เป็นอีกหนึ่งพระเอกในตำนานมีผลงานการแสดงมานับไม่ถ้วน สำหรับ ทูน หิรัญทรัพย์ ที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 44 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบัน ทูน ได้เฟดตัวออกจากวงการบันเทิงไปสักระยะแล้ว ล่าสุด ทูน ได้มานั่งเปิดใจพูดคุยในรายการ มยุราหาเรื่องเมาท์ กับ ตั๊ก มยุรา ในบางช่วงบางตอน บ๊อบ ก็ได้เล่าถึงอาการป่วยความดันขึ้นตา บอกว่า

เรื่องที่ไม่สบายใจคือเรื่อง ดวงตา ข้างแรกเป็นเบาหวานขึ้นตา สิ่งที่เราได้จากพ่อแม่และบรรพบุรุษของเราก็คือความผิดปกติในยีนของเรา แล้วมันก็ทำให้ต่อมที่สร้างความสมดุลในร่างกายมันไม่สร้าง มันไม่ทำงาน น้ำตาลก็คุมไม่ได้ น้ำตาลมันก็เลยขึ้นไปที่ตา แต่ศัพท์ทางการแพทย์บอกว่า เป็นความดันขึ้นตา แล้วขึ้นข้างขวาฝั่งเดียวไม่พอ ก็จะลามไปข้างซ้ายด้วย

อาการตอนแรกเริ่มจากเป็นไมเกรน ปวดหัวซีกเดียว ตอนที่ไปประชุมคุณหมอก็ทักว่าทำไมเราขยี้ตาบ่อยๆ น้ำตาไหลตลอด ตอนนี้ก็ยังไหลอยู่ ก็เลยบอกไปว่า ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่าปวดหัวมั้ง เพราะทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ คุณหมอเลยเอานิ้วโป้งกดที่ตา ความดันตา รู้สึกแข็งยังไงไม่รู้ หมอเขาก็พาไปโรงพยาบาล และพบว่าความดันสูงกว่า 300 ซึ่งเขาก็ถามว่าอยู่ได้ยังไง เราก็ไม่รู้ ได้แต่กินยาแก้ปวดตามอาการไป

...

วันรุ่งขึ้นก็ไปหาหมอ พบว่าเป็นต้อหิน ถ้าปล่อยไว้นานเส้นประสาทที่อยู่รอบดวงตามันจะตาย เลยกลายเป็นว่ามันชำรุดไปแล้ว พยายามแก้ไขแต่แก้ไม่ได้แล้ว ปัจจุบันก็พยายามเซฟตาข้างซ้ายไว้ ส่วนตาข้างขวามองไม่เห็นเลย จะเดินชนตลอด แต่ว่าข้างซ้ายเห็นแค่ 30%

ส่วนการใช้ชีวิตตอนนี้ก็จะไม่ขับรถ ตอนกลางคืนก็จะไม่ค่อยออกไปไหน เพราะว่ามันไม่มีมิติแล้ว ถ้าเรามีลูกกะตาสองข้าง เราจะมองเป็นมิติได้ แต่เหลือข้างเดียว มันจะมองเป็นพื้นดำ ถ้าไฟไม่พอแสงไม่พอ เท่ากับว่า ตาข้างขวามองไม่เห็นแบบ 100% ส่วนข้างซ้ายมองเห็นแค่ 30%

ยอมรับว่าตอนแรกเครียดมาก เพราะไม่รู้ว่าถ้าตาเราบอดไป จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วลูกเรายังเรียนไม่จบ จะมีปัญหาตามมา และเราไม่อยากเป็นภาระใคร ก็เคยคิดสั้นแบบที่หลายคนคิดกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงจุดที่เป็นซึมเศร้านะ แต่มันเครียดตรงที่ว่ามันหาอนาคตให้กับเด็ก ๆ ไม่ได้

และลูกสาวของเรายังอยู่ในวัยเรียนทั้ง 3 คนเลย ก็เลยคิดว่า ถ้าลูกไม่มีเราคงจะดำเนินชีวิตต่อไปได้ ก็เลยหาทางออกและวิธีการ แต่มันไปจบตรงที่ลูกบอกว่า "แล้วใครจะมางานรับปริญญากับหนูล่ะ" ก็โอเค เรื่องจริง เขายังต้องการเราอยู่ มาตอนนี้เป็นคุณตาแล้ว แฮปปี้มาก