- ทำความรู้จัก ช่างเดี่ยว ธีรพงษ์ แชมป์ The Voice Thailand 2024
- เปิดชีวิตวัยเด็กของ ช่างเดี่ยว จากเด็กตามชนบท มีอาชีพเป็นช่างซ่อมรถมากฝีมือ สู่การเป็นแชมป์ร้องเพลงรายการดัง
- ขอพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะถูกสบประมาทว่าไปได้ไม่ไกล
จากคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด มีอู่ซ่อมรถเล็กๆ เป็นของตัวเอง มาตอนนี้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว สำหรับ ช่างเดี่ยว ธีรพงษ์ วรรณลักษณ์ แชมป์จากรายการ The Voice Thailand 2024 ที่เอาใจคนทั้งประเทศด้วยน้ำเสียงการร้องเพลงที่ฟังแล้วจับใจ ถึงขั้นทำเอาคนฟังน้ำตาคลอเลยทีเดียว
ล่าสุด ช่างเดี่ยว ได้มานั่งเปิดใจพูดคุย เปิดตัวตน การใช้ชีวิต และมุมของตัวเอง จากธรรมดาที่ไม่มีต้นทุนชีวิตเหมือนคนอื่น จนชนะการประกวดระดับประเทศ ผ่านทางรายการ THE STORY OF… ทางช่องยูทูบ THAIRATH Online Originals
เติบโตที่ จ.ร้อยเอ็ด
ใช้ชีวิตตามท้องไร่ท้องนา
"เป็นคนตำบลกำแพง อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กเลย มีพี่น้อง 3 คนครับ เป็นฝาแฝด 2 คน เป็นผู้หญิง ผมเป็นลูกชายคนโตครับ ตอนนี้ผมอายุ ถ้าในบัตรประชาชน ผม 38 ครับ แต่ว่าถ้าอายุจริงก็ 39 เพราะในสมัยนั้นเดินทางลำบาก เลยทำให้ได้ไปแจ้งเกิดช้าไป 1 วัน แต่ก็ได้เรียนพร้อมกับเพื่อนๆ
ถามว่าใช้ชีวิตแบบไหน ช่างเดี่ยวบอกว่า ใช้ชีวิตปกติเลย อันไหนที่จำเป็นเราต้องก็ซื้อ อันไหนที่ไม่จำก็ไม่ต้องซื้อ ประมาณพอเพียง อยู่ตามท้องไร้ท้องนาปกติทั่วไป ก็ใช้ชีวิตตอนเป็นเด็กจะเป็นเด็กตามชนบทครับ เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย แล้วก็ทำงานช่วยพ่อแม่ที่บ้านครับ แต่ก็ชอบร้องเพลง ชอบทำงานช่วยพ่อแม่ครับ พ่อแม่ก็จะซ่อมรถทำนาครับ
...
ชีวิตในครอบครัวก็ดีครับ ก็มีความสุขดี คือพ่อกับแม่ก็อยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันครับ พ่อก็เลยหาอาชีพให้ลูกๆ อยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้ไปทำงานต่างจังหวัดครับ ส่วนตัวผมเป็นคนชอบทำงานแล้วก็ ถ้ามีอะไรบ้างที่ในหมู่บ้าน ที่พอเราหยิบยื่นช่วยได้ก็ช่วยครับ สิ่งไหนที่มันหนักเกินไปก็พักไว้ประมาณนั้นครับ"
เริ่มเรียนซ่อมรถมาตั้งแต่เด็ก
โดยมีพ่อเป็นไอดอล
"เริ่มตั้งแต่อยู่บ้านเลย พอดีพ่อมาปั่นสามล้อที่ปากน้ำ พ่อกลับไปก็อาจจะมีวิชา อาจจะฝึกครับ ผมก็เห็นพ่อทำงานตั้งแต่ซ่อมรถจักรยานครับ พ่อก็พาไปซื้อรถจักรยานมาคันละ 20 บาท เราก็มาทำขายคันละ 200 หรือว่าซื้อมา 50 บาท มาทำขายคันละ 200 ก็ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ก็มาซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ก่อน เพราะยุคนั้นในแถวหมู่บ้านน่าจะมีสัก 2-3 คันได้ ก็มาเป็นเครื่องยนต์การเกษตร แล้วผมก็ได้มีโอกาสไปเรียน ปวส. เพื่อที่จะต่อยอดในการทำงานของพ่อ ก็เลยมาซ่อมรถยนต์เพิ่มขึ้นมาครับ
สิ่งที่ทำให้ผมอยากเป็นช่างซ่อมรถก็คือ เป็นอาชีพพ่อด้วยครับ อีกอย่างหนึ่งก็คือผมมองว่าแต่ละอาชีพก็จะมีสิ่งดีๆ ในแต่ละอาชีพครับ แต่ผมมองว่าการที่เป็นช่างซ่อมรถก็คือ เราทำงานอยู่ที่บ้าน แล้วลูกค้าเอางานมาให้เราทำ และครอบครัวก็อยู่ในนั้น เราไม่ต้องไปหาเงินหาทองที่อื่นครับ ในความคิดของผมครับ แล้วก็อาชีพช่างก็คือพ่อทำมาตั้งแต่ผมยังเด็กครับ คือความทรงจำที่ผมงัดยางจักรยานออกได้ในตอนที่ยังเด็ก ก็คือเก็บเป็นความทรงจำตัวเองมา เพื่อที่เราจะต่อยอด ต้องเป็นช่างเพื่อให้งานออกมาดีให้ได้ครับ"
ไม่เคยขึ้นเวทีประกวด
ฝึกเล่นกีตาร์ ฝึกร้องเพลงเอง
"ไม่เคยขึ้นเวทีประกวดเลยครับ ถ้ามีก็ตามเวทีหมอลำก็เคยขึ้นครับ แล้วก็มีเหมือนชาร์โดว์แต่ก่อนครับ มีคีย์บอร์ดตัวเดียว แล้วก็ขึ้นไปร้องเพลง ส่วนการเล่นกีตาร์ก็มีเองครับ ช่วงนั้นจะมีเพลงของ พี่เสือ ธนพล พี่เสก ยุค 90 ครับ ก็หยิบขึ้นมาร้อง ของอาจารย์พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ คือมาฝึกเองแล้วเปิดหนังสือคอร์ดดูครับ ไม่เคยเรียนร้องเพลงเลย แล้วก็ไม่เคยเรียนกีตาร์ครับ
และไม่เคยเรียนร้องเพลงเลย แต่มีแม่ แม่ชอบร้องเพลง แม่ร้องเพลงได้เพราะมาก ก็ฝึกจากแม่ ผมเห็นแม่ร้องเพลง ก็ไม่ได้นั่งสอนกัน คือไม่ได้มีใครมาคอยสอนผมครับ ก็พยายามฝึกเอา
...
น้องเมียเชียร์ให้มาประกวด The Voice 2024
ตั้งกล้องถ่ายคลิปส่งออดิชั่นเอง
ช่างเดี่ยวบอกว่า จุดเริ่มต้นที่มาประกวด The Voice 2024 คือน้องเมีย "น้องสะใภ้ครับอยากให้มา ผมก็บอกว่า ตอนแรกคือไม่กล้ามาอยู่แล้วครับ ไม่กล้ามาประกวดครับ ผมมองว่า คนเป็นแสนเป็นล้านครับ ผมไม่ใช่ 1 ในนั้นแน่นอนครับ ตั้งแต่เริ่มจะส่งออดิชั่น เพราะว่าผมส่งคลิป น้องเขาอยู่ระยอง
เขาอยากให้ผมส่ง ผมบอกว่า ส่งไปทำไม ส่งไปแล้วก็ไม่ได้หรอก คนตั้งเป็นแสนเป็นล้านคน คนในประเทศเราตั้งเยอะตั้งแยะ แล้ว 4 ภาคไม่ใช่น้อยๆ คนครับ ผมก็เลยคิดว่าน่าจะไม่ผ่านเลย ออดิชั่นครับ เขาก็พยายามบังคับให้อัดคลิปมาเถอะ มีประโยคหนึ่งที่น้องเขาพูดกับผม ส่งไปเถอะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้เสียหายอะไร เราก็แค่ส่งไป ก็ไม่เป็นไรหนิ เราไม่ได้ก็ไม่ได้เกิดปัญหาอะไร ความฝันลองๆ ดูสักครั้งหนึ่ง ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวอัดคลิปให้เลย"
"ความรู้สึกที่ผ่านออดิชั่นรอบแรก รู้สึกงงครับ งงว่าเป็นผมได้ไง ผมก็ไม่รู้ เพราะผมส่งไม่เป็นอยู่แล้ว น้องโทรไปบอกว่า ผ่านออดิชั่นนะ ในความคิดผมยังเป็น ออดิชั่นอะไร ออดิชั่นเเดอะวอยซ์ไง ผมยังคิดอยู่เลยแล้วจะไปยังไง จะไปร้องยังไง ต่อไปยังไง ก็ถ้าก่อนหน้านั้น ถ้ามีทีมงานโทรไป อาจจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ก็ได้ อาจจะโดนผมว่าก็ได้ แต่โชคดีคือน้องโทรมาบอกก่อน ก็ตื่นเต้น พี่ทีมงานโทรไป ผมก็ตื่นเต้นครับ
พอผ่านรอบไฟนอลออดิชั่น เพราะว่าออดิชั่นแล้วต้องมีไฟนอลออดิชั่นอีกครับ แล้วก็มีรอบบลายธ์ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ คือผมมองว่าในทุกรอบของผมไม่ผ่านแน่นอนครับ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ"
"ถามว่าตอนนั้นคิดอะไรในใจ ผมก็คิดว่าผมยังพัฒนาตัวเองยังไม่ดีพอครับ ผมก็จะพยายามปรับปรุงแก้ไข แล้วก็พัฒนาฝีมือตัวเองในการร้องเพลง ในการเล่นกีตาร์ด้วย"
...
