เป็นคู่พี่น้องที่รักและสนิทกันมาก สำหรับ เบสท์ รักษ์วนีย์ กับ โบ๊ท ภูวรักษ์ คำสิงห์ ลูกสาวและลูกชายของอดีตนักชกทีมชาติเหรียญทองโอลิมปิก สมรักษ์ คำสิงห์ ล่าสุด 2 พี่น้องได้ควงกันมาเปิดใจเล่าถึงความสนิทสนมในแบบฉบับพี่น้องผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 

โดย เบสท์ ได้พูดถึงน้องชายคนนี้ว่า "วิธีการดูแลน้อง ก็ให้เขาใช้ครีม เซรั่ม ขัดผิว เดี๋ยวนี้เป็นนักฟุตบอลก็ต้องทาครีมกันแดด แต่งหน้า อยากให้เขาหล่อ เพราะว่าเราชอบผู้ชายหล่อ แต่ถ้ามีคนมาดึงน้องออกไปจากชีวิต หนูยินดี ไม่หวงน้อง คือบ้านนี้เข้ามาบอกเลยจะไม่มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ พี่สาว น้องสะใภ้ ไม่มี แต่ตอนนี้น้องไม่ค่อยคุยกับใคร เป็นผู้ชายติสต์ อินโทรเวิร์ต เขามีโลกส่วนตัวสูง ชอบนั่งแต่งเพลง เล่นเกมอยู่กับคอมพิวเตอร์"

ด้าน โบ๊ท เผยว่า ตอนนี้รับหน้าที่เป็นกูรูความรักให้กับพี่สาว เพราะเราไม่รู้ว่าผู้ชายที่เข้ามาเป็นยังไง คือเราไม่รู้เชิงผู้ชาย สมมติเขาพิมพ์มาแบบนี้เราไม่เข้าใจว่าเขาจีบเราหรือเปล่า ชอบเราหรือเปล่า มาแบบคุยๆ หายๆ นี่คืออะไร เราไม่เข้าใจเลยถามโบ๊ท แล้วโบ๊ทเคยวิเคราะห์ เหมือนเจอกันแล้วเขาทักมาตอนกลางคืนอีก แปลว่าเขาต้องชอบเบสท์แน่ๆ แล้วปรากฏว่าจริง ซึ่งก็เป็นเซ้นส์ผู้ชาย

...

เบสท์ บอกว่า และน้องเขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย เขาบอกว่าเดี๋ยวคนนี้ต้องมากดไลก์หรืออะไรอย่างนี้ แสดงว่าเขาต้องชอบเราอยู่แน่ๆ แล้วเขาก็จะ DM มาแบบนี้ เป๊ะ แม่นมาก ไม่ต้องไปดูหมอดู แต่เวลาเราจะคบใครก็ไม่ต้องถึงกับให้โบ๊ทมาเป็นคนสกรีนนะ แต่โบ๊ทชอบแอบดู สมมติมีรถมาจอดหน้าบ้าน เขาก็จะแอบดูรถ

ด้าน โบ๊ท บอกว่า "ใช่ครับ ผมก็เปิดประตูบ้านไปยืนดูเลย ผมเช็กก่อน แต่ถ้าถามว่า ดูยังไงว่าคนนี้จะคบได้แค่ 2 เดือน 3 เดือน มันเป็นเซ้นส์ผู้ชายครับพี่ แล้วผมก็ถามพี่เบสท์ด้วยว่าเขาเป็นคนยังไง พอได้คำตอบปุ๊บ ผมก็มาคิดแล้วบอกเบสท์ แต่ถ้าถามว่าลักษณะไหนที่จะอยู่ได้ยาวๆ ต้องนิสัยครับ แล้วก็เข้ากับครอบครัวได้ ต้องช่วยกันทำงาน อยู่บ้านต้องช่วยกันจ่ายค่านู้น ค่านี่ ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน แต่มีอะไรก็ปรึกษาผมได้ตลอด เล่าเยอะๆ ผมก็อยากรู้เรื่องเยอะๆ เหมือนกัน"

เบสท์ บอกว่า ตอนแรกก็ไม่ชอบ อะไรคนนี้ไม่เกิน 2-3 เดือน เหมือนมันแช่งเราอะ แต่ว่าเป๊ะ พอเลิกคุยกันไปแล้วเรามานับเดือนมันเป๊ะ ถ้าสมมติบอก 3 เดือนก็คือ 3 เดือน ยกให้น้องชายเป็นเซฟโซนเลย เพราะรู้สึกว่าบางครั้ง บางเรื่องเราก็ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนรู้ เราไม่มั่นใจไง ถ้าวันนึงเราทะเลาะกับเพื่อนไป เพื่อนอาจจะมาแฉเราก็ได้ แต่ว่าโบ๊ทเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน เขาคงไม่ทำเราหรอก"

เบสท์ ยังบอกอีกว่า "โสดมา 2 ปีแล้ว ไม่มีคนเข้ามาเลย โสดแบบโสดสนิท ตอนที่โสดแรกๆ เหงา เพิ่งได้เรียนรู้เหมือนกัน พอเราโสดไปนานๆ มันจะเริ่มหายากขึ้น เพราะว่าเราเสพติดกับการอยู่คนเดียว เคยชินกับการอยู่คนเดียว พอมีคนนึงเข้ามามันก็จะเป็นปัญหาล่ะว่าเราจะไม่ชินบ้าง หรือกังวล มันก็เลยโสดมา 2 ปี ตอนนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไป สเปคก็เปลี่ยน แต่ก่อนเราชอบแค่คนหล่อ ถ้าหล่อมาคือตอบโจทย์เลย แต่ตอนนี้เราไม่ได้มองคนหล่อแล้ว คนที่จะมาเป็นแฟนเรา เราอยากได้แบบโตแล้ว ไม่ Toxic ไม่สร้างปัญหา ที่ยังไม่เปิดใจคบใครเพราะคนที่ผ่านมาหนูว่ารู้จักกันดีแล้ว ดีแล้วที่ไม่ได้คบกัน เพราะถ้าคบกันมันอาจจะไม่รอดก็ได้ หนูยังไม่มีใครเข้ามาแล้วเปย์ หนูเลย ไม่เคยรับรู้โมเมนต์นั้น ถ้าถามตอนนี้ว่าเราอยากได้ คนเปย์ไหม ก็เฉยๆ"

พร้อมกับอัพเดทอาการป่วยของ พ่อสมรักษ์ บอกว่า ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เพราะกินยามา 2 เดือนแล้ว ตอนแรกดีขี้นแบบเห็นได้ชัดเลย ปลายปีที่แล้วทุกคนเห็นว่ากลับมาปกติเลยก็คือพูดได้เดินได้ แล้วเขาออกกำลังกายด้วย มันก็เสริมให้ฟื้นตัวเร็ว คือก่อนหน้านี้ช่วงที่เกิดอาการแรกๆ พ่อบอกว่าเขารู้สึกชาบริเวณแขนด้านซ้าย ชาเหมือนเหน็บกิน แต่ว่าเขาไม่บอกใครเขาก็ใช้ชีวิตของเขา จนตื่นขึ้นมาวันนึงก็ขยับไปได้ไปซีกนึงเลย

...

ตอนนั้นเราร้องไห้กันหนักมาก คือไม่เคยเห็นพ่อพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ แล้วปากเบี้ยวด้วย หน้าก็เบี้ยวไปเลย พูดไม่รู้เรื่องเหมือนเด็ก ตอบอะไรไม่ได้เลย เดินก็จะล้มอย่างเดียว ตอนนั้นอยู่ในเหตุการณ์น้าน้องสาวแม่บอกว่ามาดูพ่อหน่อย พ่อหน้าเอียง น้ำลายไหล ผมเลยไปดู แล้วพ่อก็บอกโทรศัพท์พ่ออยู่ไหน เขาทำโทรศัพท์หาย ยอมรับว่าช็อกมาก ไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้เลย 

ตอนนั้นภาวนาอย่างเดียว อย่าให้ถึงขั้นพิการหรืออัมพาต ขอแค่เข้าไอซียู แต่พูดได้ เดินได้ปกติ ไม่อยากให้ติดเตียงหรือนั่งรถเข็น ไม่ต้องมากายภาพอะไรหนักๆ ขอแค่ได้รับยาแล้วฟื้นเลย และปรากฏว่าเป็นตามที่เราคิด เขาได้รับยา นอนพัก แล้วกลับมาปกติ แต่ต้องกินยาตลอดชีวิต ถ้าเขาดูอยู่ก็อยากให้เขาดูเรื่องอาหาร เรื่องออกกำลังกาย มันก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ และอย่าซนด้วยนะ

ส่วนเรื่องคดีความ เบสท์ บอกว่า "ตามที่ข่าวออกเลย หนูก็ประกันออกมา ทำตามขั้นตอนที่ศาลให้ทำ ก็อย่างที่บอกผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ตอนนี้อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย เราขึ้นศาล ถ้าศาลว่ายังไง ประกันตัวได้ หนูก็จะช่วยพ่อเต็มที่"

...

เมื่อถามว่า ชีวิตเด็กวัยรุ่นคนนึงเจอเหตุการณ์มากมาย วันนี้เหมือนเป็นผู้นำครอบครัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา รู้สึกท้อมั้ย เบสท์ บอกว่า "มันก็มีบ้าง แต่เราท้อไม่ได้ ถ้าเราท้อคนข้างหลังค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโบ๊ท คุณพ่อ คุณแม่ แม่บ้าน คนขับรถ ทีมงาน เราต้องคิดในภาพกว้างๆ เราจะนอนอยู่เฉยๆ มานั่งจมไม่ได้ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ซึ่งหน้าที่ของเรา เราทำได้แค่ผลิตคอนเทนต์ ถ่ายรูป ถ่ายติ๊กต๊อก เราถึงจะมีรายได้ เราก็ต้องลุกขึ้นมาทำ เขาบอกว่า ความเข้มแข็งจะเป็นทางเลือกสุ ดท้ายเมื่อเราไม่มีทางเลือก ซึ่งมันก็จริง พอเราอยู่กับตัวเองมากๆ ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะช่วยเราได้"

ถามว่า 2 พี่น้องให้กำลังใจกันยังไง เบสท์ บอกว่า "จริงๆ เราไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ เราจะคุยกันเหมือนข้ามเรื่องดราม่าไป ไปถ่ายคลิป ถ่ายติ๊กต๊อก ถ่ายอะไรที่มันมีความสุข ไม่ได้เอาเรื่องดราม่ามานั่งคุยกัน"

โบ๊ท "ผมไม่ค่อยได้ให้กำลังใจเขาเท่าไหร่ ผมรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่ผมก็ยังทำอะไรไม่ได้ ผมอยู่ในวัยนักเรียนอยู่ รอโตขึ้นผมจะช่วยเขาหาอีกแรง"

...