ต้องบอกเลยว่า ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น เป็นนางงามที่สวยสมมงจริงๆ ซึ่งเธอไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในฐานะ Miss Universe Thailand 2019 แต่ฟ้าใสยังเป็นนางงามนักสู้ แม้ว่าจะเคยล้มเหลวมาหลายครั้ง แต่ฟ้าใสก็สามารถต่อสู้กับความกลัวในใจของตัวเองได้สำเร็จ และก้าวข้ามผ่านพลังลบมาได้

ล่าสุด ฟ้าใสได้มาร่วมงาน MIRROR50 Power of Now ที่ Soho House Bangkok เจ้าตัวก็ได้แชร์ประสบการณ์เล่าเรื่องความกลัวที่เคยเกิดขึ้นกับใจตัวเอง ก่อนที่จะก้าวข้ามผ่านมาได้ โดยฟ้าใสเล่าว่า

การที่เราเป็นนางงามในช่วงที่กำลังเตรียมตัวอยู่ เราเข้าวงการนางงามตั้งแต่ปี 2013 จนกระทั่งประกวดมาทั้งหมดถึง 2019 7 ปีของการประกวดนางงาม ความกดดันจริงๆ คือตอนที่อยู่แคนาดา ซึ่งในตอนนั้นโซเชียลมีเดียยังไม่เยอะขนาดนี้ พอมาถึงไทย มันมีความตกใจตรงที่ว่า เรามั่นใจในเอกลักษณ์ของตัวเองว่าเราสวยแบบนี้ เราไม่เหมือนใครในแบบนี้

แต่พอมาที่ไทยแล้วเริ่มประกวดปุ๊บ ก็มีคนมาวิจารณ์เราว่า "ฟ้าใสหน้าเหมือนจระเข้ ฟ้าใสอ้วน หุ่นโครงฝรั่ง ฟ้าใสไม่มีตาสองชั้น ไม่สวย" เราก็เสียเซลฟ์แหละ พูดตรงๆ แล้วเราก็เริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่า สิ่งที่เรามองว่ามันเป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้เราไม่เหมือนใคร ทำไมมันไม่ตามบิวตี้สแตนดาร์ดที่เขาต้องการ

...

แต่ละครั้งเราก็จะก้าวข้ามผ่านไปด้วยมายด์เซ็ตว่า ไม่เป็นไร บิวตี้สแตนดาร์ด มันต้องไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ ไม่เหมือนกันในแต่ละกาลเวลา ดังนั้นอันนี้อาจจะเป็นบิวตี้สแตนดาร์ดของเรา สักวันเขาจะเห็นความสวยในแบบของเราเอง จนกระทั่งปี 2019 เราชนะ เขาก็จะมาชมว่า ฟ้าใสสวยแล้ว อันนี้ใช่เลย เราก็อ่ะ โอเค มันเหมือนกว่าจะถึงวันนั้นมันต้องใช้เวลา

แต่จริงๆ อันที่ทำให้เรารู้สึกกดดันจริงๆ มันไม่ใช่คอมเมนต์จากตอนนั้น แต่สิ่งที่ทำให้กดดันจริงๆ คือการที่เรารู้สึกว่าเราประกวดแล้ว เราได้แต่คำว่า "รอง" เราได้ตำนานคำว่า "นางงามนางรอง" มาตลอด ไม่ว่าเราจะประกวดเวทีไหน เราก็ได้ตำแหน่งรองมาตลอด เลยทำให้เรารู้สึกว่า เราพยายามมากแค่ไหน มันก็ไม่ดีพอ มันกระทบกับเราตรงที่ ไม่ว่าเราจะพยายามลองทำสิ่งอื่นๆ ในชีวิต มันรู้สึกเหมือนแล้วเราจะทำไปทำไม ในเมื่อมันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ มันก็เหมือนชะงักเรา ไม่ว่าเราจะคิดว่าเราจะทำอะไร มันก็เหมือนแบบเราไม่ดีพอ

จนกระทั่งกว่าที่เราจะตัดสินใจมาประกวดในปี 2019 เราต้องไปเพิ่มความมั่นใจ และเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่ ว่าจริงๆ จุดเด่นของเราคืออะไร เพราะว่าเรามัวแต่คิดถึงจุดลบมาตลอด เราไม่เห็นจุดเด่นตัวเองแล้ว มันก็เหมือนเราต้องก้าวข้ามความกลัวนี้ ความกลัวความล้มเหลว แต่ความกลัวที่กลัวมากที่สุดคือ จะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง

ซึ่งไม่ใช่ผิดหวังในตัวเรานะ แต่ผิดหวังในความฝันของเรา เพราะไม่ว่าเราจะฝันอะไร เขาซัพพอร์ตเราเต็มที่ พอเราไม่ถึงฝัน เราก็จะหันไปหาคุณพ่อคุณแม่ แล้วหน้าเขาก็จะเหมือนเศร้าไปกับเรา ซึ่งเรากลัวอันนั้นมากที่สุด แต่สิ่งที่ทำให้เราเดินหน้าไปคือ มันไม่ใช่ไม่มีคำว่า ความกลัว แต่เรายังเดินหน้าไป แม้ว่าจะกลัวแต่เราก็ยังทำต่อไป อันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ

...