Mirror Thailand สื่อออนไลน์เพื่อผู้หญิงยุคใหม่ ชวนทุกท่านร่วมงานเสวนาฟังสบายและพูดคุยในมิติต่างๆ เพื่อผลักดันทุกบทบาทของผู้หญิง และดันเพดานการพูดคุยประเด็นเรื่องสิทธิสตรีในประเทศไทยให้แข็งแรงขึ้นไปด้วยกัน ในงานเสวนาวันสตรีสากลประจำปีนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘For ALL Women and Girls : ก้าวไปด้วยกัน เพื่อเธอทุกคน’ ผ่านวงเสวนา 4 Session ที่ SCBX Next Tech ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน

ภายในงานได้มีการจัดเวทีเสวนา เพื่อสื่อสารและสร้างพลังในมิติสำคัญต่างๆ ให้กับผู้หญิงทุกคนผ่านตัวแทนจากหลายวงการที่มาร่วมพูดคุย เพื่อยกระดับความเท่าเทียมทางเพศตั้งแต่ระดับจิตใจไปจนถึงภาคธุรกิจ 

ซึ่งมี 4 สาวสวยมีตำแหน่งอย่าง ที่ถือว่าเป็นตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่มาร่วมเสวนาในวันนี้ มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 และ ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 พร้อมด้วย อุ้ม ทวีพร พริ้งจำรัส มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 และ มีนา ริณา ฉัตรอมรชัย รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023

...

Session 4 LIFE EMPOWERMENT Mindset Matters : พลังของทัศนคติในการขับเคลื่อนชีวิต ที่มีมารีญาและฟ้าใส ร่วมเสวนาในหัวข้อนี้ 

ซึ่ง มารีญา ได้บอกว่า Mindset เป็นเหมือนรากฐานที่ทำให้เรามี Action ออกมาได้ มันมีอยู่กับเรามาตลอดขึ้น อยู่กับว่าเราหยิบเอามาใช้แบบไหน มีประโยคนึงที่ได้ยินมาว่า “Don't blame anyone but yourself “ซึ่งแปลตามความหมายมันยังไม่มีและมันไม่ได้แปลว่าให้โทษตัวเอง แต่เหมือนว่าเราควรรับผิดชอบตัวเอง

อย่างเช่นเวลาเล่นเกม พอเวลาหมุนปุ๊บเราแพ้ปั๊บ แล้วเราโทษเวลา คือการที่เรากำลังชี้นิ้วไปที่เวลา โดยไม่ชี้นิ้วที่ตัวเองว่าทำไมเราถึงทำไม่ทัน เราควรที่จะมองว่าอะไรที่เราควรฝึกฝนให้เร็วขึ้นและทำให้ทันในคราวหน้า มารีญาเลยคิดว่าที่เราคิดแบบนี้มันคือ mindset อีกแบบนึง แทนที่จะเป็นเหยื่อในชีวิต เราควรเป็นเจ้าของชีวิตของเรา

ด้าน ฟ้าใส บอกว่า Mindset เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต เวลาที่ตั้งใจที่จะทำอะไรมีเป้าหมายอะไรหรือดำเนินชีวิตอย่างไรจะมาจาก mindset ของเรา ยังฟ้าใส Life moral ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบไหน สำหรับฟ้าใสจะมีคำว่า “No one can make you feel inferior without your consent” ไม่มีใครด้อยค่าเราได้เท่ากับเราอนุญาตให้มันโดยค่าตัวเอง

สำหรับฟ้าใสคิดว่า mindset ที่ดีต้องเป็นกำลังใจให้กับเรา ฟ้าใสมีคำนึงคือ Don't Let's Fear Stopping what you love อย่าให้ความกลัวมาทำให้เราหยุดในสิ่งที่เรารัก

mindset ที่ดีสำหรับมารีญาคิดว่ามี 2 เรื่องหลักๆ ก็คือ Vision and Value เราจะต้องมองว่าสิ่งทั้งสองสิ่งนี้เราอยากให้มันเป็นแบบไหน

ในวันหนึ่งเราเจออะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ mindset ของเราไม่ได้ลื่นไหลแต่เป็นลื่นล้ม เราจะสามารถ Keep mindset แบบนี้ให้ดีได้อย่างไร

ฟ้าใสได้ตอบว่า ไม่สามารถมีคำพูดใดที่จะสามารถพูดแล้วตรงกับความรู้สึก ณ โมเมนต์นั้นที่คนๆ นั้นกำลังประสบอยู่ได้ ฟ้าใสคิดว่าจะมีอย่างหนึ่งที่ทำให้เราสามารถมีกำลังใจขึ้นได้ ก็คือการเช็คโปรเกรสว่าในวันๆ หนึ่งเราสามารถทำอะไรเล็กๆ ไปได้แล้วบ้าง

แล้วพอเรา checklist แล้วเราคิดว่าเราทำได้ทีละนิด มันก็จะเป็นพลังเราได้ ถ้าคุณเห็นคุณค่าของคุณในทุกๆวันนี้เป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ใช้ หลายครั้งแล้วอาจเผลอมองคุณค่าของตัวเองจากมุมมองของคนอื่น

เพิ่งไปเจอประโยคนี้มาเมื่อหลายวันก่อนแล้วมันทัชใจมาก เขาบอกว่า Even at your best and absolutely best, you still never be enough for the wrong person but for the right person They will always be values and love you as who you are. ถ้าแปลเป็นกระจกประมาณว่าถึงแม้ว่าคุณจะมีเวอร์ชั่นที่ดีแค่ไหน หรือดีที่สุดยังไง คุณก็ไม่ดีพอ แต่สำหรับคนที่ใช่ แล้วเขาจะเห็นคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง

สำหรับมารีญาคิดว่า Small Change มันอิมแพคอะไรได้เยอะมาก แม้ว่าเราจะเราเปลี่ยนนิดนึงแต่ทำบ่อยๆ impact มาก การที่เราเปลี่ยนเล็กๆมันอาจจะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงแต่ถ้าเราทำต่อไปเรื่อยๆ มันจะมี Big difference Big Impact เมื่อมันเห็นการเปลี่ยนแปลงเราจะกลายเป็นคนที่มีความมั่นใจ และกล้าที่จะหา Solution แล้วมองหาสิ่งนั้นได้เราก็จะรู้สึกดี

...

ในยุคนี้ มันมี mindset อะไรไหมที่ทำให้ Impact สังคม มารีญา ได้เผยว่า ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่ชัดเจน แต่ว่ามารีญารู้สึกว่าเด็กยุคนี้จะมีความสนใจในเรื่อง สุขภาพกับ Beauty มากกว่าพวกเรา ซึ่งมารีญาไม่รู้ว่าในอนาคตมันจะเป็นยังไงแต่มารีญาหวังว่าสิ่งที่เขาสนใจอยู่ตอนนี้มันจะเชื่อมโยงไปถึงสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้ บอกให้กลับบ้านดูแลสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน

ทางด้านฟ้าใสเล่าว่า จากที่ไปพูดในมหาลัยแล้วรู้สึกว่าเด็กเขาไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง แล้วเขามีพฤติกรรมโพสต์ลงโซเชียลแล้วมองยอดไลค์ยอด engage ซึ่งถ้าไม่ตรงตามเป้าเขาจะรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง

ทำให้เขารู้สึกว่าฉันโดนไลก์แค่นี้เหรอ มีคนรักฉันแค่นี้หรอ แล้วเขาก็ไป Internalize ว่าฉันไม่ดีพอเหรอ ฟ้าใสคิดว่าอยากให้ถอยออกมาก้าวหนึ่ง อย่าไปอยู่ในโลกโซเชียลจนมากเกินไป เพราะหลายครั้งอาจจะลืมไปว่านี่คือชีวิตจริง และเป็นชีวิตที่มีคุณค่า เราควรจะมองคนที่รักเราที่เป็นเรามากกว่าจะไปมองสิ่งภายนอก หรือเปรียบเทียบกับคนอื่นในโซเชียลมีเดีย

และ The Power of Sisterhood : พลังมิตรภาพของเหล่าเพื่อนสาว อุ้ม ทวีพร และ มีนา ริณา ร่วมพูดคุยเสวนาในหัวข้อนี้ว่า 

...

อุ้มอยากขอบคุณการประกวดที่ทำให้อุ้ม ได้เจอเพื่อนรักจริงๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น แต่หลายเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดขึ้น การที่เรามีเพื่อนซัพพอร์ต มันทำให้เราสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ง่ายมากๆ

มีนากับอุ้มได้เจอกันตอนประกวด ซึ่งเราสองคนสนิทกันเร็วมากๆ ด้วยระยะเวลา 1 เดือนที่อยู่ในกองประกวดมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น แล้วเราก็ผ่านมาด้วยกัน

จากการประกวดทำให้อุ้มและมีนาได้มาอยู่ในจุดที่คนของประชาชน เลยทำให้เราเป็นที่จับตามอง บางทีเราเจอคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งดีและไม่ดี แต่พอเรามาอยู่จุดเดียวกัน เวลาที่เจอเรื่องแย่ๆ เราก็จะช่วยดึงพากันขึ้นมา

สำหรับมีนา อุ้มเป็นเหมือนซัพพอร์ตเตอร์ของมีนา ในวันที่ชีวิตเราดี อุ้มก็ร่วมยินดีกับเรา ในวันที่ชีวิตดิ่งลง เราหันไปก็จะเจอเค้าอยู่ตรงนี้

อุ้มมองมีนาเป็นเหมือนครอบครัว เรามาอยู่กรุงเทพฯ ก็ห่างจากครอบครัว พอได้เราประกวดด้วยกันมา เราเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์กัน หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าเราขาดเค้าไป อุ้มอาจจะแย่เลย

มีนามองว่า การเป็นเพื่อนต้องเริ่มจากความจริงใจ ตั้งแต่มาได้เจออุ้มก็รู้สึกสบายใจที่มีเค้าเป็นเพื่อน เราอยู่ด้วยกันเราก็หวังดีต่อกันมากๆ

...

อุ้มมองว่า การเป็นเพื่อนต้องมีความจริงใจและซัพพอร์ตกัน ไม่ใช่แค่ซัพพอร์ตในเรื่องที่ไม่ดี แต่พอเราทำไม่ดีเพื่อนก็จะคอยเตือนให้เรากลับมาในแนวทางที่มันดีขึ้น

สำหรับอุ้ม คำว่า "Stand by you" มันมีบางช่วงที่อุ้มมืดมนมากๆ รู้สึกท้อไปหมด หลายๆ คนมองหนูไม่ดี แต่มีนาก็ไม่ได้สนใจในสิ่งที่คนอื่นมอง เค้ายังอยู่ข้างๆ มันเลยทำให้เรารู้สึกไม่อยากยอมแพ้กับตัวเอง พอต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้ แต่เขาจะไม่ไปไหน

แต่สำหรับมีนาจะแสดงออกทางการกระทำมากกว่า สำหรับมีนาเวลาอุ้มเจอปัญหาอะไร เราจะกระโดดเข้าไปหาเขาแล้วมองว่าเรื่องนี้คือปัญหาของเราด้วย

การที่อยู่คนเดียว มีนาไม่สามารถทำได้ ถ้าวันที่เรามีดราม่า หรือเจอปัญหาอะไร ถ้าไม่มีอุ้มอยู่คงออกมาแล้ว ถึงเราจะไม่มีเพื่อน ต้องมีสักคนนึงที่เขารู้สึกเป็นทีมเรา 100% แล้วเขาสามารถปรึกษาและซัพพอร์ตเราได้

อุ้มก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้เช่นกัน เราต้องมีคนที่เขาคอยซัพพอร์ตความคิดเรา อุ้มเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นสัตว์สังคม เราจะต้องมีใครสักคนที่สามารถปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหรือการแชร์ความสุข

ในวันที่อุ้มมืดมนเราอยากได้ยินคำว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ผ่านไป" เรามองว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิต ทางออกมันมีเสมอ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาแต่ปัญหาก็ไม่ได้อยู่กับเราจนเราตาย และก็คำว่า “ปรึกษา” มันช่วยทำให้ทุกอย่างคลี่คลายได้

สำหรับมีนาไม่ได้มีคำไหนเป็นพิเศษ แต่อยากให้เห็นว่ายังมีเขาอยู่ข้างๆ แค่เราเห็นเขาอยู่เราก็สบายใจแล้ว

มันอาจจะมีบางวันที่เรารู้สึกว่าเราไม่เหลือใคร เราไม่มีอะไรดี มีนาอยากให้เริ่มจากการที่เรารักตัวเอง มองหาข้อดีของตัวเอง มันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น

เรียกว่าเป็นงานดีๆ ที่ Mirror Thailand จัดขึ้นเพื่อแชร์ข้อมูล เรื่องราว ประสบการณ์ในแง่มุมต่างๆ เพื่อส่งต่อพลังและแรงบันดาลใจให้กับทุกคน และเพื่อผลักดันให้ผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคนรับรู้ เข้าใจถึงศักยภาพที่ตนมี เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนเติบโตได้ในแบบที่ต้องการทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน