- ไทแทน ทีปประสาน เปิดภาพหน้าจอสุดปัง เสริมดวงที่ได้จากพี่ลิซ่า
- เปิดที่มารอยสักบนตัว และความหมายที่สุดจะกินใจ ที่บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา
- ในวันที่ประสบความสำเร็จอีกขั้น อยากขอบคุณทุกกำลังใจจากคนที่สำคัญของชีวิต
เจอกันกี่ครั้ง ไทแทน (TYTAN) ไทแทน ทีปประสาน (Tytan Teepprasan) นักร้องหนุ่มเสียงดีจาก 411 Music ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม และดูเหมือนครั้งนี้ไทแทนจะคุยเก่งมากขึ้นอีกด้วยนะเนี่ย วันนี้เราได้คิวสัมภาษณ์นักร้องหนุ่มโปรไฟล์ดีคนนี้ หลังจากที่ได้ปล่อย TYTAN 1st Mini Album Y.O.B.O. [YOU'RE ONLY BORN ONCE] เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา มาพูดคุยเรื่องราวชีวิตของไทแทนกัน
แต่ก่อนจะไปคุยเรื่องส่วนตัว ซึ่งเป็นธรรมเนียมของรายการ The Blackground Around Fandom เราจะขอดูภาพหน้าจอมือถือของศิลปิน-ดาราคนดัง ว่าพวกเขานั้นใช้รูปหน้าจอมือถือเป็นรูปอะไร และทำไมถึงต้องใช้รูปนี้ งานนี้ไทแทนก็เปิดภาพหน้าจอให้เราดู บอกเลยว่าปังและจึ้งสุดๆ ไปเลย
...
The Background เสริมดวงสุดปังจากลิซ่า
"รูปล็อกสกรีนของผมนะครับ เป็นรูปที่พี่ลิซ่า (ลิซ่า ลลิษา) เขาแอร์ดรอปมาให้เพราะเขาใช้แล้วเขาบอกว่าเสริมดวง ผมก็เลยบอกว่า เฮ้ย เราต้องขอบ้าง พี่ลิซ่าให้มา มันมีความหมายมากๆ คือรูปนี้จริงๆ เสิร์ชจากเน็ตก็ได้ใช่ไหมครับ แต่ว่าพี่เขาบอกจะแอร์ดรอปมาให้ มันเป็นรูปจากเขาเลย ก็หวังว่าเราจะได้ดวงเสริมไป เหมือนว่ามีพี่เขาให้กําลังใจ
ตอนนั้นจําได้ว่าอยู่กันหลาย คนอยู่กับพวกพี่ๆ แทกุกนี่แหละ คือทุกคนก็ขอหมดว่าขอแอร์ดรอปให้หน่อย มันเป็นอะไรที่ดีกับจิตใจเรานะ เวลาเราทํางาน เราตั้งใจอะไรมากๆ เหมือนว่าเรามี Extra positive energy ผมว่ามันช่วยในการทํางานมากเลยครับ จริงๆ ผมเชื่อนะ แต่ผมก็เชื่อในความพยายาม เชื่อว่าสิ่งพวกนี้เป็นอะไรที่จะเยียวยาจิตใจเรา ทําให้เรามีพลังทํางานมากขึ้น เหมือนการเสริมดวงแหละ แต่ว่าถ้าเราไม่ได้ลงมือทํางานไม่ได้นะ เราต้องลงมือทํางาน แล้วบวกกับมีอันนี้เป็นที่ช่วยเสริมดวงทางจิตใจอีกนิดนึงครับ
ไทแทนตั้งใจคัมแบ็ก ส่งแต่เพลงรักออกมา
เมื่อให้พูดถึงการคัมแบ็กครั้งนี้ ที่ไทแทนได้ปล่อยเพลงมา 2 เพลงแล้ว คือเพลง YOBO และ เพลงฝนดาวตก ซึ่งไทแทนก็ได้พูดถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้ปล่อยเพลงให้เราฟังว่า