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชนะ
จะพัฒนาปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ
"ตอนที่แข่งขันรับรู้ฟีดแบ็กจากผู้ชมบ้างครับ แต่ว่าส่วนมากก็จะดู ถ้าเป็นรอบแรกๆ ก็จะดูบ้างครับ แต่รอบหลังๆ มาไม่มีเวลาดู ส่วนมากก็จะดูในเฟซบุ๊กตัวเอง ชาวบ้านเค้าจะเข้ามาคอมเม้นต์ว่า เพราะนะ ก็ให้กำลังใจครับ ขอขอบคุณทุกกำลังใจด้วย แต่ว่าก็ทุกคำติชมผมก็ยอมรับเพื่อจะปรับปรุงและพัฒนาตัวเองด้วยครับ ก็มีหลายคนส่งเข้ามาว่าต้องร้องอย่างนี้นะ ผมก็ขอบคุณครับเดี๋ยวผมจะปรับปรุงตัวเองนะ ผมจะพัฒนาตัวเองนะ
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชนะเลยครับ เพราะว่าในรอบไฟนอลที่ยืนคู่กับพี่เอกครับ ผมก็ยังแสดงความยินดีกับพี่เอกด้วย แบบพี่เอกยินดีด้วยนะ ยินดีกับแชมป์ The Voice พี่เอกบอก ยัง ยัง ยัง อะไรประมาณนี้ครับ พี่เอกเขาน่ารักครับ ก็คือทุกคนเขาเป็นกันเองหมดครับ ผู้เข้าแข่งขันน่ารักทุกคนครับ
...
เบื้องหลังที่อยู่การแข่งขัน สนุกสนานกันทุกคนครับ แต่พอประกาศเป็นเราขึ้นมา เป็นลมมั้ย? เกือบช็อกครับ คือไม่คิด เพราะว่าในก่อนขึ้นคุยกันกับโค้ชแม่คิ้มอยู่แล้ว โค้ชพี่จ๋ายอยู่ พี่จ๋ายบอกว่า ผมน่าจะร้องไห้นะ พี่จ๋ายก็เลยบอกว่า ไม่ต้องหันไปดูครอบครัว ไม่ต้องหันไปดูรูปข้างหลัง เพราะฉะนั้นเดี๋ยวจะร้องไม่จบ จะร้องไห้ เพราะบทเพลงมันสื่อจากใจ ด้วยความที่เราสู้ฟันฝ่าในชีวิตจริง
และโค้ชแม่คิ้มบอก เราไม่ได้แชมป์แน่นอน พี่เอกได้แชมป์แน่นอน ก็คือไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นแชมป์ครับ พอได้แชมป์มาผมก็งงจนวินาทีสุดท้ายเลยครับ"
เพลงที่สื่อออกมา
ร้องมาจากใจของเด็กบ้านๆ
เมื่อถามว่า ในรอบไฟนอล เพลงที่ช่างเดี่ยวร้อง ทำคนในห้องส่งน้ำตาซึมหมด เจ้าตัวบอกว่า "ขอบคุณมากเลยครับ เพราะว่าคือเพลงที่ผม ณ ตอนที่ผมก้าวเข้ามาในครอบครัว The Voice ผมคิดแค่ว่า ผมอยากจะร้องเพลงให้ทุกได้ฟัง ออกทีวีสักครั้งนึง ก็ร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟัง แค่สื่อความหมายจากใจของคนบ้านๆ คนนึง เด็กบ้านๆ คนนึงครับสื่อออกไปถึงผู้ฟัง ก็เหมือนส่งจดหมาย ถ้าส่งไปปุ๊บ คนรับได้อ่าน ผมก็พอใจแล้วครับ แค่นี้จริงๆ ครับ"
ยังเป็นช่างเดี่ยวคนเดิม
ขอเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
"ตอนนี้ผมยังไม่คิดว่าตัวเองอยู่จุดไหนครับ เพราะว่าผมก็มองว่าผมยังเป็นคนเดิมอยู่ ยังเป็นช่างเดี่ยวคนเดิมครับ แล้วก็จะคอยพัฒนาปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ ในทางที่ดี เรื่องงานร้องเพลง เรื่องดนตรีครับ ส่วนเรื่องอู่ก็ในต่อๆ ไป ยังทำเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ขอพักไว้ก่อน ส่วนงานร้องเพลงยังรออะไรอีกหลายอย่าง เพราะว่าผมยังต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะ"
เปรียบชีวิตตัวเองเป็นเพลงจังหวะไหน? "ก็จะประมาณ ก็กลางๆ ครับ การเล่นดนตรีของผม อาจจะเป็นเพลงที่สื่อความหมายจากบทเพลงนั้นๆ เพราะว่าผมชอบเอาตัวเองไปผูกกับเพลงครับ เวลาเล่นเพลงไหนผมชอบเอาตัวเองไปผูกกับเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงเร็ว เพลงช้าครับ"
ถ้าไม่กล้าออกจากเซฟโซน
ก็จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ภายนอก
"ผมมองว่า ถ้าเราไม่กล้าที่จะก้าวออกมาตรงจุดที่เราเซฟโซน ก็คือเราไม่กล้าที่จะก้าวออก เราก็จะไม่รู้ว่า อะไรบ้างอยู่โลกภายนอก ส่วนที่คนสบประมาทว่าไปได้ไม่ไกล ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าผมมองว่าผมก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ในทางที่ดีครับ ผมมองว่าชีวิตเราไม่ได้เดินตามโชคชะตา เพราะว่าถ้าเราไม่กล้าที่จะทำอะไรเลยสักอย่าง มัวแต่นั่งอยู่กับที่ มันก็จะทำให้เราไม่ได้เป้าหมายหรือความสำเร็จอะไรสักอย่าง
ตอนนี้ยังไม่มองตัวเองในอนาคตอะไรเลยครับ เพราะว่าก็ยังใหม่ๆ อยู่ครับ ก็แค่อยากให้ทุกคนรักผมในสิ่งที่ผมเป็น แค่นี้แหละครับ ก็เป็นช่างเดี่ยวคนเดิมครับ"
"ส่วนรางวัลที่ได้ ก็ใช้จ่ายในครอบครัวครับ อย่างผมก็มีหนี้ เอาไปใช้หนี้นิดหน่อย และก็จะเอาไปต่อยอดในการเล่นดนตรีของผมด้วย การร้องเพลงด้วย แต่ไม่ถึงกับต้องไปเรียน แต่ว่าอะไรหลายๆ อย่างที่อาจทำให้เราดีขึ้นในอนาคตครับ เรื่องดนตรีอาจจะต้องใช้ตรงนั้นด้วยครับ"
อยากให้ทุกคนรักในสิ่งที่เป็น
ขอบคุณจากใจช่างเดี่ยวคนนี้คนเดิม
"ก็ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องนะครับ ขอขอบคุณหลายๆ ที่เป็นแรงเชียร์แรงใจ เป็นแรงโหวตให้ผมด้วย ในช่วงที่ผมอยู่ในครอบครัว The Voice อยากให้ทุกคนกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองรักครับ ทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจอยากทำอะไรอยากสร้างอะไร ขอให้ทุกคนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีครับ แล้วก็ขอขอบคุณทุกคำติชมทุกอย่าง ผมก็จะพยายามปรับปรุง พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ นะครับ ก็ขอขอบคุณจากใจของช่างเดี่ยวคนนี้คนเดิมครับ ขอบคุณมากครับ"