หลังจากที่ บิ๊ก ทองภูมิ ได้ออกมาประกาศยุติบทบาทการทำงานร่วมกับค่าย Luster Entertainment โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากสาเหตุทางด้านจิตใจและร่างกายตอนนี้ ที่ยังไม่พร้อมในการทำงาน แต่ยังเคารพรัก เสก โลโซ และทางค่ายอยู่เหมือนเดิม แต่มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกหวาดระแวง รู้สึกไม่ปลอดภัยมีคนมารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว และเลื่อยกุญแจบ้าน จนในเวลาต่อมา กานต์ วิภากร ได้ออกมาแฉกลับ พร้อมเปิดจำนวนเงินที่เคยให้ จนเป็นดราม่ายืดยาว

ล่าสุด บิ๊ก ได้มาร่วมงานแฟชั่นโชว์ CHUCHAI DIAMOND x EMPORIUM ที่ Abandoned Mansion Bangkok เจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ เผยว่า

- เรื่อง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่อยากพูดอะไรแล้ว คือโดยจริงๆ เนื้อใจของเรา เราก็ทำงานเพื่อสละผลประโยชน์ของคนรอบข้างเสมอ ไม่ได้คิดถึงปริมาณจำนวนเงินหรืออะไรแล้วแต่

- สิ่งหนึ่งที่เรายังทำงาน หรือว่าในทุกๆ วันนี้ที่เรายังอยู่ เรายังคงทำความดีเพื่อผู้อื่นเสมอ ที่เหลือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็คงยังต้องเดินตามเส้นทางเดิมต่อไป

...

- เรื่องที่ขนของออกจากบ้านของกานต์ เราไม่อยากพูดอะไรเพราะที่เราพิมพ์ไปมันชัดเจนอยู่แล้ว

- บางอย่างเราไม่สามารถพูดออกมาได้หมด ต่อให้เราพูดความจริงไป ถ้ามันกระทบคนอื่นแม้ว่าเป็นเรื่องจริง ขอไม่พูดเพราะว่าเราเองก็รักทุกคน ทุกคนก็มีหัวใจ

- ตอนนี้เราสละทิ้งของหมดแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปเอาอะไร เพราะรู้สึกว่าของพวกนี้เราหาใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเรื่องทอง หรือเรื่องสินค้า คือเราตาย เราก็ทิ้งทั้งหมดเหมือนกัน ใครอยากได้อะไรเราก็ให้ทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่รู้สึกอะไร

- จริงๆ แล้วเรามีความรักความปรารถนาดีให้กับทุกคนเสมอ ทุกอย่างเราก็เต็มที่ และเราทำให้ดีที่สุดเสมอ เราไม่เสียใจ

- เรามีความยินดี เมื่อชีวิตทุกคนดีและเห็นอกเห็นใจเมื่อชีวิตทุกคนมีปัญหา ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นเราเองก็แฮปปี้ตลอด

- เมื่อถามว่าวันที่ออกมา เราออกมาแต่ตัวไม่ได้หยิบของมาด้วย บิ๊กบอกว่า ไม่มีครับ ตัวนี้ออกเท้าเปล่ามาเลย เดินออกมาจากป่าเลย

- ถามว่าเรายังรักในดนตรีของเรา แต่กีตาร์เรายังอยู่ ไม่เสียดายกีตาร์หรอ บิ๊กบอกว่า ไม่ได้มีแค่นั้นยังมีอีกเยอะแยะเลย รถก็ยังอยู่ แต่ว่าเราไม่ซีเรียสหรอก เพราะว่าสุดท้ายของนอกกายช่างมันเถอะ จริงๆ เรารักษาร่างกายจิตใจของเราให้มันสงบร่มเย็นก็โอเคแล้ว

- เราไม่ได้อยากมีปัญหากับใคร ใครอยากได้อะไรก็ให้เขาไป ใครต้องการอะไรเราก็ยอมซะก็จบ จบที่เราซะ

- ถ้าที่เราพูดทำให้คนเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร ถ้าถามผมต่อให้ทุกคนเข้าใจไปอีกแบบ แล้วความจริงคืออีกแบบ และไม่มีใครฟังเลย เราก็ไม่แคร์เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากผลของการกระทำ ไม่ใช่คำพูดคนหรอก ซึ่งเราเองยังถือศีลครบครัน

- ถามว่าชีวิตเหมือนนับหนึ่งใหม่ไหม บิ๊กบอกว่า ติดลบ

- เมื่อถามว่าที่ผ่านมาสิ่งที่เราทำน้อยใจไหม เพราะเราทำเพื่อเขามาตลอด บิ๊กบอกว่า ไม่น้อยใจเลย เพราะว่าคุณความดีที่เราทำ เราต้องทำอยู่แล้ว คราวนี้ผลจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องของผล แต่ว่าในเรื่องของเหตุเราสร้างไว้แล้ว เรามีหน้าที่ในการดูแลเพื่อผู้อื่น แต่ถ้ามีคนลำบากเราไม่ทิ้ง เราให้จนหมดนั่นแหละ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เวลาทำคุณงามความดีก็จะมีเรื่องมาขัดขวาง

- เรื่องที่เขาโพสต์ในทุกๆ วัน ก็ไม่ได้กระทบจิตใจเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้มองอะไรเลย เราตื่นมาเรามีหน้าที่อะไร เราก็ทำเท่านั้นเอง

- เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรต่อสภาพจิตใจใดใดทั้งสิ้น เพราะเราเองก็เต็มอิ่มในความสุขของเรา และยินดีแผ่ให้กับทุกคน มีปัญหาอะไรบอกเรายินดีช่วย

- อย่างทรัพย์สินของเรา เช่นกีตาร์ที่เราซื้อเพื่อใช้ด้วยกันในการทำงาน รถของเราเขาก็ไม่ได้ให้คืน ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แม้ว่าจะมีคนพยายามช่วย ทางแจ้งความหรือจะเอาคืนมาให้ เราก็ไม่ให้ทำ เราขออภัยทานให้ เหมือนเมตตาทำค้ำจุนโลก

- ถ้าไม่ให้คืนก็ไม่เป็นไร เอาไปเถอะ

...

- ไม่กลัวว่าเขาจะฟ้องเรา ในเมื่อเราเดินตามความจริงเราจะไปกลัวทำไม พร้อมจะยืนยันว่าสิ่งที่เราทำมันคือเรื่องจริงและความจริง เพียงแค่เราไม่ได้ออกมาพูดเท่านั้น เพราะไม่ได้อยากพูดถ้าพูดก็ไม่จบ แต่สิ่งที่เราทำเรารู้

- ส่วนคอมเมนต์ต่างๆ ก็ได้อ่าน ก็เห็นแต่เราเฉย ซึ่งมันเป็นธรรมชาติมีคนด่ามีคนชมมีคนเกลียด เป็นเรื่องธรรมดา

- ในเมื่อคุณบอกว่าเป็นเรื่องเงิน แต่เราไม่ได้ประพฤติผิดในข้อลักทรัพย์ เราไม่ได้มีความต้องการ ไม่เช่นนั้นทุกวันนี้เราจะบริจาคของให้คนทำไม ในเมื่อเราถ้าเราต้องการเงิน

- ถามว่าแตกหักหรือแค่งอนกัน บิ๊กบอกว่า ไม่รู้ ถ้าถามผมตัวผมเป็นคนให้อภัยคนได้ทุกวินาที แต่เราเป็นคนพิจารณาด้วยปัญญาว่าเราต้องอยู่ตรงไหน

- ซึ่งที่เขาโพสต์อาลัยอาวรณ์ว่าอยากให้กลับมา เราเข้าใจนะ

- ถามว่าย้อนกลับไปจะเลือกเดินเข้าไปไหม ตอนนี้เราก็ทำงานตามปกติเขียนเพลงของเราไป แต่ว่าเราอยู่ตรงไหนก็ได้ที่เราปลอดภัยและมีความสุขอย่างแท้จริง ถ้าเราอยู่ที่ไหนแล้วไม่มีความสุข เราก็ไม่ไหว

...

- ตอนนี้ยังเข้าบ้านตัวเองไม่ได้เลย กลับบ้านไปทำไมบ้านสะอาดจัง

- ถามว่าติดใจหรือโกรธไหม ไม่โกรธและให้อภัยล้านเปอร์เซ็นต์

- ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราเข้าใจเพราะว่าคนไม่สบาย และมีหลายหลายเหตุ เราเข้าใจเหตุ ซึ่งเราโอเคเรารับได้และไม่โกรธเลย เราพูดดีกับทุกๆ คน ซึ่งเราเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ และคนที่ล้อมรอบตรงนั้นก็เห็นรักเรากันหมด

- ถามว่ายังเป็นห่วงไหม จริงๆ เราก็ห่วงทุกคน

- ถามว่าถ้าเขาอารมณ์เย็นลงพูดจาดีขึ้น เราจะกลับไปไหม ซึ่งเราก็เห็นเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เรายังไม่เห็นมีใครคุยกับเขาได้เลย นอกจากมีเราคนเดียว

- ถ้ามีโอกาสอยากปรับความเข้าใจกันไหม คงไม่มีปรับหรอก เพราะเขาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง มันไม่ได้อยู่ในจุดที่มีสติสัมปชัญญะร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ามีสติครบร้อยเปอร์เซ็นต์อันนี้เข้าใจ อันนี้ไม่ว่า เราก็จะบอกว่าไม่เป็นไรแยกแยะรักษาใจของตัวเอง แต่จริงๆ เราไม่มีปัญหากับใครหรอก

...