"เพลงเหรอ ตอนนี้ผมดีใจมากที่ผมมีเพลงที่พอไปร้องแล้วเป็นภาพที่ผมฝันไว้ตั้งแต่เด็ก ก็คือเป็นเพลงเกี่ยวกับดวงดาว ที่เราสามารถขอให้ทุกคนเปิดแฟลชมือถือ เพื่อเป็นดวงดาวระหว่างเราโชว์ได้ แล้วเอาจริงมันเป็นภาพที่สวย ผมชอบ คือจะไปโชว์กี่ที่ก็ต้องขอจริงๆ ครับ แล้วยิ่งตอนกลางคืน โอ้โห สุดยอด แล้วพอเขาโบกฝนดาวตกไปด้วยกันนะครับ ก็รู้สึกว่านี่คือพลังงานบวก ผมรู้สึกว่าการที่เรามีพลังงานบวก จากสิ่งเล็กๆ จากตัวเอง จากอาหารอร่อยๆ จากแฟนคลับที่น่ารักนะครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ทําให้ผมสามารถพัฒนาตัวเอง มีกําลังใจพัฒนาตัวเองจากร่าง 2 ไปร่าง 3 ครับ
คอนเซ็ปต์อัลบั้มนะครับ ก็คือโยง TYTAN 1st Mini Album Y.O.B.O. [YOU’RE ONLY BORN ONCE] เกิดมาแค่ครั้งเดียว ทําอะไรก็ต้องทําให้เต็มที่ จะรักใครก็รักให้เต็มที่ จะอธิษฐานหวังให้ใครอยู่กับเรา ก็อยากให้เขาอยู่กับเราตลอดชีวิต พอเรารักใครแล้ว เราก็ไม่อยากให้ใครพาเขาไปไหน ผมเป็นคนเต็มที่กับทุกอย่าง เรื่องงาน เรื่องกิน เรื่องบอล เรื่องไม่ว่าจะทําอะไร ผมเต็มที่กับทุกอย่าง เรื่องความรักก็เหมือนกันครับ
...
ตอบแบบนี้เราเลยไม่พลาด รีบถามไทแทนทันทีว่า 'ตอบเหมือนมีความรักเลยนะ' งานนี้นักร้องหนุ่มรีบตอบรับแบบทันทีว่า
"ใช่ครับ มีความรักครับ รักธันเดอร์มากครับ จริงๆ ผมรู้สึกว่าเพลงฝนดาวตก มันไม่ได้หมายถึงคนรักอย่างเดียวเพราะว่าการที่เรามีคนที่เราไม่อยากให้เขาหายไปจากชีวิตเราเลย ก็แน่นอนคุณพ่อคุณแม่ เพื่อน พี่น้อง ครอบครัว หรือว่าพี่ๆ ทีมงาน คนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข คนที่เราใช้ชีวิตด้วย แล้วเรารู้สึกว่า เราขาดเขาไม่ได้ครับ มันไม่ได้มีแค่คู่รักที่ผมรู้สึกว่ามีความหมายกับชีวิตเรา คือไม่ต้องคนเยอะมากหรอก แต่ว่าแค่กลุ่มเล็กๆ ที่อยู่กับเรา แล้วรู้สึกว่านี่แหละคนกลุ่มนี้คือคนที่เรารักครับ ไม่ใช่แค่แฟน"
รอยสักที่บอกเล่าเรื่องราวของชีวิต
และหากใครที่ติดตาม จะเห็นว่าไทแทนนั้นจะมีรอยสักตามร่างกายอยู่หลายจุด และแน่นอน ทุกๆ ลายสักย่อมมีความหมายอย่างแน่นอน เราเลยขอถามถึงลายสักแรก และลายสักล่าสุดที่เจ้าตัวบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปสักไกลถึง LA ซึ่งเราฟังไทแทนเล่าถึงเรื่องรอยสักนี้บอกเลยว่าเพลินมาก เพราะเจ้าตัวเล่าละเอียดแบบสุดๆ และทุกลายก็มีความหมายและเรื่องราวเกี่ยวกับไทแทนเป็นอย่างดี
...
"เอารอยสักแรกก่อน รอยสักแรก คืออันนี้ครับผม ผมคิดจริงๆ ว่าจะสักอันเดียวในชีวิต จะสักแค่อันเดียว คืออันนี้อันแรก แล้วคิดว่าอันนี้คือจบ อันนี้คือเป็นความหมายว่า เป็นตอนที่ผมทราบว่าจะได้เซ็นสัญญาค่ายเพลงเหมือนผมได้ทำตามหัวใจแล้ว
แล้ว เป็น กุญแจซอล เชื่อมกับชีพจรหัวใจ กุญแจซอลเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผมได้เรียนตอนเล่นเปียโนกับการอ่านโน้ต เป็นสิ่งที่เรียนตอนเด็ก เชื่อมกับชีพจรหัวใจคือสิ่งที่เรารัก เหมือนเตือนใจว่านี่แหละ เราได้ทำสิ่งที่เรารักสักทีที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็ก ที่คิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ได้ใช้
ตอนแรกเริ่มอันนี้ใช่ไหม สักพัก ส่องกระจกแล้ว เห้ย ทำไมมันไม่บาลานซ์ เราเดินไปไหนมันมีแค่ข้างเดียว ก็เลยตามมาด้วย อันนี้ครับ ก็บาลานซ์อย่างที่ทุกคนน่าจะเข้าใจ แล้วพออันนี้รู้สึกอีกว่า มันต้องมีอันนี้มาบาลานซ์กับอันนี้ ผมขอเตือนจริงๆ นะครับ ว่ามันไม่หยุดจริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่า ผมมีหลายเรื่องราวที่ผมอยากเก็บไว้ด้วย ผมมีเป็นโฟลเดอร์เลย แพลนไว้จนถึงอายุ 40 เลย ซึ่งปกติผมเป็นคนที่ไม่แพลนอะไรเลย เป็นคนที่ใช้อารมณ์นำ แต่เรื่องรอยสัก เราดันมาแพลนเรื่องอะไรแบบนี้"
...
ลายสักต่อมา ไทแทนภูมิใจนำเสนอกับเราแบบสุดๆว่า "นี่คือลายล่าสุดครับ ที่ไปทำที่ LA มา เพราะช่างสักย้ายไปอยู่ LA ครับ ก็เป็น concept tattoo ที่ผมอยากทำมานานมาก คือ Heart Versus Brain สมองสู้กับหัวใจ เพราะผมเชื่อว่างานต้องมีความบาลานซ์ น่าจะใช้ทั้งสมอง ทั้งหัวใจ
ผมทำอาชีพศิลปิน รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่เราต้องบาลานซ์ระหว่างสิ่งที่เราคิดด้วยสมอง กับสิ่งที่เราใช้ใจ เพราะบางทีผมใช้ใจนำไปทุกอย่าง มันไม่ดีเสมอไป มันอาจจะดีตรงได้อารมณ์ ได้ความถ่ายทอดอารมณ์เราก็ควรจะคิดด้วย ซึ่งการหาบาลานซ์ระหว่าง 2 อย่างนี้ เป็นอะไรที่ท้าทายมากสำหรับผม เพราะบางทีใช้ใจเยอะไป พอมันไม่เป็นเหมือนที่เราคิดหรือที่เรารู้สึก ไม่เหมือนที่เราคาดหวัง ไว้ มันจะเกิดความเสียใจ เกิดความทุกข์ได้ เกิดความเครียดได้ครับ
ผมพยายามจะบอกว่า ผมเป็นคนที่ใช้ใจนำ แต่ว่าผมพยายามจะเริ่มฝึก เพราะโตขึ้น ผมเชื่อว่าต้องมีแพลนมากขึ้นเพราะยิ่งอายุมากขึ้น ความรับผิดชอบก็มากขึ้น ถ้าแพลนได้มากขึ้น มีเวลามากขึ้น มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น งานก็จะออกมาดีขึ้นครับ ก็เลยสักเตือนว่าเราต้องมี structure ในสมองด้วย ไม่ใช่ใช้อารมณ์อย่างเดียวครับ
ต่อมาเป็นหัวใจครับ อย่างที่บอกไปผมเป็นคนที่ใช้ใจเยอะกว่าสมองก็เลยเอาดาบปักหัวใจ 2 ข้างเลย เป็นฟีลเมื่อก่อนเราใช้ใจเยอะ แล้วผิดหวัง เสียใจ เวลาเหมือนโดนเพื่อนหักหลัง โดนคนโกหก เราไปไว้ใจคนง่ายๆ จริงๆ ลิงค์กัน เพราะผมสัก heartless เพราะรู้สึกว่า ถ้าเราเป็นคนไร้หัวใจ เราคงไม่ต้องมานั่งเสียใจกับเรื่องอะไรแบบนี้ ซึ่งตลกมาก คุณแม่ก็ล้อตลอดว่าลูกนี่นะ heartless คุณแม่บอกว่าไปเปลี่ยนเป็น heartful ไหม ไปโชว์ให้ใครดูว่า heartless อวดว่าผมไร้หัวใจ พี่ๆ เพื่อนๆ ก็แซวว่า คนไร้หัวใจอะไร เขามาสักว่า heartless มีแต่คนแบบผม
ผมรู้สึกว่ามันไม่ดีหรอกการไร้หัวใจ แล้วผมก็รู้ว่าทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผมก็รู้สึกว่าบางทีถ้าเราเจ็บมากๆ เราเสียใจมากๆ ให้คิดซะว่าเราไร้หัวใจ เพื่อทำให้ความรู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกเสียใจ มันแบบเย็นชาลงได้บ้างครับ
ขอเล่าต่อก่อน มันมีเรื่องราวต่อมา พอเป็นสมองกับหัวใจใช่ไหม อันนี้จะเป็นมือนะครับ แล้วปล่อยงูออกมา ซึ่งพี่ช่างสักดีไซน์มาให้ ผมรู้สึกว่ามันเข้ากันมากๆ บวกกับผมบอกเขาว่า เป็นคนคิดมาก บางทีเราอยากจะ let go เขาเลยดีไซน์มาเราใช้สมอง ใช้หัวใจแล้ว แต่งานมันยังไม่ออกเหมือนที่เราอยากได้ มันไม่มีทางเพอร์เฟกต์ 100% ทุกอย่าง
เลยเปรียบเทียบว่าเราใช้สมองแล้ว ใช้ใจแล้วแล้ว ก็ปล่อยให้ทุกอย่างที่เปรียบเหมือนงูให้มันไหลไป จะไปทางไหนก็ไป ปล่อยวางบ้าง เพราะบางทีอะไรที่แก้ไม่ได้แล้ว ผมก็มาคิดว่าทำไมผมไม่ทำอย่างนี้ ถ้าทำแบบนี้มันน่าจะดีกว่านี้ ผมคิดแบบนี้ มันก็เครียด ไม่มีความสุข ก็เลยมี let go ครับ"
ฟังเรื่องราวรอยสักของไทแทนแล้ว บอกเลยว่าอดสงสัยไม่ได้ จึงต้องถามไปตรงๆ ว่า สรุปทั้งตัวไทแทน มีรอยสักกี่ลาย งานนี้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับตอบไม่ถูกเลยทีเดียว
"ผมเคยบอกไว้ล่าสุด 30 เท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว แล้วผมจำไม่ได้แล้ว ต้องถาม Thunder ครับ คอมเมนต์บอกหน่อยว่ามีกี่อัน เพราะผมเคยบอก 31 รึเปล่า จำไม่ได้ นี่เอาจริง ผมเริ่มเข้าใจว่าผมสักเยอะจริงแล้วแหละ เพราะว่ามันถึงจุดที่ เราจำไม่ได้แล้วว่ามีกี่อัน
ผมขอคุณแม่ล่าสุด น่าจะเป็นอันนี้ ชื่อคุณแม่ ตอนนั้นบอกว่าขอสักตรงนี้ เพราะจะได้ซบคุณแม่ตลอดไป แต่ตอนนี้คุณแม่บอก มันไม่น่าใช่ซบแม่แล้วนะ มันคือ เต็มตัวแล้ว รู้สึกว่าถ้าเยอะกว่านี้คุณแม่จะไม่สบายใจจริงๆ ผมก็เข้าใจคุณแม่นะ คุณแม่บอกว่า ตอนนี้ลูกอายุ 25 ลูกอยากเก็บเรื่องราวในชีวิตมาไว้บนตัว ตอนนี้ลูกอายุแค่ 25 เรื่องราวมันเยอะขนาดนี้ แล้วอีกหน่อยลูก 30-40 เรื่องราวมันจะเยอะขนาดไหน แต่ผมก็มีแพลนไว้ครับ อันสุดท้ายที่สัญญากับคุณแม่ไว้แล้วว่ารอยสักสุดท้ายในชีวิต จะเป็นชื่อลูกคนสุดท้ายของผมครับ แต่ยังไม่มีแฟน หาแฟนให้ได้ก่อนตอนนี้ เราต้องหาแฟนก่อนนะ"
ในวันที่ประสบความสำเร็จอีกขั้น อยากขอบคุณใครมากบ้าง
ต้องยอมรับว่าเพราะไทแทนมีความรักที่จะเป็นนักร้อง จึงไม่ย่อท้อต่อหลายๆ สิ่งที่ต้องเจอะเจอ และกว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพยายามอย่างหนัก เราจึงอยากถามว่า ในวันนี้ไทแทนอยากจะขอบคุณใครบ้างที่ในวันประสบความสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยิ้มและพรั่งพรูคำขอบคุณจากหัวใจว่า
"มีหลายคนมากครับ ที่อยากขอบคุณ ก่อนอื่นขอขอบคุณทางค่าย 411 Music แล้วก็พี่กึ้งครับ คือตั้งแต่เซ็นสัญญากับที่นี่ ผมรู้สึกว่าได้รับโอกาสที่หายากมากๆ ในการเป็นศิลปินที่ไทย แล้วมีโอกาสไปฝึกที่เกาหลี ได้ฝึกหลายๆ อย่าง ที่ไม่คิดว่าในวัย 20 กว่า หลังจากเรียนจบมหาลัยแล้วจะได้รับโอกาสนี้
บวกกับการได้ร่วมงานกับศิลปินระดับโลก ศิลปินที่ผมชื่นชอบตั้งแต่เด็ก การได้ไปโชว์เวทีใหญ่ๆ ที่ผมฝันไว้ตั้งแต่เด็ก ผมรู้สึกว่า ได้อะไรเยอะเลย แล้วทำให้ผมโตขึ้นเยอะมากๆ ทำให้ผมรู้สึก ปลื้ม มีความสุข โอกาสแบบนี้มันไม่ได้หาได้ง่ายๆ อยากจะใช้ทุกโอกาสให้เต็มที่ครับ
อยากจะขอบคุณพี่ๆ ทีมงานที่ 411 Music ด้วยครับ ทุกคนก็คือเต็มที่กับงานมาก ทั้ง MV ทั้งหนังสั้น ทั้งเดินสาย ทั้ง festival ครบเลย รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ เวลาเจอเรื่องอะไรที่ท้าทายมากๆ มันจะยิ่งทำให้เราเก่งขึ้น ดีใจมากๆ ที่มีพี่ๆ ที่เต็มที่กับงาน เดินทางไปกับเราครับ
แน่นอนคือ เวลาทุกคนเห็นจะเห็นแค่ผมใช่ไหมแต่ว่าอยากจะบอกทุกคนนะครับว่า กว่ามันจะออกมา มันไม่ได้มีแค่ผม เบื้องหลังมีคนอีกมากมายนะครับที่ทำให้ผลงานนี้เกิดขึ้นมาได้ ผมเป็นส่วนที่เหมือนแบบมาเติม สุดท้ายแล้วผมก็อยากจะทำให้เต็มที่ ยิ่งเห็นพี่ๆ ทำงานเต็มที่ขนาดนี้ ผมก็รู้สึกดีใจ รู้สึกปลื้มมากๆ
ยังขอบคุณไม่หมด อยากจะขอบคุณครอบครัวด้วย ขอบคุณที่ไม่เคยบังคับผม อยากให้ผมทำอะไร จริงๆ รู้แหละว่าคุณแม่อยากให้ทำอะไร แต่ว่าผมก็บอกคุณแม่ว่า ถ้าลูกหาค่ายเพลงได้ ลูกก็ขอทำตรงนี้นะ แรกๆ คุณแม่บอกว่าให้เวลาประมาณเท่านี้นะ เพราะแบบงานนี้มันอาจจะเหนื่อย มันอาจจะไม่ มั่นคงเท่าแบบทำธุรกิจ
ผมก็บอกคุณแม่ คุณแม่ก็บอกลูกต้องมีแพลน B นะลูก เผื่อแพลน A ไม่เวิร์ค แล้วตอนนั้นผมดื้อไง พอแม่พูดเราก็ยิ่งไม่ฟัง บอกคุณแม่แพลน B ลูกก็คือจะทำแพลน A ต่อไป แต่ว่าก็ดีใจมากๆ ครับ ที่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดคุณแม่ได้แล้ว ตอนนี้ให้เวลาลูกได้ตลอดไปเลย ลูกแบบจะทำตรงนี้ถึงเมื่อไหร่ ลูกก็เต็มที่เลย จากเมื่อก่อนคุณแม่ไม่ค่อยออกมาให้สื่อเห็น คุณแม่ผมเขาเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าออกกล้อง หลังๆ แค่การที่แม่มาดูโชว์ผม มางานพรีเมียร์หนัง แค่ออกมางานผมก็ดีใจแล้วครับ เพราะว่าคุณแม่อยู่ข้างหลัง อยู่ซัพพอร์ตเราตลอดครับ
แล้วก็แน่นอน last but not least อยากขอบคุณ Thunder ครับ ไม่ว่าผมจะปล่อยเพลงมาแนวไหน ไม่ว่าผมจะอยู่ในร่างทองแดง หรือว่าอยู่ในร่างที่ไม่มีวินัยออกกำลังกาย ไม่ว่าผมจะมีช่วงที่อาจจะหายไปทำเพลงไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ว่าทุกคนก็รอคอยผลงานของผม แล้วก็เห็นว่าชอบกับผลงานใหม่มากๆ ผมก็ดีใจมากเลย ไม่ใช่แค่ผมครับ พี่ๆ ทีมงานทุกคน พอเขาเห็นฟีดแบคที่มันดีขนาดนี้ มันหายเหนื่อย เหมือนเราได้รับสิ่งดีๆ กลับมา เรารับกำลังใจที่ดีครับ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลย ผมรู้สึกว่ามันเป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่ทำให้ผมและทีมงานมีกำลังใจผลิตผลงานต่อไปครับ"
และตอนนี้ ไทแทน ก็เตรียมจะปล่อยซิงเกิลใหม่อีกเพลงแล้ว ซึ่งจะเป็นเพลงแนวไหน จะคลั่งรักเหมือน 2 เพลงแรกหรือเปล่า เหล่าธันเดอร์ต้องรอติดตามกันนะ และเราก็หวังว่าจะได้เห็นไทแทนเติบโตในเส้นทางที่ไทแทนรักและประสบความสำเร็จในทุกๆ ย่างก้าว เอาไว้มีโอกาสเราคงจะได้มานั่งพูดคุยอัปเดตชีวิตกันอีกสักครั้งนะคะ