- จากเด็กแสนซน จนคุณแม่ต้องเอาเชือกรัดข้อมือเวลาไปข้างนอก สู่นักร้องสาวเจ้าของเพลง “รักแท้...ยังไง”
- ได้รับบทเรียนจากตอนที่เสียคุณพ่อไป ทุกวันนี้กลายเป็นผู้นำครอบครัว ดูแลคุณแม่แบบ all in ทุกอย่าง
- ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังมี น้องน้ำทะเล ลูกชาย ที่เป็นทุกอย่างในชีวิต คือรักที่ไม่สิ้นสุด
เรียกว่าเป็นผู้หญิงที่ผ่านมาแล้วหลายบทบาททั้งในวงการบันเทิงและชีวิตจริง สำหรับ น้ำชา ชีรณัฐ ยูสานนท์ ที่ในวงการบันเทิงเป็นที่รู้จักกันดีกับบทบาทนักร้อง เจ้าของเพลงดัง อาทิ รักแท้...ยังไง, ที่ฉันเคยยืน, คนที่ไว้ใจ...ร้ายที่สุด, ไม่ได้หมดรัก แต่หมดแรง, ยังไม่พร้อมฟัง ฯลฯรวมไปถึงบทบาทนักแสดงที่มีผลงานละครหลายเรื่อง อาทิ ช็อกโกแลต 5 ฤดู, รักแท้แซบหลาย, เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ, อุบัติร้ายอุบัติรัก, สองเสน่หา ฯลฯ บทบาทเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ร้านขนม ฯลฯ และล่าสุดกับบทบาทของภรรยาของ วาว ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ด้านทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มงานการศึกษา ประจำธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทย และคุณแม่ของ น้องน้ำทะเล ลูกชาย
รายการ "THE STORY OF…" ยูทูบแชนแนล THAIRATH Online Originals จะพาไปล้วงลึกชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นคุณแม่ ซึ่งในครั้งนี้นอกจากน้ำชาจะมาเปิดใจถึงเรื่องราวในชีวิตเธอตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นคุณแม่แล้ว ยังมี คุณแม่สุนิสา ยูสานนท์ ที่มาเล่าเรื่องของลูกสาวอย่างน้ำชาตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า จนมาวันนี้ที่ลูกสาวมีหลานให้ชื่นใจ พร้อมทั้งเผยความในใจถึงกันและกันที่ทั้งแม่และลูกไม่ค่อยได้พูดกันตรงๆ งานนี้ซึ้งจนมีคนร้องไห้เลยทีเดียว
...
เจ้าของธุรกิจขนม
ต้องบอกว่า น้ำชา เป็นสาวมากไอเดียจริงๆ อย่างที่รู้กันว่าเธอคนนี้เคยทำธุรกิจมาหลายอย่าง ทั้งแบรนด์เครื่องสำอาง รวมไปถึงแบรนด์เสื้อผ้า และล่าสุดกับธุรกิจขนมที่สรรสร้างจากสูตรขนมของคุณแม่อย่าง “Baking with Mama” ที่ตอนนี้เริ่มขยายกิจการเปิดหลายสาขา และไปออกบูธตามงานต่างๆ
งานนี้น้ำชาพาบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ไปบุกครัวทำขนมในบ้านของเธอ ที่ตอนนี้กลายเป็นครัวที่ทำขนมในเชิงอุตสาหกรรม เพราะที่นี่นี่แหละที่เป็นสายการผลิตขนมทั้งหมดที่ถูกกระจายไปยังสาขาต่างๆ ซึ่งเธอเล่าว่าตอนนี้ทำมาได้ปีกว่าแล้ว ส่วนลูกมือที่มาช่วยนอกจากจะเป็นพี่ๆ คนดูแลในบ้านแล้ว ยังมี พี่หวิน ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่ดูแลน้ำชาตั้งแต่เด็ก ผันตัวมาทำเค้กแล้ว เพราะบุคลากรในการทำขนมไม่พอ
และเป็นโอกาสดีมากๆ ที่ในครั้งนี้น้ำชาพาคุณแม่มาพูดคุยกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ อีกทั้งแม่ลูกยังร่วมกันทำเค้กด้วยกัน ซึ่งในช่วงเวลาที่เราไปถึง คุณแม่กำลังเตรียมเค้กไปเพื่อส่งที่สาขาพอดี ซึ่งคุณแม่อธิบายว่าจะต้องทำก่อน 1 วัน และแช่ตู้เย็นข้ามคืน ที่ต้องข้ามคืนเพราะว่ารสชาติมันจะอร่อยขึ้นเมื่อค้าง 1 คืน แล้วจะสดใหม่ พอวันรุ่งขึ้นมันก็จะเป๊ะ
เมื่อถามว่าปกติคุณแม่คุณลูกชอบเค้กเมนูไหนที่สุด คุณแม่ตอบว่า “แม่ชอบมะนาว ตัวนี้ค่ะ พายมะนาวแม่ชอบ / เพราะอะไรคะ คือมันไม่ได้หวานมาก แล้วก็หอมมากเลยค่ะ” ในขณะที่ น้ำชา ชอบเค้กช็อกโกแลตที่สุด แม้จะแพ้ก็ตาม “ชาชอบช็อกโกแลตค่ะ นัมเบอร์วัน ทั้งๆ ที่แพ้แต่ชอบทานมากค่ะ อร่อยมาก มันอร่อยจริงๆ พอทานไปคำนึงแล้วแบบ...โอ๊ย อร่อยมาก มีความสุขค่ะ แล้วจะแบบแฮปปี้ฟินไป 2 วันค่ะ”
วันแรกที่คุณแม่เจอหน้าลูกสาว
...
จากนั้นเราถามคุณแม่ในวันแรกที่ได้เจอหน้า น้ำชา ลูกสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลกในเวลานั้นว่าเป็นอย่างไร คุณแม่ตอบด้วยสีหน้าสดใสว่า “มีความรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยน่ารักเลยอ่ะ ดูน่าเกลียดๆ ไงไม่รู้ ตัวเปียกๆ หน้าบานๆ แต่พอเลี้ยงไปได้สักพักคือแม่ยังไม่ชินมั้งคะกับการเป็นแม่คน แต่พอเลี้ยงๆ ไปแบบ เขาน่ารักมากขึ้นๆๆ น่ะ แล้วน้ำชาเนี่ยตอนเกิดมาเนี่ย ศีรษะข้างหลังเขาจะแบน แบนเป็นกระดาษเลยค่ะ จนคุณพยาบาลบอกว่าทำไมข้างหลังลูกแบนมากเลยศีรษะ แม่ก็ไปอ่านหนังสือแล้วก็ปรับ เพราะเด็กศีรษะอ่อน ปรับจนกระทั่งสวยมากเลยข้างหลัง ศีรษะข้างหลังสวย ข้างหน้าก็โหนก ปรับได้จริงๆ ค่ะ”
พอถามว่าเรื่องนี้น้ำชารู้มาก่อนมั้ย น้ำชาบอกว่า “เคยได้ยินค่ะว่าเกิดมาน่าเกลียดอะไรเงี้ย” จากนั้นคุณแม่เล่าว่า แต่ว่าพอเลี้ยงเขาก็น่ารักมากขึ้นจนเขาก็เป็นอย่างนี้ พอหลังจากเขาโตออกมาได้รูปได้ทรงของเขาแล้วนะคะ เขาก็ออกมาจะคล้ายๆ ฝรั่งเหมือนกัน ดูเป็นลูกครึ่งนิดนึง ถึงตรงนี้น้ำชาบอกว่าเหรอ คุณแม่บอกว่า “ใช่ค่ะ เวลาถ่ายรูปอ่ะ”
...
แต่เมื่อถามถึงนิสัยของน้ำชา คุณแม่ตอบทันทีว่าลูกสาวซนมาก “คือน้ำชา น้ำซุป จะไม่เหมือนกัน น้ำซุปเนี่ยจะเงียบ เป็นผู้ชายนะคะ แล้วเรียบร้อย ส่วนน้ำชาเนี่ยเขาควรจะเปลี่ยนกันน่ะ เขาจะซน จะเล่นอะไรตลอด คือเขาไม่อยู่เฉยเลยค่ะ แต่น้ำซุปจะตรงข้ามค่ะ อยากสลับร่าง” ด้านน้ำชาเสริมว่า “คุณแม่ชาเอาเชือกรัดข้อมือชาแล้วก็จูงเวลาออกไปข้างนอก” คุณแม่เล่าต่อ “ใช่ค่ะ ที่มีสปริงค่ะ เขาจะเดินไปไกล แล้วก็สาวกลับมา” ถึงตรงนี้น้ำชายิ้มและบอกว่า “โตมาแบบ tough tough หน่อยค่ะ”
จากนั้นคุณแม่เล่าวีรกรรมของน้ำชาอีกว่า เมื่อก่อนนี้อยู่บ้านที่มีหลายชั้น แล้วเขาก็จะปีนราวบันได แต่ไม่ได้อยู่ข้างใน อยู่ข้างนอก อยู่ชั้น 4-5 ซึ่งถ้าเกิดเขาพลาดมาก็เหมือนตกบันไดเลื่อนลงมา ก่อนจะเล่าว่าเคยทำน้ำชาหายในห้างด้วย “เคยทำเขาหายในห้างด้วย ตอนนั้นยังเล็กๆ อยู่เลยค่ะ หากันทั้งห้างเลย ปรากฏได้ยินเสียงที่ announment น่ะค่ะ เขาก็ไปหาถูกที่ด้วยนะ ไปบอกว่าช่วยตามคุณแม่หน่อย เพราะคุณแม่เขาหาย ไม่ใช่เขาหาย แต่คุณแม่หาย”
...
เมื่อวันที่น้ำชาเป็นนักร้อง
จากเด็กหญิงตัวน้อยจอมซนในวันนั้น สู่วันที่ น้ำชา ชีรณัฐ กลายเป็นนักร้องดังสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เจ้าของเพลงฮิต “รักแท้...ยังไง” แต่กว่าจะมีวันนี้ ด้วยความที่น้ำชาเป็นคนชอบชาเลนจ์ พอได้โอกาสต่างๆ ก็พยายามคว้าไว้ทุกครั้ง แม้จะมีโอกาส 10 ครั้ง แต่สุดท้ายได้กลับมาแค่ 1-2 ครั้งก็พร้อมสู้
แต่จุดพลิกผันที่ทำให้เธอได้เข้าสังกัดแกรมมี่ เป็นเพราะวันนั้นไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และมีเพื่อนของเพื่อนคุณแม่สนิทกับพี่นิ่ม สีฟ้า นักแต่งเพลงชื่อดัง ก็พาพี่นิ่มมาด้วย แต่วันนั้นที่ไปเจอไม่ใช่เพราะจะไปเจอพี่นิ่ม แต่ไปเป็นเพื่อนแม่ ซึ่งเพื่อนคุณแม่ก็ยุให้น้ำชาขึ้นไปร้องเพลงและบอกว่านี่พี่นิ่มเลยนะ เราอยากเป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ ก็เลยขึ้นไปร้องเพลงเลย นั่นคือจุดแรกที่ทำให้น้ำชาเป็นนักร้อง ด้วยนิสัยที่ชอบเปิดโอกาสให้ตัวเองเสมอ จนพี่นิ่มเห็นแววเลยได้ไปออดิชั่นในแกรมมี่ตามกระบวนการ หลังจากนั้นเขายกมือที่จะปั้นน้ำชาเป็นนักร้อง
และเมื่อถึงวันที่น้ำชากลายเป็นนักร้อง พอถามว่าคุณแม่รู้สึกยังไงบ้าง คุณแม่เผยว่า “ก็รู้สึกว่าเป็นห่วง เพราะว่าหนึ่งเราเป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็วัยรุ่น แล้วก็วงการนี้ก็ได้ยินมา มันก็มีน่ากลัวบ้างอะไรอย่างนี้ เจอคนหลากหลาย แล้วก็ยังเด็กอยู่ แต่ทั้งนี้ด้วยความที่ค่ายที่จะเข้าไปเนี่ยค่ะดูแลดีมาก แม่ก็เบาใจ”
เราถามน้ำชาถึงวันนั้นที่กลายเป็นศิลปินดังว่าชีวิตเป็นยังไง เธอบอกว่า “พูดเลยว่าเหนื่อยมาก แต่เป็นประสบการณ์ทำให้เราโตขึ้นเร็วกว่าเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้องเรียนของเรา โตกว่าน่าจะคูณ 2 มันเป็นโอกาสของชีวิต เราได้ทำอะไรที่เราฝัน จะพูดโชคดีก็ได้ แต่มันก็ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ มันเกิดจากความพยายามของชาด้วยค่ะ”
ด้านคุณแม่บอกว่า ตอนนั้นถ้ามีเวลาก็จะไปดูแลลูกสาวตลอด ส่วนพี่หวินก็ตามไปด้วยเหมือนกัน ซึ่งทางแกรมมี่ก็น่ารักที่ให้ตาม เพราะเขารู้ว่าเป็นห่วง ซึ่งน้ำชาก็เป็นเด็กน่ารัก เชื่อฟังผู้ใหญ่ ก็คุยกันก่อนเข้าวงการว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ อีกทั้งบอกว่ากว่าน้ำชาจะมีวันนี้ก็ลำบากเหมือนกัน เหนื่อยมากด้วย และบอกว่า “ตอนที่เขาเข้ามาใหม่ๆ เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ แล้วเพลงกว่าจะดังก็... รักแท้เป็นเพลงที่ 3 เพลงแรกกับเพลงที่ 2 ก็ดังระดับนึง แต่ว่าศิลปินผู้หญิง ผู้ชายต่างกัน ความเร็วของการดังก็ต่างกัน เพราะแฟนคลับเนี่ยจะชอบศิลปินผู้ชายมากกว่า แต่ตอนหลังพอเพลงเริ่มดัง ชาก็ดังกว่าศิลปินผู้ชายตั้งหลายท่าน แต่กว่าจะถึงตรงนั้น เขาก็อดทนมากนะ”
บทบาทลูกสาวที่ทำเพื่อพ่อแม่
ในวันที่น้ำชาเป็นศิลปินนักร้อง นักแสดงชื่อดัง อาจจะไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก ถามว่าน้ำชาได้มีโอกาสดูแลคุณพ่อคุณแม่ คุณแม่บอกว่า “ชาดูแลแม่ดีมาก เดี๋ยวนี้เขาดูแลแม่เพราะแม่เกษียณแล้ว ชาดูแลแม่ทุกอย่าง” ในขณะที่น้ำชาบอกว่าทุกวันนี้ต้องดูแลคนในครอบครัวมากขึ้น เพราะในวันนี้กลายเป็นผู้นำครอบครัว “ตอนเด็กๆ เราไม่ค่อยคิดถึงคนอื่นน่ะ พูดตรงๆ นะ เป็นเด็กเปรี้ยวๆ คนนึง คิดถึงแต่ตัวเอง เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง ตอนนั้นคุณแม่ก็ทำงานอยู่ ไม่ได้ดูแลคุณแม่เลยตอนเด็กๆ มีแต่คุณแม่ดูแลเรา เราก็ดูบ้าง ส่วนใหญ่เราก็ดูแลตัวเอง เพราะเราก็มีรายได้
แต่พอโตขึ้นมาปุ๊บ คุณแม่เกษียณงาน ไม่ทำงานแล้ว ไม่มีรายได้เข้ามา อยู่ๆ เราก็กลายเป็นเหมือนแบบคนที่ต้อง handle ทุกสิ่งในบ้านไปแล้ว ก็มีความไม่ชินนะ มีความต่อต้านในช่วงแรก คือเราไม่เคยนึกถึงตรงนี้มาก่อนเลยอ่ะ ชาถึงเก็บเงินมากขึ้นไง เพราะว่ามันไม่ได้มีแค่ตัวชาเอง ตอนนั้นมันมีแค่ตัวชา ชาก็เลยใช้แบบไร้สติมาก ตอนนี้เราโตมา เราต้องดูแลคนอื่น แม่มีอายุ แม่ป่วย คุณพ่อชาเพิ่งเสีย คุณพ่อป่วย เราต้องมี security ให้คนรอบข้าง”
จากนั้นน้ำชาเปิดใจว่าทุกวันนี้ดูแลคุณแม่แบบ all in เพราะได้รับบทเรียนจากตอนที่เสียคุณพ่อไป โดยบอกว่า “อย่างคุณแม่ก็คือแบบ ทุกอย่างที่เราทำได้ ก็คือ all in all in แบบจริงๆ เขาก็... โอย” ถึงตรงนี้น้ำชาเริ่มน้ำตาไหลจนคุณแม่ต้องขอทิชชูมาให้ซับน้ำตา ซึ่งน้ำชาเล่าต่อว่า “คือคุณแม่ก็เลี้ยงชามาดี คุณแม่สร้างบ้านให้ชา บ้านที่ชาอยากได้ เพราะฉะนั้นแบบ... คือสิ่งที่เราจะให้เขาได้ เพราะเขา all in กับเรา เราก็ต้อง all in กับเขา มันคือ...”
ถึงตรงนี้คุณแม่เสริมว่า “กตัญญู” น้ำชาพูดต่อ “ใช่ ก็ต้องแบบ...ทำให้ดีที่สุด ต่อให้มันไม่ได้เป็นจำนวนเงินเยอะมากที่แม่เคยให้ชา แต่นี่คือ all in ที่ชาให้แม่ได้ เพราะว่าเราได้เรียนรู้มาจากการที่เราเสียคุณพ่อไปเนอะ แล้วเราแบบ... เราไม่ได้ทำ all in น่ะ เราไม่ได้ดีที่สุดน่ะ เพราะฉะนั้นเราเหลืออีกแค่คนเดียวที่เราจะแบบ...ทำได้อะไรเงี้ย”
เมื่อลูกสาวมีความรัก
การเลือกคู่ชีวิต นอกจากจะต้องมีความเข้ากันได้ดีในระหว่างคู่รักแล้ว การได้รับการยอมรับ การได้ความรัก เข้ากันได้กับคนในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เมื่อถามว่าคุณแม่ช่วยดูให้ด้วยหรือเปล่า คุณแม่บอกว่า “ส่วนมากแม่จะให้เขาเลือกเอง เพราะเนื้อคู่มันต้องเลือกเองนะ แล้วก็ขอให้เป็นคนดี ทำมาหากิน แค่นี้แม่ก็โอเคแล้ว แล้วก็ดีกับชามากๆ ส่วนมากคนนี้จะเป็นตัวร้าย” พร้อมทั้งหันไปหาน้ำชา
ทำเอาน้ำชาร้อง “หา ยังไงแม่” คุณแม่พูดทันที “คือคนอยู่กับชาไม่ใช่ง่ายนะ” น้ำชาเสริม “ชาจะเป็นแบบเปรี้ยวๆ ไง” คุณแม่พูดต่อ “ใช่ ส่วนมากแม่จะสงสาร ในที่สุดจากไม่ชอบก็จะเป็นสงสาร เพราะคนนี้เขาก็เอาแต่ใจตัวเองเหมือนกันนะ” ชารีบเคลียร์ตัวเองทันที “ประมาณนึงๆ สมัยก่อนๆ ค่ะ สมัยนี้ชาแบบ...”
แต่งานนี้คุณแม่พูดทันที “คนจะอยู่กับเขาต้องยอม” น้ำชารีบบอก “ไม่ๆ แต่สมัยนี้ชาแบบเบาลงมาก” คุณแม่พูดต่อ “เดี๋ยวนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วเขาเลือกมาดีมากเลย วาว (ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์) นี่โห ที่สุดเลย” พอถามว่าที่สุดในด้านไหนบ้าง คุณแม่บอกว่า “ทุกอย่างเลยค่ะ มีความอดทน เป็นคนมีสติตลอดเวลา เป็นคนใจเย็น เป็นคนที่ขยันทำมาหากิน รักครอบครัว ทุกอย่างดีหมดเลยอ่ะ เนี่ยเลือกได้ดีมาก ลูกเขยคนนี้แม่ชอบ” ทำเอาน้ำชายิ้มด้วยความภูมิใจ
พอถามว่าเท่าที่ดูเหมือนน่าจะบาลานซ์ระหว่างคุณแม่กับคุณลูกได้ด้วย คุณแม่ตอบทันที “ใช่ บางทีเขาชวนไปไหนแม่จะถามว่าวาวไปไหม แล้วถ้าวาวไป เออ ฉันไป” น้ำชารีบบอก “คุณแม่ไม่อยากอยู่กับชา 2 คนค่ะ” แม่ยอมรับ “ใช่ บางทีทะเลาะกันน่ะ ทะเลาะกัน” น้ำชาพูดต่อ “มุมมีความสุขก็มี แต่คาแรกเตอร์เราไม่รู้เป็นไร เคยไปหาหมอดูว่าทำไมชากับแม่ถึงคุยกันได้ไม่เกิน 2-3 นาที ทำไมมันจะต้องมีอะไรไม่เห็นด้วย คัดค้านหรือต่อต้านเสมอ”
แม่รีบแย้งทันที “ไม่หรอก หมอบอกว่าชารักแม่มากเกินไป ชาเลยอยากดูแล กลัวเป็นห่วงโน่นนี่นั่น” ถึงตรงนี้น้ำชาบอก “ชาเป็นคนจุกจิก เป็นแฟชั่นนิสต์ไง” แม่พูดอีก “แล้วแม่ชอบมายเวย์” น้ำชาอธิบายต่อ“ชาต้องการเดอะเบสท์สำหรับทุกคนรอบข้างที่ชารักไง พี่วาวก็ตาม แม่ก็ตาม หรือใครก็ตาม”
วันที่น้ำชารับบทคุณแม่
เมื่อ น้ำชา ชีรณัฐ ตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตกับสามีหนุ่ม วาว ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ และมีทายาทคือ น้องน้ำทะเล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของทั้งคู่ พอถามถึงวันที่มีลูกเป็นของตัวเอง น้ำชาเผยว่า “พอมีลูก ชารู้สึกว่าชาใจเย็นลง เราโตมาในฐานะลูก รู้ว่าความเป็นพ่อเป็นแม่อิมแพ็กลูกขนาดไหน ตลอดชีวิตค่ะชาว่า ต่อให้โตมาก็ตาม สิ่งแวดล้อมสำคัญ สิ่งที่เขามองเรามันสำคัญ วิธีที่เราโตมาสำคัญมาก เวลาที่ชาอยู่กับลูก จะต้องเป็นบุคคลที่แบบ...สติเยอะที่สุด เพราะทุกอย่างที่เราทำ ลูกมองเราอยู่”
เมื่อถามว่าวันที่เห็นน้องครั้งแรกที่ห้องคลอด ถ่ายรูป 3 คนพ่อแม่ลูก แวบแรกรู้สึกยังไงบ้าง น้ำชาบอกว่า “อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลอ่ะ เหมือนได้เจอเขาแล้ว เห็นผ่านจอมาตลอดระยะเวลา 8-9 เดือน นี่คือแบบลูกของเรานะ แต่ไม่ค่อยกล้าจับ เขาบอบบางมากนะคะ ก็รู้สึกว่าอุ๊ย ทำไมลูกหน้าตาดีจัง ทุกอย่างดีไปหมดเลย”
ในขณะที่คุณแม่ของน้ำชาที่กลายเป็นคุณยายก็เผยความรู้สึกหลังมีหลานชายว่า “ก็ดีใจมาก เพราะแม่เป็นคนรักเด็ก แล้วก็เป็นห่วงน้ำชา เพราะว่าชาเขาเป็นคนกระดุ๊กกระดิ๊ก กลัวว่าเขาจะ handle ไหวมั้ย เขาเดินเหิน ชอบตีลังกา แม้กระทั่งท้องก็ยังออกกำลังกาย ออกกำลังกายหนักมาก สมัยนี้ทำไมคนชอบออกกำลังกายตอนท้อง” เมื่อถามว่าคุณแม่มีคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกให้น้ำชายังไง คุณแม่บอกว่า “ไม่กล้าแนะนำเลย น้ำชาเขาเก่งกว่าแม่เยอะเลย ชาเลี้ยงลูกได้ดีมากๆ พี่วาวก็เลี้ยงลูกได้ดีมากเหมือนกัน”
น้องน้ำทะเล ความสุขของคนในบ้าน
แน่นอนว่าการมีเด็กในบ้านย่อมสร้างสีสันให้กับครอบครัว เช่นเดียวกับบ้านของน้ำชา ที่น้องน้ำทะเล ลูกชาย กลายเป็นที่รัก เปรียบเสมือนดวงใจของคนทั้งบ้าน โดยเฉพาะคุณยายที่ดูจะหลงรักมากเป็นพิเศษ “แม่เคยได้ยินแต่คนบอกว่าถ้ามีหลานแล้วจะรักจะหลง มันยิ่งกว่ารักยิ่งกว่าหลงอีกนะ ทุกลมหายใจเลยคือรักหลานมากๆ เขาคลอดหลานมาให้แม่มีความสุขมากๆ” เมื่อถามถึงความประทับใจในตัวหลานชาย คุณยายบอกว่า “แม่จะมีความสุขเวลาเขายิ้ม เขาหัวเราะ เวลาเขารักคุณยายอะไรอย่างเนี้ย ถึงแม้เขาอยากได้ไอติมหรืออะไร แต่เขาบอกรักคุณยายเพราะไอติม แต่เราก็มีความสุขมากค่ะ”
ในขณะที่คนเป็นแม่อย่างน้ำชาก็เล่าถึงความประทับใจในทุกค่ำคืนก่อนนอนให้ฟังว่า “โมเมนต์ประทับใจเวลาที่ก่อนนอน เขาจะชอบมองหน้าเรา แล้วเขาจะเอื้อมมาจุ๊บเรา มากอด มาหอม เขาขี้อ้อนมากเลย มันเป็นช่วงเวลาที่ชาแบบ มีความสุขแบบ...ที่สุดอ่ะ มันคือหายเหนื่อยจริงๆ” จากนั้นน้ำชาเผยความในใจในฐานะแม่ไว้ว่า “จริงๆ คนเป็นแม่เนี่ย ต้องการแค่ความรักจากลูก แค่นั้นก็คือจบ มีความสุขมากๆ ลูกนี่คือแทบจะทุกอย่างในชีวิต มันไม่มีเงื่อนไขเลย มันคือรักแบบไม่สิ้นสุด อะไรที่ให้ลูกหรือทำให้ลูกได้ก็คือ all in เต็มที่ค่ะ”
ส่วนสิ่งที่น้องน้ำทะเลชอบและน้ำชาสังเกตได้ เธอบอกว่า “เขาชอบร้องเพลง และเขาเป็นคนร้องเพลงไม่เพี้ยนเลย แปลก เพราะเด็ก 2 ขวบปกติเขายังจับอะไรไม่ได้ ความจำ มีความเป็นตัวเลข ชอบตัวเลขค่ะ ทุกวันนี้ที่กล่อมลูกนอนไม่ใช่อะไรเลยนะ นับ 1 ไปเรื่อยๆ จนถึงเขาหลับ ไปถึง 200-300 อย่างเนี้ย แล้วเขาก็หลับ ได้ทั้งคู่เลยค่ะ ถึงได้ชัดเจนว่าน้ำทะเลได้จากชากับพี่วาวผสม ไม่ได้ทางใดทางนึงสุดโต่งด้วย”
สิ่งที่แม่ลูกบอกกันและกัน
ก่อนจะจบการสนทนา เราถามว่ามีอะไรอยากบอกกันและกันไหม คุณแม่บอกกับน้ำชาไว้ว่า “แม่ภูมิใจนะที่เขาออกมาได้อย่างนี้ เพราะว่าที่ผ่านมาเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็เป็นเด็กที่เชื่อฟัง แล้วก็มีความคิดก้าวหน้าตลอด แล้วก็รักดี ทุกๆ อย่างที่ทำก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จในชีวิตนะ สำหรับสิ่งที่ชาทำแต่ละอย่าง แม่ไม่เป็นห่วงอะไรเขาเลย เพราะเขาทำได้ แม่รู้ เขาเก่ง”
จากนั้นน้ำชาพูดบ้าง “คือจริงๆ แล้ว โอ๊ย...” ถึงตรงนี้น้ำชาก็เริ่มน้ำตาจะไหล “แม่คือ...อันดับ 1 ที่ชาแบบคิดหรือให้ ก็คือแม่อันดับ 1 ต่อให้จะไม่ได้พูดแบบสวีตน่ะ หรือพูดในเวย์ตรงข้าม แต่ชาคิดว่าแม่ทราบค่ะว่า...” น้ำชาเริ่มน้ำตาไหล ก่อนจะพูดว่า “concern เรื่องแม่ตลอด... ตลอดเวลาจริงๆ ค่ะ” จากนั้นน้ำชากับคุณแม่ก็ซับน้ำตา น้ำชาพูดต่อไปว่า “ต้องการให้อีกแบบไม่กี่สิบปีที่เหลือของแม่มันแบบ...คุณภาพที่สุด เพื่อให้เขามีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ในขณะที่คุณแม่บอกว่า “ดีใจที่ชาเป็นลูกที่ดี เป็นลูกที่กตัญญู ขอบคุณมากที่ดูแลอย่างดี ส่วนมากแม่จะเฉยๆ พอได้คุยแล้วมันก็...คืออยู่ข้างในน่ะค่ะ ดีใจค่ะที่เขาเป็นลูก... มากๆ”
และก่อนจะจบการสนทนา น้ำชาฝากผลงานเพลงของเธอ “หมอไหน” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความรักสวยรักงามของเธอ เพราะชอบเข้าคลินิกอยู่บ่อยๆ ซึ่งเพลงนี้พูดถึงความสวยในแบบที่มั่นใจ สวยแบบสั่งได้ เพื่อนสาวพอใจแบบไหน อยากจิ้มอยากปักตรงไหนก็จัดเลย พอเรามั่นใจแล้ว ความปังจากข้างในมันก็จะออกมาด้วย สามารถติดตามได้ที่ยูทูบแชนแนล Namcha
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม