เป็นอีกหนึ่งคนที่ผ่านการแสดงมามากมาย สำหรับ เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล แต่สำหรับผลงานภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง Why We Love เพราะรักต้องมี ของค่ายบลูแซม พิคเจอร์ อำนวยการสร้างโดย คุณณัฐธนาวรรน เพ็ญชาญวัฒนกิจ (เจ๊ใหญ่) กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ ทำเอาเข้มถึงกับออกปากว่า ต้องปรับจังหวะในการเล่น แถมคาแร็กเตอร์ในหนังเรื่องนี้ทำให้มุมมองในชีวิตเปลี่ยนไปด้วย

โดยเข้มได้เปิดใจกับไทยรัฐออนไลน์ถึงผลงานเรื่องล่าสุด Why We Love เพราะรักต้องมี ว่าเป็นบทบาทที่ใกล้ตัวของเข้มไม่น้อย และเป็นหนังที่ได้เล่นแล้วรู้สึกสนุกและได้อะไรใหม่ๆ จากการทำงานครั้งนี้ ซึ่งเข้มเล่าให้เราฟังว่า 

บทบาทพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง Why We Love เพราะรักต้องมี

"แรกเริ่มเลย ผมยังไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้เพราะว่าด้วยตอนนั้นยังมีภาวะจิตใจยังไม่พร้อม ไม่อยากรับอะไรเพิ่ม แต่เขาติดต่อไปทางช่อง 7 รอบแรกก็เลยปฏิเสธไป แต่พี่สำรวย รักชาติ (ผู้กำกับ) เจ๊ใหญ่ ณัฐธนาวรรน เพ็ญชาญวัฒนกิจ (ผู้จัด) ก็ยังติดต่อมาอีก สุดท้ายผมก็เลยลองดู พอได้มาทำงาน ผมก็แพ้ความดีของเขา เขาซัพพอร์ตเราดีมาก และพี่สำรวยก็เป็นคนที่เป็นวัยรุ่น ไม่ยอมแก่ พอได้มาทำงานร่วมกันเรื่อยๆ ก็เริ่มโอเค พอได้เริ่มทำงานด้วยกันมันก็เหมือนเป็นครอบครัวไปแล้ว ผมสนุกในการทำงาน ได้ใส่รายละเอียด เราอยากทำอะไรในเรื่อง เราก็ทำๆ และหนังเรื่องนี้ผมเดิมพันกับผู้จัดไว้ด้วยนะว่า ถ้าเรื่องนี้ถึง 50 ล้าน เขาจะพาผมไปญี่ปุ่น (หัวเราะ) ถ้าถึง 100 ล้าน ไปยุโรป (หัวเราะ) 

ในเรื่องนี้ ผมรับบทเป็นมีน เป็นผู้ชายที่ไม่อยากมีครอบครัว เหมือนคนสมัยนี้แหละ ผมว่าวัยรุ่นทุกวันนี้ค่อนข้างไม่ได้อยากมีครอบครัว หรืออยากมีลูกเพราะว่าครอบครัวไม่สมบูรณ์ ในเรื่องจะอยู่กับแม่ พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ไม่อยากมีเพราะว่ามีความกลัว กลัวว่าตัวเองจะเป็นพ่อที่ดีให้ใครไม่ได้ ดูแลใครไม่ได้ ไม่สามารถทำให้ใครสุขสบายได้ ไม่มีความพร้อม

...

จนกระทั่งมาเจอกับนางเอก น้ำแข็ง ในรูปแบบที่ไม่ควรที่จะต้องเจอกัน เขาขับรถชน แล้วได้รู้จักกัน เขาก็เป็นเพื่อนของเพื่อน พออยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ก็เกิดคำถามจากนางเอกว่าอยากมีลูกมั้ย อยากมีครอบครัวมั้ย มันทำให้เราฉุกคิด ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าคนสมัยนี้ คนที่ไม่ได้อยากมีครอบครัว ไม่ได้อยากมีลูก ถ้าเกิดว่ามาดูจะเปลี่ยนมุมมอง

ในส่วนของครอบครัวก็จะเข้าใจลูกได้มากขึ้น เข้าใจเด็กได้มากขึ้น เพราะว่าทุกวันนี้ เท่าที่สังเกตส่วนใหญ่พ่อแม่จะไม่ได้เลี้ยงเอง จะเป็นการจ้างแต่เรื่องนี้จะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า การใส่ใจ ความอบอุ่นจากพ่อแม่กับพี่เลี้ยงมันค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน ถ้าเกิดใครได้ดูก็จะเข้าใจมากขึ้น ว่าสิ่งที่ลูกต้องการจริงๆ คืออะไร สิ่งที่พ่อแม่ต้องการจริงๆ คืออะไร"



ความท้าทายของการเล่นหนังเรื่องนี้สำหรับเข้มคืออะไร 

"ความธรรมชาติ ความยากคือความธรรมชาติ ยิ่งเป็นภาพยนตร์ที่ร่วมสมัยมากๆ เลยต้องหารายละเอียดที่มันร่วมสมัย แล้วหาเป้าหมายให้ชัด รายละเอียดต้องชัดในการเล่น ในการดำเนินเรื่องมันจะยากในเรื่องของรายละเอียดมากๆ เพราะว่าเราจะถ่ายทอดยังไงให้คนดูเชื่อ แล้วก็อยากทำตาม มันเลยยาก ถ้าเกิดว่าเป็นหนังรบ หนังสงคราม เราก็มีเป้าหมายเลยว่า ต้องฆ่ากันนะ แต่อันนี้ทำให้คนรู้สึกว่า การมีครอบครัวไม่ได้น่ากลัว ความพร้อมไม่ได้มีอยู่จริง ถ้ามันเกิดขึ้น เราพร้อมอยู่แล้วที่จะดูแลมัน

เรฟเฟอร์เรนซ์ของตัวละครก็เอามาจากตัวผมเองนี่แหละ เพราะผมเป็นคนไม่อยากมีครอบครัว ผมเลี้ยงหลานตั้งแต่เด็ก เลี้ยงตั้งแต่คลอดเลย ชงนม อุณหภูมิแบบไหนกินได้ ดูแลหลาน เห็นการเจริญเติบโต จนทุกวันนี้มาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็เลี้ยงดูเหมือนลูกเลย เป็นเรฟเฟอร์เรนซ์ค่อนข้างที่จะเข้าใจตัวละครตัวนี้ได้ดี แต่เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้ตัวมากๆ เราจะมองไม่ค่อยเห็น ก็จะถามพี่สาว ถามคนใกล้ตัวว่า ถ้าเกิดมันมีคำถามแบบนี้ขึ้น เราจะต้องตอบแบบไหน ควรที่จะรู้สึกแบบไหน ก็ได้การกำกับจากพี่สำรวยเพิ่มเติมเข้ามาอีก ก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น"

...

ฉากไหนที่เข้มรู้สึกว่าชอบมันมาก

"ฉากที่ชอบมากๆ เลย คือภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะดำเนินเรื่องด้วยความธรรมชาติมากๆ เพราะฉะนั้นทุกซีนที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจทุกอย่างเลย การดำเนินเรื่องที่กระชับมากขึ้น เพราะเข้มก็จะเคยชินกับการเล่นละคร พอมาเป็นภาพยนตร์ทุกอย่างมันก็จะถูกบีบด้วยเวลา มันต้องเริ่มต้น จาก 0-100 ให้ได้ ภายในเวลา 60 นาที หรือ 90 นาที ในจอหนังทุกฉากที่เราถ่ายมันมีความพิเศษของมันอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ผมเลยชอบหมดครับ"



มีความกดดันไหม พอเป็นชื่อเข้มทุกคนจะคาดหวังกับฝีมือการแสดง 

"ผมเล่นคนเดียวไม่ดัง ผมทำงานคนเดียวไม่สามารถ ไม่สามารถทำงานคนเดียวแล้วให้มันมาเป็นเนื้องานได้ 1 งาน มันจะมีองค์ประกอบ ทุกอย่างทุกสัดส่วนของมันจะมีองค์ประกอบของมัน เริ่มตั้งแต่ extra จนถึงนักแสดง รุ่นใหญ่รุ่นไหนก็แล้วแต่สถานที่ทุกอย่าง ทุกคนจะมีส่วนร่วมหมด ไม่ใช่ว่าจะเป็นเข้ม แล้วทุกคนจะมาดู ผมอยากให้ทุกคนมาดูภาพยนตร์ที่พวกเราได้ร่วมสร้างด้วยกันได้มี ได้เริ่มทำด้วยกัน ได้ใส่รายละเอียดของแต่ละคนด้วยกัน เพราะว่าในเนื้อเรื่องของตัวละคร ทุกๆ ผลงาน ทุกๆ ชิ้นงานของทุกคน ทุกคนใส่ความจริงใจ แล้วก็ความตั้งใจอยู่ในนั้นอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนมาดู ก็เลยไม่ได้แบบอะไรไว้กับตัวเองมากนัก ไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้อะไรมาก แค่อยากให้ทุกคนได้ลองมาดู ลองเปิดใจดู"

...

ทำไมต้องมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้

"อย่างที่บอก คนที่มาดูจะได้มุมมองอะไรใหม่ๆ จะเข้าใจวัยรุ่นได้มากขึ้น จะเข้าใจวัยที่กำลังจะสร้างครอบครัวได้มากขึ้น ทุกวันนี้จะมีนะ หลายๆ คนที่กีดกันไม่ให้ลูกเป็นผู้หญิง ไม่ให้ลูกเป็นผู้ชาย ไม่ให้ลูกเป็นนู่นไม่ให้ลูกเป็นนี่ มีข้อห้ามเยอะ คนที่มาดูจะได้เห็นถึงรูปแบบที่ว่า ทำไมไม่ลองเป็นเพื่อนกับเขาดู ทำไมไม่ลองเป็นพี่ เป็นคนที่สามารถรับฟังเขาได้ทุกอย่าง ถ้ามาดูหนังเรื่องนี้แล้ว ผมคิดว่ามันจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ มากขึ้น ลองมาดูอะไรที่มันซอฟต์ๆ โรแมนติก แล้วก็มีความดราม่าเล็กๆ อยู่ในนั้น เรื่องนี้จะตอบโจทย์ครับ Why We Love เพราะรักต้องมี มาดูกันครับ มาดูกันเยอะๆ นะครับทุกโรงภาพยนตร์"



...