เป็นเรื่องราวที่เหมือนจะจบไปแล้ว แต่ก็ถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง หลังอดีตสามีออกมาแฉ สาวอินฟลูเอ็นเซอร์หลอกให้หย่า แล้วแอบไปคบกับ หนุ่มนักร้องดัง ซึ่งคนก็คาดเดาไปต่างๆ นานา และล่าสุด ตั้ม อดีตสามีของ จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง ก็ได้มานั่งพูดทุกเรื่องในรายการโหนกระแส ช่อง 3 ซึ่งเจ้าตัวได้พูดเรื่องราวในมุมของตัวเองให้ฟังว่า
- ตั้ม อดีตสามีของ จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง บอกว่าเพราะอยู่แต่ในสวน เล่นโซเชียลไม่ได้ เลยไม่รู้เรื่องว่าเกิดข่าวอะไรขึ้นบ้าง
- ตนอยู่กับจ๊ะโอ๋มา 15 ปี ไม่ได้แต่งงาน แต่จดทะเบียนสมรสกัน
- ลูก 2 คน ลูกคนโตเป็นลูกอดีตสามีคนก่อน คนเล็กเป็นลูกของตนกับจ๊ะโอ๋
- ที่เริ่มรู้เรื่องเพราะมีวันหนึ่งลูกเล่าให้ฟังว่า เพื่อนมาล้อ ว่ามีพ่อเป็น...ด้วยเหรอ ตนก็เก็บหลักฐานมาเรื่อยๆ
- จนวันหนึ่งได้เห็นซิมหน้ารถ เอามาเปิดฟัง จนได้รู้ความจริง แต่ก็เก็บมาตลอด
- ในคลิปเสียงที่ได้ยิน เขาตกลงกันว่าจะไปเที่ยว และการอยู่ด้วยกัน ช่วยกันออกค่ารถ
- แม้จะรู้แต่ก็เก็บทุกอย่างไว้ ไม่ได้คุยกับอดีตภรรยาทันที รอจนเขาไปเที่ยวทะเลและกลับมาเลยคุยกัน
...
- ตอนแรกเขาไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าเขาคบหากันจริง
- แม้จะรู้ความจริงแล้ว แต่ทั้ง 2 คนก็ยังพูดคุยและไปมาหาสู่กันตลอด
- คำพูดของเขาที่ตนได้ฟัง บอกได้ว่าความสัมพันธ์เขาไม่ใช่แค่เพื่อนกัน
- หลังที่ตนรู้ความจริง อดีตภรรยาก็เปิดเผยเรื่องนี้มากขึ้น เวลาเขานอนคุยกันตนก็ได้ยินตลอด
- คลิปที่เพจปล่อยออกมา เป็นคลิปหลังจากที่ตนหย่ากันไปแล้ว
- ตนกับอดีตภรรยาไปหย่ากันเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 66
- ตอนที่หย่า ตนยังไม่รู้ว่า 2 คนนั้นคุยกัน
- ที่ตนไปหย่าให้ เพราะคิดเอาเองว่าเกี่ยวกับบัญชีเรื่องของบริษัท โดยอดีตภรรยาโทรบอกให้ไปที่อำเภอตอน 4 โมงเย็น ตนก็รีบไป แล้วก็ไปหย่าให้เรียบร้อย จากนั้นก็กลับบ้านไปเลี้ยงไก่เหมือนเดิม ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้บอกสาเหตุการหย่า แต่ตนคิดเอาเองว่าเกี่ยวกับเรื่องบริษัท
- หลังหย่าเสร็จก็ไม่ได้พูดคุยกันถึงสาเหตุที่ต้องไปหย่า แต่ก็อยู่กินฉันสามีภรรยามาตลอด
- เคยถามเรื่องกลับไปจดทะเบียนสมรสอีกครั้ง แต่เขาก็บอกให้รอเวลาก่อน ตนก็รอมาตลอด เพราะเขาบอกให้รอ
- หลังจากนั้นพฤติกรรมของอดีตภรรยาเปลี่ยนไปเยอะเลย ไม่ค่อยอยู่บ้าน ตนก็คิดว่าเขาไปขายของก็เลยปล่อยเขาไป ไม่ได้คิดอะไร เพราะเขาเป็นคนทำมาหากิน
- หน้าที่ทำงาน อดีตภรรยาทำคอนเทนต์ขายของ ส่วนตนก็เป็นคนขับรถไปรับของมา เอาของไปส่ง
- ตนไม่ได้เป็นเงินเดือน แต่ก็ใช้จ่ายในบ้านด้วยกัน รายได้หลักมาจากการขายสครับ
- เงินลงทุนเป็นเงินของตน อดีตภรรยาไม่มีเงินมาลงทุน เพราะบ้านเขาจนมา พอได้เงินมาก็ไม่ได้คืน แต่หากินร่วมกันเป็นครอบครัว เก็บเงินกันมาหลายปี กระเป๋าเดี๋ยวกัน
- หลังจดทะเบียนเราถึงเริ่มขายของ เงินที่ได้จากการขายของคือเงินที่หามาได้ด้วยกัน
- ที่เพิ่งออกมาพูดเพราะทนไม่ได้แล้ว และเก็บหลักฐานมาเรื่อย และเขาบอกว่าจะหยุด แต่ก็ไม่หยุดกับอีกฝ่ายซะทีจนตนทนไม่ไหวแล้วที่ต้องมานอนฟังเขาคุยกันทุกวันทุกคืน
- ส่วนคลิปทำคุนไสย ตนไปเห็นเมื่อเดือนตุลาปีที่แล้ว เพราะได้คลิปเสียงจากรถ ก็พยายามหา เพราะสงสัยแล้ว ไปดูตามหิ้งพระก็ไปเจออันนี้ จึงถ่ายมา
- ก่อนหน้านี้ตนและภรรยายังอยู่บ้านด้วยกันตลอด อยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยาปกติ ตนเพิ่งออกเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่มีปัญหากันตามคลิปที่ปล่อยออกมา
- พอทะเลาะกันบ่อย ตนก็ออกจากบ้าน แต่เขาก็ตามกลับบ้าน ให้ลูกตามกลับบ้าน
- ตั้มยืนยัน แม้จะหย่ากันไปตั้งแต่ 26 มิ.ย. 66 แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยามาตลอด
- ที่ออกจากบ้านล่าสุด เพราะทะเลาะกัน ฝ่ายชายเขามาข่มขู่ไม่ให้ตนเข้าบ้าน ฝ่ายชายส่งข้อความมาเมื่อวันที่ 2 หรือ 3 มีนาคม ว่า หย่ากันแล้วแต่ยังมาอยู่ที่บ้านอีก เข้าไปดูลูกได้ แต่อย่าไประรานที่บ้าน
- ตั้งแต่เกิดเรื่องอดีตภรรยาของตนก็คบหากับอีกฝ่ายมาตลอด
- ตั้มยืนยันว่าเราไม่ได้อยู่กันแบบ 3 คนผัวเมีย ตนอยู่กับอีกฝ่ายแบบสามีภรรยาเหมือนเดิม และอีกฝ่ายก็รู้ว่าตนอยู่บ้านด้วยกัน
- หลังจากออกจากบ้าน ก็ติดต่อแต่ลูก ไม่ได้ติดต่อจ๊ะโอ๋เลย
- สาเหตุที่ให้ตนต้องออกมาพูดทุกอย่างในวันนี้ เพราะเขาคุยกันไม่หยุด คุยกันตลอด ก็เลยเครียดและระเบิดเลย
- เคยคุยกับฝ่ายชายในวันที่ทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยคุยสักครั้ง ได้แต่นอนฟังเสียงที่เขาคุยกัน เลยเกิดความรู้สึกเครียด
- ตนกับอดีตภรรยายังนอนกอดกันตลอด ลูกก็อยู่ นอนอยู่ด้วยกัน
- ทนเพราะเขาบอกให้ตนรอ รอว่าจะกลับมา แต่ตนรอไม่ไหวแล้ว
...