค่ 50 ค่ะ
เพราะว่าเราตื่นเต้นเอย อากาศไม่เป็นใจ วันนั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายอะไรอย่างนี้ ส่วนมากเตรียมตัว 100 มันจะเหลือ 50 แต่ว่าโปรดักชั่นที่ต้องทำงานกับฝรั่ง มันต้องเตรียมตัวมา 200 เพื่อที่จะอยูหน้าเช็ตแล้วมันร้อยเต็มค่ะ ญ่ารู้สึกว่ามันไม่ได้เหนื่อยเพิ่ม แต่มันต้องพยายามเพิ่มค่ะ เพื่อที่อยู่หน้าเช็ตแล้วมันจะธรรมชาติ"
กว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้
อย่างที่รู้กัน ญาญ่า เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความพยายามไม่น้อยกับการพาตัวเองมาอยู่ในจุดนี้ จากนักแสดงหน้าใหม่ ที่ค่อยๆ พัฒนาฝีมือของตัวเอง จนวันนี้กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ของวงการบันเทิง ญาญ่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าให้เราฟังพร้อมกับปรบมือให้ตัวเอง
"โอ้ ไม่ง่ายค่ะ เอาจริงๆ นะคะ พยายามสุดชีวิตเพราะว่านี่คืองานที่เราอยากทำ นี่คืองานที่เรา
Passionness ด้วยมากๆ ก็เลยแบบบอกเลยว่า มันต้องใส่ใจร้อยเปอร์เซนต์ มันต้องใส่กาย 100 เปอร์เซนต์ มันต้องฝึกตัวเอง มันต้องเสียสละหลายอย่างมากๆ มันต้องทุ่มเทกับการทำงานไปเลย ญ่ารู้สึกว่าญ่ามาอยู่ตรงจุดนี้ได้ ญ่าอยากปรบมือให้ตัวเองในระดับหนึ่งว่า I Fought To Be Here (ปรบมือให้ตัวเอง)
(แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ถูกวิจารณ์มาเยอะเหมือนกัน) เอาจริงๆ สุดท้ายแล้วในภาพกว้างตอนที่เรากลับมาวิเคราะห์ตัวเองจริงๆ การที่คนมาติถ้าเรามองในอีกมุมหนึ่งมันคือการที่เราจะต้องผลักตัวเองและพัฒนาตัวเองค่ะ No Body's Perfect
...
มันมีอะไรที่ต้องพัฒนา มันมีอะไรที่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นเยอะ ก็เลยโอเค ติได้เลยค่ะเพราะว่ายังไงเราก็ต้องเผื่อพื้นที่ให้ตัวเองเก่งขึ้นทุกวัน แต่ถ้าใครด่าแรงมาก ก็จะด่ากลับเขาในใจแต่ก็แค่นั้นค่ะ ปล่อยว่าง แต่ตอนนั้นขอด่าในใจก่อน
(คิดว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกันเยอะหรือยัง) ญ่าว่าไม่อยากใช้คำว่าภูมิคุ้มกัน เพราะว่า เอาจริงๆ ญ่าก็แค่เป็นมนุษย์คนหนึ่งใครพูดอะไรมันก็กระทบแหละ แต่ว่าแค่รู้สึกว่าเราสร้าง Mindset ใหม่แต่ละอย่างได้ ใช้คำว่าแข็งแรงพอแล้วกันค่ะ"
เรื่องงานก็ปัง เรื่องรักก็แฮปปี้
เป็นอีกคนที่ถือว่าค่อนข้างมีชีวิตที่ทำให้หลายคนอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือว่าความรัก เราเลยอยากรู้ว่า ญาญ่ามีวิธีการดูแลทั้งสองเรื่องอย่างไร ถึงทำให้ทุกอย่างออกมาดี ซึ่งญาญ่าบอกกับเราว่า
"เอาจริงๆ ญ่ารู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างสมดุลในชีวิตจนถึงทุกวันนี้ยังทำไม่ได้เลยค่ะ แต่ว่าญ่ารู้สึกว่าอีกอย่างหนึ่งที่เราสามารถดูแลตัวเองได้ดีที่สุดคือเราต้องฟังร่างกายตัวเองค่ะ ส่วนมากตอนนี้มันจะมีอินฟูลจากโซเชียลมีเดีย บอกว่าเราต้องทำ 1 2 3 4 แต่มันอาจจะไม่ได้เหมาะกับเราเลยก็ได้ค่ะ
...
บางทีเราแค่ต้องกลับมาฟังตัวเอง ทำไมวันนี้เราเหนื่อยจัง ทำไมทำงานแล้วรู้สึกว่า โอ้ย So toxic ก็คือเราต้องกลับมาเข้ามาสู่บ้านข้างในตัวและก็คุยกับเขานิดนึงว่า สรุปเธอต้องการอะไร ฉันทำอะไรไม่ถูกตรงไหนบ้างนะ มันคือการตัดสินใจอย่างมั่นคงในตัวว่า ฉันจะเลือกใหม่ ทำอันนี้ใหม่ จะไม่ตามกระแสตามที่คนอื่นทำ เพิ่งค้นหาสิ่งนี้เจอเหมือนกันค่ะ จริงๆ แล้วคำตอบมันอยู่ในตัวเรา
ส่วนเรื่องความรักกับพี่แบร์ เอาจริงๆ นะคะ I am sorry ญ่าแค่เจอคนที่ดีค่ะ ถ้าเราเจอคนที่ไม่ดีอ่ะ มันก็ไม่ไปอย่างนี้หรอก มันก็จะ ใช่ค่ะ I'm very lucky ที่เจอคนที่ผลักเราเพื่อที่จะไป Goal ของเรา ถ้าจะให้คำแนะนำ ก็ต้องหาคนที่เรารู้สึกว่า ใช่ รู้ตัวค่ะว่า I'm very lucky ไม่ได้ขิง ก็อยากเก่งนะ บอกว่าต้องทำอย่างนี้นะทุกคน มันก็คือญ่า เราเจอคนที่ดี"
จุดเปลี่ยนสถานะ
เราให้ญาญ่าเล่าจุดเปลี่ยนสถานะจากคู่จิ้น เพื่อนร่วมงาน พี่น้อง มาเป็นคู่จริงของ ญาญ่า กับ ณเดชน์ ให้เราฟัง งานนี้บอกเลยว่า มีแต่รอยยิ้มเมื่อได้ฟังเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่
...
"มันไม่ง่ายเลยนะพวกเธอ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ อย่างที่บอกค่ะมันคือความมั่นคงค่ะ ช่วงแรกๆ ที่พวกเราไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนมากๆ ก็เพราะว่า พวกเราก็ยังไม่รู้ งานก็เยอะ ทุกอย่างมันเยอะไปหมด จนบางทีเราก็ไม่รู้ว่าสรุปเราเป็นอะไรกันเหรอ มันจะไปได้ไกลกันจริงไหมนะ
ญ่าเป็นคนที่คิดกว้างพอสมควรค่ะ ช่วงแรกๆ เรายังไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นยังไง และตอนที่เริ่มรู้สึกโอเคมันมั่นคงขึ้น ก็แบบเก็บมันไม่ไหวแล้วต้องบอกให้คนรู้ และมันเป็นการตัดสินใจที่พร้อมกัน มันก็เลยออกมาได้ 10 กว่า 12 13 14 ปีอย่างนี้ได้ค่ะ เป็นอะไรที่ยาวนาน แต่มันก็ไม่ได้สวยงามตลอดเวลานะคะ อู้ว กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ตกหลุม ขึ้นหลุมตกเหวกันมาพอสมควรค่ะ"
รักในความเป็นธรรมชาติของผู้ชายคนนี้
มาฟังเขาพูดถึงคนรักกันต่อ จุดไหนของผู้ชายคนนี้ถึงทำให้ญาญ่ารู้สึกประทับใจและรักผู้ชายคนนี้ไม่น้อย ซึ่งญาญ่าเล่าไปด้วยสายตาที่เป็นประกายเวลาพูดถึงความน่ารักของพี่แบร์ว่า
"ญ่าชอบที่พี่แบร์เป็นคนที่ธรรมชาติมากๆ ค่ะ ในมุมที่แบบเก็บความลับไม่เป็น จับผิดนี่คือเลิกลั่กที่สุดในโลกแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีทางโกหกเราได้เขาเก็บไม่เป็นจริงๆ อ่ะค่ะ แล้วก็เขาทำทุกอย่างด้วยความน่ารัก
ก็เลยรู้สึกว่าทุกวันนี้เรายังมีโมเมนต์ที่เรายังไม่ค่อยโตกันเยอะพอสมควร รู้สึกดีใจที่พี่แบร์รับญ่าในความที่ญ่าติ๊งต๊องพอสมควรได้ ในอายุที่เรา (ใครติ๊งต๊องกว่ากัน) พักหลังๆ เราจะพอๆ กันแล้วค่ะ เมื่อก่อนญ่าจะนำนิดนึง แต่ตอนนี้เหมือนพี่แบร์อีกนิดนึงเขาจะเลยหนูไปแล้ว ตอนที่มาทำงานเราจะโฮลตัวเองอีกเลเวลหนึ่ง ตอนที่กลับบ้านคือปลดปล่อยได้จริงๆ เราไปในทางเดียวกันค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะตกใจนิดนึง"
เปิดโหมดคนคลั่งรัก
และหลังจากที่เปิดตัวว่ากำลังคบหากัน บอกเลยว่า แฟนๆ จะได้เห็นโหมดคลั่งรักจาก ณเดชน์ และ ญาญ่า อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งญาญ่าบอกว่า เรื่องคลั่งรักเราสองคนไม่ยอมน้อยหน้ากันอย่างแน่นอน
"โหมดคลั่งรักนี้รู้สึกว่าน่าจะพอๆ กันค่ะ เพราะว่าเราถึงจุดในชีวิตที่เราเริ่มแพลนอนาคตกันค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะเท่าๆ กัน (โหมดคลั่งรักของณเดชน์ที่ญาญ่าคิดถึงเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้) โอ้ ไม่รู้อ่ะ ก็เรื่อยๆ ค่ะ เคยลองวันก่อนเห็นในติ๊กต่อก เขาจะบอกว่าตอนที่แฟนเดินออกไปจากบ้านแล้วเขาหันมาบอกว่า I LOVE You แล้วเราไม่ตอบ ก็ลองทำกับพี่แบร์ แล้วเขาก็แบบ ทำไมไม่พูดกลับ ทำไมไม่พูด วิ่งกลับเข้ามาในบ้าน Say, tell me that you love me. ก็เลยรู้สึก วิธีนี้มันใช้ได้กับคู่ของเรา (ยิ้ม)"
วิธีประคับประคองความรัก
เห็น ญาญ่ารักกับณเดชน์มาหลายสิบปี เราเลยถามเรื่องการดูแลความรักให้ราบรื่น ไม่มีปัญหา ว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งญาญ่าก็แนะนำให้ทุกคนลองเอาวิธีของเธอไปทำตามว่า
"ญ่าคิดว่า ต้องคุยกันเยอะๆ ญ่ารู้สึกว่าปัญหาโดยส่วนมากมันจะเกิดขึ้นเพราะว่า เรามักจะคิดว่าคนที่อยู่ด้วยกันทุกวันเขาจะต้องเข้าใจว่าเราสื่อสารอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่เราอาจจะไม่ได้บอกเต็มร้อย ก็เลยคิดว่าการบอกคนที่เรารักคนที่เราต้องการให้เขาเข้าใจเรา ก็ควรจะบอกเขา
อธิบายอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไร จะได้ไม่ต้องมานั่งรอว่าทำไมเขาไม่ทำแบบนี้ ทำไมเขาไม่เข้าใจ อยู่ด้วยกันมาเป็นชาติแล้วทำไมถึงไม่เข้าใจสักที บางทีสมองคนมันไม่ได้แล่นไปในทางเดียวกันค่ะ ก็คุยกันให้รู้เรื่องแบบ 100 เปอร์เซนต์ว่ารู้สึกอย่างไรค่ะ มันจะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ"
อัปเดตงานแต่ง
ฟังเรื่องความรักจนเบาหวานแทบจะขึ้นตาเราแล้ว ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาอัปเดตเรื่องการเตรียมงานแต่งของ ญาญ่าและพี่แบร์กันหน่อย ซึ่งเราได้ความคืบหน้ามาฝากทุกคนด้วยนะ
"งานแต่งมันต้องแยกเป็น 3 งานค่ะ งานแรก ญ่าว่า 40 เปอร์เซนต์ค่ะ งานที่ 2 10 เปอร์เซนต์ งานที่ 3 0 เปอร์เซนต์ค่ะ (กลัวตัวเองเป็น Bridezilla ตอนเตรียมงานไหม) ไม่รู้ (หัวเราะ ทำหน้าเลิกลัก ก่อนทีมงานของญาญ่าจะพูดว่า เป็นแล้ว) หนูคิดว่าหนูอาจจะระงับตัวเองหลังจากที่มันเกิดขึ้น แล้วก็ขอโทษแล้วก็มูฟออน ไม่รู้ แต่ว่าไม่อยาก เผื่อเป็นจริงๆ ค่ะ เพราะว่าเพื่อนทุกคนที่แต่งงานมาก็เตือนญ่าว่าต้องใจเย็นๆ มากๆ เพราะว่าบางทีเราสื่อสารกับคนที่เราคุยด้วยเขาอาจจะไม่เข้าใจตามภาพเรา (กับพี่แบร์เป็นไง มีทะเลาะกันไหม เจ้าบ่าวปล่อยให้เลือกเองไม่ออกความเห็นหรือเปล่า) ไม่มีเลยค่ะ เพราะเรามีความต้องการเหมือนกันทุกเรื่อง ใจตรงกัน เราคุยกันตลอดเวลา ซึ่งก็รู้สึกเซอร์ไพรส์กับเรื่องนี้พอสมควร (ยิ้ม)"
ผลงานเรื่องล่าสุด Home Sweet Home Rebirth
จากนั้นเราให้ ญาญ่า เล่าถึงการทำงานเรื่องล่าสุดอย่าง Home Sweet Home Rebirth ซึ่งญาญ่าก็เล่าให้เราฟังด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นกับการทำงานกับฮอลีวูดว่า
"ปกติจะไม่ค่อยรับหนังที่มีผี อะไรอย่างนี้ เพราะว่ากลัว (หัวเราะ) แต่ก็เตรียมตัวเตรียมใจมาในเรื่องนี้มาระดับหนึ่งค่ะ จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์นี้คือ ผู้กำกับ 2 คนเขามาเล่าเรื่องราวให้ฟังค่ะว่ามันจะเป็น Action Horror Family Love รู้สึกว่าน่าสนใจ และยิ่งเป็นโปรดักชั่นที่เราไม่คุ้นเคย ได้พูดภาษาอังกฤษด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเป็นความท้าทายที่รู้สึกว่าญ่าน่าจะทำแล้วสนุกมากๆ เรื่องนี้ไม่ได้แคสค่ะ เขาจิ้มมาไว้เลยว่าเป็นญ่าค่ะ
ญ่าต้องฟิตร่างกายเพราะว่าบู๊เยอะค่ะ เป็นหนังวิ่งหนีอ่ะ วิ่งหนีทั้งเรื่องค่ะ Run Everyday ต้องแข็งแรงพอสมควร เพราะว่าในเรื่องเหมือนมีครอบครัวแล้ว แต่เป็นคุณแม่ยังสาว และต้องอุ้มเด็ก แล้วน้องไม่ได้เด็กมาก คือหนักพอสมควรค่ะ อย่างเดียวที่เตรียมสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ต้องฟิตร่างกายเพื่อจะเล่นแอ็กชั่นให้สมบูรณ์ได้
(ต้องอุ้มน้องวิ่งเป็นอย่างไรบ้าง) เหนื่อยมาก เหนื่อยที่สุดของเรื่องนี้คือการที่เหมือนแบบ น้องที่เล่นเป็นลูอะค่ะ เขาก็ยังไม่ได้เล่นอะไรมาเยอะ แล้วน้องก็จะหันมามองเราตลอดเลยว่า แบบนี้ใช่ไหม แบบนี้ใช่ไหม ก็รู้สึกว่าเหมือนเป็นผู้ปกครองจริงๆ ในเรื่องไปเลยค่ะ สนุกดี
(ตื่นเต้นมั้ยวันนี้หนังจะเข้าโรงแล้ว) ตื่นเต้นค่ะ ตื่นเต้นอยู่ด้วยตอนที่ถ่ายเราไม่ค่อยเห็นภาพเพราะเขาจะมาทำในโพสต์เยอะใช่มั้ยคะ CG เรื่องนี้เยอะพอสมควร ก็เลยตื่นเต้นว่า สุดท้ายแล้วตอนที่เขาทำทุกอย่างเสร็จสรรพออกมาจะเป็นอย่างไรค่ะ"
(ความรู้สึกตื่นเต้นไหมที่ได้ร่วมงานกับ วิลเลี่ยม โมสลีย์) ตื่นเต้น เพราะว่าตอนเด็กๆ หนูดูหนังที่เขาเล่น เราอายุไม่ได้ห่างกันมากขนาดนั้น เพราะว่าเขาก็เด็กมากตอนที่เขาเล่น Narnia ญาญ่าก็แบบ OMG Prince แล้วก็ชอบหนังสือมากๆ ก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ (ร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไร) Super professional ประสบการณ์ทุกอย่างที่เราเคยร่วมงานกับนักแสดงไปเลยค่ะ เหมือนเขาโดนเทรนมาให้ทุกนาที ทุกโมเมนต์ที่เขาอยู่หน้าเซ็ต เขาแบบพร้อม อิน อยากให้ทำอะไร ทำ เปลี่ยนบทแค่ไหน ให้ข้อมูลมาใหม่แค่ไหน เขาทำได้เลย เราเห็นเขาเราก็โอเค เราต้องพร้อมมากๆ เหมือนเขา ก็จะดีเหมือนกัน เพราะว่าใครให้ทำอะไรเขาได้หมดเลยค่ะ
(กับอเล็กซานเดอร์ ลี ล่ะ) หนูไม่ได้เข้าฉากกับเขาเลยค่ะ ก็จะมาเจอกันตอนที่อยู่ใน Trailer กำลังจะเขาเซ็ต รู้สึกว่าคลิกกับเขามากๆ เขาน่ารักมากๆ สุภาพบุรุษมากๆ ก็เลยรู้สึกว่าเสียดายที่เราไม่ได้เข้าฉากด้วยกันเลย ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ ก็รู้สึกว่าเขาทำงานเป็นทีมกันได้ดีมากๆ ค่ะ ด้วยที่หนังเรื่องนี้ผู้กำกับเป็นคนเขียนบทด้วย เขาเป็นแอ่งข้อมูลที่ดีที่สุด ถ้าเราต้องการอะไรแค่หันไปหาเขาเขาก็ให้คำตอบเราได้เลย
ญ่าฝากภาพยนตร์เรื่อง Home Sweet Home Rebirth ด้วยนะคะ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ญ่าตั้งใจมากๆ เตรียมพร้อมอย่างหนักในการถ่ายทำ และเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับฮอลลีวูด ฝากด้วยนะคะทุกคน (ยิ้มอ้อน)"
สำหรับ Home Sweet Home Rebirth ผลงานระดับอินเตอร์ของญาญ่า ฝากแฟนๆ ช่วยไปซัพพอร์ตผู้หญิงคนนี้กันเยอะๆ นะคะ ส่วนเรื่องความรักของญาญ่านั้น เราคงจะทำอะไรได้ไม่ได้มาก นอกจากกินยาต้านความหวาน เพราะเชื่อว่าเราจะได้เห็นคนคลั่งรักสาดความรักใส่กันอย่างต่อเนื่องจนคนโสดอย่างเราๆ ได้แต่นั่งมองด้วยสายตาเหม่อลอย