- พีพี ปุญญ์ปรีดี นางเอกน้องใหม่ของช่อง 3 ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องพยายามและอดทน
- เคยท้อแต่ก็ฮึดสู้อีกครั้ง ทำทุกอย่างแม้จะยังมองไม่เห็นปลายทาง
- ถ่อมตน อดทน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เครื่องเตือนใจของพีพีไม่ให้หลงระเริงไปกับชื่อเสียง
เป็นธรรมเนียมของรายการ The Blackground Around Fandom ที่จะมาขอดูภาพหน้าจอมือถือของศิลปิน-ดาราคนดัง ว่าพวกเขานั้นใช้รูปหน้าจอมือถือเป็นรูปอะไร และทำไมถึงต้องใช้รูปนี้ และนอกจากจะขอดูหน้าจอมือถือแล้ว ยังชวนพูดคุยเรื่องราวชีวิตที่อาจจะมีบางเรื่องที่แฟนๆ ยังไม่รู้
และนักแสดงคนล่าสุดที่จะมาเปิดหน้าจอให้เราดูไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนางเอกสาวหน้าหวานอย่าง พีพี ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์ ซึ่งเธอจะใช้รูปหน้าจอมือถือเป็นรูปอะไรไปดูกันเลย
"The Background ของ พีพี ปุญญ์ปรีดี"
"รูปหน้าจอมือถือของหนูเป็นรูปห้องค่ะ ที่เป็นกระจกแล้วมองออกไปเป็นเหมือนวิว เป็นเหมือน interior ของห้องนอน มองไปแล้วมันสบายตา และโทนสีของรูปนั้นคือบังเอิญไปเห็นในเน็ตค่ะ เห็นรูปแล้วแบบมันสบายตาจังเลย พอมองออกไปท้องฟ้า เป็นวิว ก็เลยชอบ เปลี่ยนบ่อยมาก อาทิตย์หนึ่งเปลี่ยน ถ้าอยู่นานหน่อยก็ถึงเดือน
...
เพราะว่า Background ของโทรศัพท์ตัวไอคอนมันก็รกพอแล้ว ก็เลยรู้สึกว่า ถ้าอย่างนั้นอะไรที่จะมาเป็น Background รองไอคอนพวกนี้อีกที ต้องเป็นสิ่งที่เรียบๆ มองไปแล้วอุ่น"
"ทุกอย่างมาพร้อมกับจังหวะ โอกาสและโชคชะตา"
จากนั้นพีพีเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานในวงการบันเทิงให้เราฟัง เพราะพีพีเป็นอีกคนที่เรียนจบรัฐศาสตร์แต่ผันตัวเองมาทำงานในวงการบันเทิงให้ฟังด้วยรอยยิ้มสดใสของเธอว่า
"ถ้าเป็นจุดเริ่มต้นเลยคือเราสนใจวงการบันเทิงอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าทำไมจบรัฐศาสตร์มาแล้วเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ก็ต้องบอกว่าอาจจะเป็นโชคชะตาและโอกาสของหนูด้วยส่วนหนึ่ง และเหมือนเป็นปณิธานในใจลึกๆ อยู่แล้วที่เราอยากเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก
พอเรียนจบมาก็ได้มีโอกาสไปงานอีเวนต์แล้วมีพี่ฝ่ายดูแลศิลปินช่อง 3 เดินเข้ามาทัก นั่นคือจุดเริ่มต้นทำให้เราได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ
อาจจะเคยมีช่วงที่ท้อไปบ้าง ก็คือไม่ได้สักที งั้นเราไปเรียนหนังสือดีกว่า แต่พอเราจะเปลี่ยนใจ ก็มีโอกาส มีจังหวะที่พี่เขาเดินเข้ามาทักพอดี แพลนก็เลยเปลี่ยน
เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ปี 3 ปี 4 เราอาจจะต้องเลือกสักทางแล้วว่าเราจะไปเรียนต่อหรือว่าทำงานในวงการบันเทิง แล้วหนูรู้สึกว่า วงการบันเทิงมันมีทั้งไม่ใช่แค่ความตั้งใจและความพยายามอย่างเดียว แต่ทุกอย่างมันมาพร้อมจังหวะและโชคชะตา และตัวเราพร้อมกับโอกาสตรงนั้นรึยัง จังหวะมันชนกันมั้ย
ประจวบกับช่วงนั้นเรียนหนังสืออยู่แล้วเพื่อนทุกคนไปเรียนต่อกันหมดเลย มันก็เลยทำให้เราถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็ไปเรียนก่อนดีมั้ยไปหาประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ดู แต่ก็โชคดีได้งาน"
"ทำทุกอย่างเต็มที่ แต่ไม่เห็นปลายทาง"
แม้ตอนนี้จะเป็นนางเอกคนใหม่ของช่อง 3 ที่มาแรงและมีฐานแฟนคลับไม่น้อย แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พีพีต้องใช้เวลาอยู่นานหลายปีกว่าจะมีผลงานออกสู่สายตาแฟนๆ ให้ได้ชมกัน ซึ่งในระหว่างทางนั้น พีพีบอกว่าเธอนั้นทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้ไม่เสียใจภายหลัง แม้จะมีช่วงเวลาที่ท้อบ้างก็ตาม
"ดีใจที่ในจังหวะที่เราจะท้อมีสิ่งเร้า หรือสิ่งที่จะมาดึงเราก่อนที่เราจะท้อ พอได้มันมาก็รู้สึกว่า ดีใจและไม่เสียใจเลย คุ้มจริงๆ กับสิ่งที่ลงทั้งแรงกายและแรงใจไป หรือว่าขณะที่ทำอยู่ไม่เห็นปลายทางด้วยซ้ำ เรามองไม่เห็นเลย ทำไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีผลงานออกมาสักชิ้น
...
เพราะในช่วงแรกพีถ่ายพร้อมกัน 4 เรื่อง ตั้งแต่ช่วงโควิด เป็นช่วงที่ระยะเวลายาวนานมาก ทำไปเรื่อยๆ โดยที่เราไม่เห็นอะไรเลย หรือบางทีถ่ายจบแต่ละครไม่ทันออนแอร์ ก็ถ่ายอีกเรื่องไปก่อน ก็เลยไม่เห็นผลลัพธ์กับสิ่งที่เราทำไปลงไปสักอย่างเลย แต่รู้แค่ว่า ทำไปก่อน ทำไป จนพอวันหนึ่งมันค่อยๆ โชว์ออกมาทีละอย่างมันก็เริ่มแบบ โอเค สิ่งที่เราทำไปมันมีรีเทิร์นออกมา
รู้แค่ว่าทำไปก่อน รู้แค่ว่าทำไปเรื่อยๆ ไหลไปตามน้ำ ไปตามสถานการณ์ หนูไม่ค่อยได้ก้าวกระโดด แต่ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
เคยถามตัวเองว่าฉันทำอะไรอยู่ อยู่บ่อยครั้งมากค่ะ (ยิ้ม) ช่วงแรกๆ เหนื่อยจังเลย มันก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ในความเหนื่อยตรงนั้น ระหว่างที่เหนื่อยมันสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ พีรู้สึกว่าได้เปิดประสบการณ์ ได้ลองอะไรใหม่ๆ เยอะมาก มันเป็นความเหนื่อยที่แบบ ถ้าไม่ได้ทำวันนี้ ถ้าไม่เหนื่อยวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไหร่ ก็เลยรู้สึกว่า ดีจังเลย สนุกจังเลยได้ลองทำ
สวยงามมั้ย หนูว่าแน่นอนมันสวยงามอยู่แล้ว ใครๆ เห็นก็ต้องมองว่ามันสวยงาม แม้แต่คนเบื้องหลังเองก็มองว่ามันสวยงาม แต่ในความสวยงามของในทุกๆ ที่ แม้แต่จะเป็นอาชีพอะไรก็แล้วแต่ ทุกความสวยงามมันต้องมีเบื้องหลังที่กว่าจะสร้าง กว่าจะก่อร่างสร้างขึ้นมาได้อยู่แล้ว ทุกๆ การสร้างอะไรอย่างหนึ่งต้องมีอุปสรรคและความลำบากอยู่แล้ว
...
ถามว่าเสียน้ำตาขนาดไหน เป็นลิตรเลยมั้งคะ (หัวเราะ) มันเกิดจากความไร้เดียงสาที่เพิ่งจบมาแล้วเข้ามาทำงานเลย ตอนนันยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำแล้วเข้ามาทำงาน ความไม่รู้ ความที่เพิ่งเผชิญการทำงานจริงๆ ครั้งแรกที่มันไม่ใช่แค่ว่าอาจารย์บอกไปแก้มา เอาใหม่ อันนี้ยังไม่ได้ ไม่ใช่ ด่าคือด่าจริงๆ สอนคือสอนจริงๆ ไม่ได้คือไม่ได้จริงๆ พลาดคือพลาด ผลงานอะไรที่ออกไปแล้วเป็นดิจิตอลฟรุ๊ทปริ้นอยู่จริงๆ
มันก็ทำให้หนูเหน็ดเหนื่อยอยู่ค่ะ น้ำตามาจากไหน คงมาจากความบากบั่น ความพยายามมั้ง ในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน ในสิ่งที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน หรือว่าคำพูดต่างๆ นานากระทบจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นพลังบวกเชิงลบหรือพลังบวกจริงๆ หรือเป็นแค่พลังลบเลย มันมีครบทุกรูปแบบ
หนูว่าหนูโชคดีด้วยที่ผู้จัดการหนูก็เป็นคนไม่ยอม บางทีเหมือนเราไม่เอาแล้ว ไม่อยากแล้ว แต่ผู้จัดการจะบอกว่า เอาหน่อย ทำ ลอง มันเลยทำให้หนูจากตอนแรกๆ เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่ในความไม่ยอมตรงนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าเราเก่งขึ้น คือไม่ได้บอกว่าเราเก่ง แต่เราเก่งขึ้นกว่าเดิมวันแรกที่เข้ามาทำงาน เก่งขึ้นในที่นี่คือ เก่งขึ้นในการรับมือ เก่งขึ้นในด้านของจิตใจมากกว่า
บางอย่างหนูเชื่อว่าทุกคำสบประมาทหรืออะไรก็แล้วแต่ มันทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ได้ถ้าเขาพูดแบบนั้นมาแล้ว ก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่ได้ถูกร้อยเปอร์เซนต์"
...
"คำขอของคุณพ่อ"
ถึงแม่คุณแม่และคุณยาย จะสนุบสนุนให้ พีพี ทำงานในวงการบันเทิง แต่งานนี้ คุณพ่อกลับไม่ได้สนับสนุนให้เธอเดินในเส้นทางสายบันเทิงอย่างเต็มที่สักเท่าไหร่ ซ่งพีพีเล่าถึงเหตุผลของคุณพ่อให้เราฟังว่า
"ตอนนั้นคุณพ่อไม่ได้เห็นด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงที่เรากำลังเรียนหนังสืออยู่ อยู่ในช่วงวัยเรียน คงอยากให้เราโฟกัสแค่เรื่องเรียนจริงๆ เพราะเวลาที่เราออกไปแคสงานหรือไปทำอะไรแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นมา เราถูกดึงเวลาส่วนนี้ออกไป คุณพ่อเลยมองว่า อันนี้ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่ถ้าเราเรียนหนังสือ อย่างน้อยเราก็ได้ความรู้ในช่วงเวลาวัยเรียนที่ทุกคนก็เรียนหนังสือเหมือนกัน
มันเป็นช่วงที่เราเก็บเกี่ยวความรู้ได้มากที่สุด และความรู้ไม่หนีไปไหน ความรู้อยู่กับตัว พอเราเรียนจบแล้วก็อิสระเสรี อยากทำอะไรก็ทำ เราไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้กันเท่าไหร่เลยว่า ภูมิใจนะ ชอบนะ เห็นด้วยนะ แต่จะเป็นฟิวแบบว่าเพราะเราโตแล้ว สุดท้ายเราเรียนจบแล้ว อยากเลือกอะไร อยากทำอะไรก็ตามใจเราเลย
