หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นุ่น วรนุช ได้มีโอกาสไปร่วมแข่งขันในเรียลลิตี้ของประเทศจีน ซึ่งมีคลิปที่นุ่นร้องเพลงในรายการออกมา ทำเอาชาวเน็ตที่ได้เห็นคลิปดังกล่าว ถึงกับวิจารณ์ว่าเสียงร้องเพลงของนางเอกสาวไม่ผ่าน ซึ่งล่าสุดได้เจอนุ่นเจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงเสียงร้องเพลงในรายการดังกล่าวที่เป็นเช่นนี้เกิดจากอะไรว่า 

"เป็นรายการของประเทศจีน เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสไปร่วมรายการวาไรตี้ เป็นการรวบรวมผู้หญิง 30 คนที่เคยเดบิวต์มาแล้ว ทำงานมาแล้ว เป็นนักร้องบ้าง เป็นนักแสดง มีอาชีพอยู่แล้ว และมารวมกันจัดกลุ่มทำโชว์ ร้องเพลง เต้น ก็สนุก เป็นอะไรที่ใหม่มาก ก็ดี ได้เพื่อนๆ ค่อนข้างเยอะเลย ทุกคนเก่งมีความสามารถ

เราก็ได้เรียนรู้ว่าทุกที่มีความกดดัน มีความเก่ง มีสตอรี่ต่างๆ กว่าเขาจะได้มาถึงตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ยาก ทุกคนเขาตั้งใจทำ เราเห็นความตั้งใจทำของทุกคนเราก็ต้องไม่ย่อท้อ นุ่นมีโอกาสได้ไป ก็ได้ไปเรียนรู้งานใหม่ๆ ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ ก็ถือว่ายากเหมือนกัน ยากมาก แต่ก็สนุกค่ะ

...

นุ่นไปที่นั่น มีชื่อจีนว่า เยี่ยว์เลี่ยง เขาบอกว่าหน้าเราสวยเหมือนพระจันทร์ ก็เลยใช้ชื่อนี้มาตลอด การร้องเพลง เราก็มีการร้องเพลงเล็กๆ น้อยๆ เพลงประกอบละคร ก็โชคร้ายนิดนึงที่โชว์แรกของตัวเองไม่สบาย ก็คือชุดสีแดง เสียงป่วย เสียงจริงไม่มีการจูน ยากค่ะ ร้องจบก็คือเก่งแล้ว (หัวเราะ) คือหายใจไม่ทันด้วย ค่อนข้างป่วยหนัก

แต่พอหลังจากกลับมาจากรอบนั้นก็ดีขึ้น และได้ฝึกร้องภาษาจีน ต้องจำทำนอง เพราะทุกเพลงเป็นเพลงที่เราไม่เคยฟัง แต่เป็นเพลงที่ดังมากๆ ของประเทศจีน ก็ดีค่ะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ก็สนุกดี

นุ่นได้เห็นคอมเมนต์ ก็มีทั้งคนติและคนชม เป็นเรื่องธรรมดา คนที่ไม่รู้ก็ไม่ผิด เพราะว่าเขาไม่ใช่แฟนคลับเราจริงๆ เป็นแค่คนชมคลิป แล้วก็ได้พูด ไม่เป็นไรค่ะ เราก็ยินดีรับฟัง จริงๆ มันก็ไม่ได้ดีที่สุด แต่ว่าก็ดีที่สุดสำหรับที่นุ่นได้ทำแล้ว เพราะว่าแค่ร้องจบก็เก่งแล้วค่ะ (หัวเราะ) เพราะป่วยหนักมาก ไม่ได้ยินเสียงเพลง การได้ยินได้ยินแค่ครึ่งเดียว มันค่อนข้างยากสำหรับตัวนุ่นเหมือนกัน นุ่นเลือกไม่ได้ ก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด ที่ลงไปเป็นโชว์แรก

กระแสตอบรับจากแฟนจีนดีมาก ก็ขอบคุณแฟนๆ ชาวจีนที่ให้กำลังใจ อาจจะมีแค่ไม่กี่คน ปีนี้มีต่างชาติ 2 คน มีไทย กับ ยูเครน ค่ะ แต่ยูเครนเขาอยู่จีนมา 6-7 ปีแล้ว ก็ขอบคุณที่ให้กำลังใจ เพราะเขาก็จะเห็นความยากลำบากในการใช้ชีวิต พี่ๆ ที่ไปด้วยก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ด้วย ทุกอย่างมีกล้องติดตามตัวตลอด เซฟโซนของเราคือห้องน้ำ

แต่สุดท้ายก็ต้องมาเข้ากลุ่มเพื่อเรียนร้องเพลง เรียนเต้น มาทำกิจกรรม ก็เปิดโลก ได้ทำอะไรที่เราไม่เคยได้ทำ เป็นการสร้างพลังงานชีวิตให้ตัวเราอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน เพราะแต่ละอย่างที่ทำเป็นสิ่งที่ห่างไกลนุ่นมาก ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ และก็มีอีกหลายคนที่ไม่เคยร้องเพลงมาทำงานนี้ด้วยกัน"

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”