เขาภูมิใจในตัวเรา และดีใจที่เขาภูมิใจในตัวหนูว่าจากเด็กที่เขาเลี้ยงดูมาเขาคงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้โตมาจะเป็นอย่างไรได้บ้าง แต่ ณ วันนี้พอเขาได้เห็นผลงานเรา หรือว่าสิ่งที่เขาไม่คิดว่าเราได้ทำ เราได้ลองอะไรใหม่ๆ เขาก็ดูมีความสุขมาก ชื่นชมเราก็ดีใจ"
"ถ่อมตน อดทน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น"
ที่หลายคนได้เห็นว่า พีพี นั้น น่ารักและมีความแสนดีอยู่เสมอ นั้นเป็นเพราะว่าเธอมีข้อคิดเตือนใจที่ท่องจำจนขึ้นใจอยู่เสมอนั่นก็คือ ถ่อมตน อดทน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งพีพีเผยเหตุผลที่ต้องจดจำคำเหล่านี้เอาไว้ให้ฟังว่า
"มันเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจตัวเรา ว่าเนื้อแท้เราเป็นอย่างไร และเราอย่าหลงระเริงไปกับแสงสีชื่อเสียงหรืออะไรที่เป็นเพียงแค่ภายนอกมากกว่า หนูรู้สึกว่าทุกอาชีพ พอวันหนึ่งมันค่อยเติบโตไปเรื่อยๆ คนอาจจะซัพพอร์ตมากขึ้น ตามใจมากขึ้น ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก บางทีคนซัพพอร์ตความคิดเราจนตัวเราไม่รู้ตัวว่าอะไรมันถูกผิดจริงๆ ก็เลยต้องพยายามคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า จริงๆ เราเป็นคนอย่างไร เราถูกสอนให้ประพฤติตัวอย่างไร สิ่งนี้เลยเป็นสิ่งที่เราคอยเตือนอยู่เสมอ คำพวกนี้ ทำไปแล้วยังไงก็เป็นสิ่งที่ดี
"สิ่งที่อยากจะบอกกับตัวเองในวันนี้"
อย่างที่ฟังพีพีเล่า กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เธอนั้นต้องพยายามและอดทนไม่น้อย และความพยายามนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายพีพี ทำให้มายืนในจุดนี้ที่หลายๆ คนฝันอยากจะมายืน ซึ่งเราให้โอกาสพีพีได้บอกกับตัวเอง ซึ่งพีพีก็ไม่รอช้า
"อยากจะบอกอะไรกับตัวเอง เก่งมาก ภูมิใจ ดีใจที่เติบโตมาเรื่อยๆ ค่อยๆ โต ไม่ผลีผลาม ไม่กระโดดมันเลยทำให้หนูรู้กระบวนการการเติบโต ค่อยๆ โต ความผิดพลาดอย่างละเล็ก อย่างละน้อยทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ มากขึ้น เพราะเราไม่ได้อะไรมาแบบง่ายๆ เราได้อะไรที่มันค่อยๆ ได้มาเราจะเห็นคุณค่าหรือเราจะมองมันชัดขึ้น ละเอียดขึ้นในทุกๆ การกระทำ ในทุกๆ การเติบโต ก็เลยมองว่าเป็นเรื่องราวดีๆ เป็นเรื่องที่ดี และดีใจกับตัวเองที่จากเด็กเรียนหนังสือวันนั้นมันมีการเปลี่ยนแปลง มันค่อยๆ โตมาในเส้นทางที่เราไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้เลย"
"ผลงานของ พีพี ‘สวัสดีวันจันทร์ (ส)’ "
และตอนนี้ พีพี ก็กำลังจะมีผลงานใหม่ล่าสุดมาให้แฟนๆ ได้ชมกัน กับภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ ซึ่งเจ้าตัวบอวก่า เป็นอีกหนึ่งความฝันที่จะได้เห็นตัวเองบนจอหขนาดใหญ่ในโรงภาพยนตร์ และหนังเรื่องนี้คือเรื่อง สวัสดีวันจันทร์ (ส)
"ภาพยนตร์เรื่องสวัสดีวันจันทร์ (ส) หรือ HAPPY MONDAY หนูรับบทสายไหมนะคะ ในภาพยนตร์เรื่องนี้คาแรคเตอร์จะเป็นสาวตัวท็อปของโรงเรียนที่จะมีแต่คนชื่นชอบ พี่คนนี้ทำไมเก่งจังเลย น่ารัก คิดบวก พูดอะไรไปใครก็ว้าว แล้วตัวเราเองก็อยากโตไปเรื่อยๆ อีก เช่นกัน แต่ในการโตของเรานั้น มันก็อยู่ที่ว่าเราจะทำอะไรเพื่อให้ได้มันมา
แต่ภาพรวมของหนังเรื่องนี้คือการติดลูป ถ้าตื่นมาในทุกๆ เช้าแล้วพบว่ามันคือวันเดิม มันคือวันจันทร์ เราจะทำอย่างไร เราจะอยากอยู่ในลูป หรือเราจะอยากออกจากลูป แล้วถ้าต้องติดลูปแล้ว เราจะทำอะไรได้บ้าง หนูว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คนเห็นว่า นิสัยใจคอของคนที่ได้ติดลูปแล้วจริงๆ เขาเป็นคนอย่างไร นึกออกมั้ยคะ เพราะว่าทุกอย่างมันสามารถรีเซ็ตได้ใหม่เสมอ
เพราะฉะนั้นในลูปนั้นคุณจะทำดีหรือทำไม่ดี สุดท้ายมันก็ได้เริ่มใหม่ตลอดเวลา แต่ถ้าวันหนึ่งอยู่ๆ ลูปมันได้หายไป โดยที่เราไม่รู้ว่า ณ วันนี้ที่เราทำอะไรก็ได้ คิดว่าพรุ่งนี้มันจะได้รีเซ็ตใหม่ มันหายไปแล้ว และดันเกิดเป็นวันอังคารขึ้นมาจะทำอย่างไร
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คนได้เห็นว่า ตัวละครเอิร์ธเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในลูปอย่างไร ถ้าวันหนึ่งเขาต้องหลุดจากลูป ผลกระทบที่ตามมาจะเป็นอย่างไรบ้าง และความสัมพันธ์ของเพื่อน ของครอบครัว จะเป็นอย่างไร อยากให้ทุกคนได้ดูจริงๆ
หนังจะเข้าฉายแล้ว รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเองในจอที่มันแบบมหึมา กว้างใหญ่มากๆ อยู่ในโรงแล้ว ความฝันเป็นจริงแล้ว
ฝากหนังสวัสดีวันจันทร์ (ส) ด้วยนะคะ หนูเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกคนเข้ามาดูแล้วจะได้รับความตลก ความสนุก และเป็นสนุกที่เกิดจากการที่คนเล่นขำหน้าตาย และจะได้อะไรดีๆ กลับไปแน่นอน เพราะมันจะได้คามสัมพันธ์ของครอบครัว เพื่อน คนรัก
และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สะท้อนคนจริงๆ ในสังคมด้วย ที่บางทีเราอาจจะไม่ได้ละเอียดพอที่จะเห็นว่ามีคนแบบนี้อยู่ในสังคมจริงๆ เราอาจจะไม่ได้รับรู้ความรู้สึกหรือมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเราจะได้เห็นมุมมองของตัวละครที่มีนิสัยแบบเอิร์ธและสายไหมมากขึ้น
มันอยู่ที่ว่าคนดูจะมองมุมมองไหน เพราะถ้ามองในมุมมองของเอิร์ธก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแย่อาจจะมองว่าสายไหมแย่ แต่ถ้ามองในมุมมองของสายไหมก็อาจจะมองว่าเอิร์ธแย่
หนูรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้อะไรหลายๆ อย่างกลับไปแน่นอน อยากให้ทุกคนมาดูกันเยอะๆ นะคะ เพราะว่าการติดลูปแต่ละลูปแปลกใหม่สำหรับทุกคนแน่นอน เพราะเอิร์ธทดลองอะไรที่ไม่ซ้ำกันสักลูปเลย ฝากด้วยนะคะ ที่สำคัญค่ะ หนูขอฝากผลงานหนูด้วยนะคะ ก็จะมีละครเรื่อง แสนรัก ออนแอร์ทางช่อง 3 นะคะ"
วันนี้ได้พูดคุยกับ พีพี บอกเลยว่ารอยยิ้มและความสดใสของเธอนั้นทำให้เราใจฟูและหลงรักเธอเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพีพีถึงมีแฟนๆ รักและตามซัพพอร์ตเธอมากขนาดนี้ เพราะนางเอกคนนี้มีพลังบวกพร้อมมอบให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอตลอดเวลา