ออกมาเปิดใจครั้งแรกสำหรับนักแสดงสาว กิ๊ก มยุริญ หลังตั้งใจลาบวชชี ตัดขาดทางโลก ปฏิบัติธรรม ที่ประเทศเมียนมาร์นาน 9 เดือน ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเล่าในรายการ “คุยแซ่บ Show” ช่อง One31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติธรรม ทั้งเห็นวิญญาณเด็ก และสาเหตุที่บวชไม่ครบตามที่ตั้งใจไว้

เพิ่งลาสิกขามาได้กี่วัน?
กิ๊ก : 7 วันค่ะ

ตอนนี้ปรับตัวได้หรือยังคะ?
กิ๊ก : ดีขึ้นแล้วค่ะ เพราะว่าได้ไปถ่ายคลิปเมื่อวานก็ไปกองเป็นต่อมา ก็เริ่มรู้สึกว่าเราได้กลับสู่ทางโลกจริงๆ แล้ว แรกๆ ลาสิกขายังงงๆ นิดนึง เพราะเหมือนกับว่าเรายังไม่คุ้นชินกับชีวิตแบบนี้ เพราะตื่นมาก็ต้องเดินจงกรมนั่งสมาธิ แต่กลับมาก็ยังเดินจงกรมนั่งสมาธิเหมือนเดิม แต่ช่วงเวลาการเดินนั่งแค่ลดลง เราก็ต้องปรับตัวนิดนึง

ทั้งหมดบวชกี่เดือน?
กิ๊ก : 9 เดือนค่ะ

เป็นยังไงบ้างได้ 9 เดือนนี้ อิ่มบุญขนาดไหน?
กิ๊ก : มีความสุขมากๆ แล้วก็รู้สึกว่าเราได้ชีวิตใหม่กลับมา รู้สึกมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น การยืนนั่งนอนการมีสติในชีวิตประจำวันมากขึ้น รู้สึกว่าความโลภความโกรธความหลงบางลง เพราะมันบางลง ความสุขเราก็มากขึ้น ครั้งก่อนก็ไปมา 6 เดือน แต่ครั้งที่แล้วถือเป็นครั้งแรกที่เราบวช ก็เป็นแม่ชีมือใหม่ ก็เคร่งเครียดเกินไปนิดนึง

...

ครั้งที่แล้วที่ไปบวชกลับมาก็ป่วยเพราะนอนทับแขนตัวเอง (หัวเราะ) คือจริงๆ เวลาเค้าให้นอนเค้าจะให้นอนแบบมีสติ ซึ่งเราก็ไม่ได้ทำ เราไปก็นอนทับแขนตัวเอง ซึ่งก็ทับแขนตัวเองมาประมาณ 3 เดือนก็เลยทำให้ป่วยมาเรื่อยๆ ยกแขนไม่ขึ้นจนต้องทำกายภาพ รักษาตัวเป็นปีกว่าจะหายขาด บวชครั้งที่ 2 เราก็รู้แล้วว่าพลาดอะไรไปก็ไม่ทำให้มันเกิดขึ้น

บวชครั้งไหนโหดกว่ากันคะ 1 หรือ 2?
กิ๊ก : พี่ว่าถ้าถามครั้งแรกสุขภาพโหดกว่า แต่ถ้าโหดทางด้านจิตใจครั้งนี้โหดกว่า เพราะว่าคราวที่แล้วไฟทางการไม่ค่อยมา อย่างคราวที่แล้วกลางวันไฟไม่มา กลางคืนมาทั้งคืน แต่ครั้งนี้มาแบบสุ่ม อย่างที่แย่ที่สุดคือ 24 ชั่วโมงไฟมาแค่ 1 ชั่วโมงกลางคืน นอกนั้นก็จะเป็นแบบติดๆ ดับๆ บางคืนไฟก็ไม่มาเลย

คือเราไม่สามารถคาดคะเนได้เลยว่าไฟเค้าจะมาเมื่อไหร่ พี่ได้เห็นแล้วว่าชีวิตคนที่ไม่มีแสงสว่างมันมืดมิดมาก ถ้าถามพี่ว่ากำหนดสติพี่กำหนดได้นะ แต่มันคือความตึงเครียดไง มันเหมือนว่าเราต้องลุ้นว่าไฟจะมาเมื่อไหร่ มาเราก็ต้องวิ่งไปอาบน้ำต้องทำกิจกรรมอื่นๆ คือพี่เข้าใจเลยไง พี่ก็ขอบคุณที่มันทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เราเข้าใจว่าชีวิตที่ไม่มีแสงสว่างมันเป็นยังไง

ไฟดับทำให้เราจิตใจสงบมากขึ้นมั้ย?
กิ๊ก : มันไม่ได้ทำให้เราสงบขึ้น แต่มันทำให้เรามีความเครียดสะสม ทำให้เราเหมือนเป็นแพนิก ถึงขั้นไม่อยากปฏิบัติแล้วอยากออกจากกรรมฐานเพราะมันเกิดจากไฟสภาวะธรรมด้วย

อะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับไปบวชที่พม่าครั้ง 2?
กิ๊ก : เพราะว่าเรารู้สึกว่าการบวชครั้งที่แล้วมันยังไม่สุด ครั้งที่แล้วบวช 6 เดือนก็คิดว่ามันต้องไปได้อีก ก็เลยตัดสินใจครั้งนี้บวช 1 ปี ไปอยู่กับท่านเลย

ที่พม่ากับการบวชที่ไทยแตกต่างกันอย่างไร?
กิ๊ก : สำหรับนักบวชพี่ตอบเลยว่าพี่ไม่มีข้อมูลที่ไทย แต่วิธีประพฤติปฏิบัติพี่เชื่อว่าเหมือนกัน ยูนิฟอร์มอาจไม่เหมือนกัน แต่ว่าเราก็เป็นรูปพระพุทธเจ้าเหมือนกัน

ไปบวชแล้วครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง?
กิ๊ก : โอ้โห…ปัญหาเยอะมากก่อนไป เพราะว่าข่าวความไม่สงบในพม่ามีมานานแล้ว พอจะไปทุกคนก็เป็นห่วงไม่อยากให้ไป กับน้องสาวก็ไม่อยากให้เราไป ก็เลยมีการทะเลาะกันเล็กน้อย ก็เลยเหมือนมีการงอนกัน แต่เราก็ตัดสินใจว่าเอาช้างมาฉุดยังไงก็ไม่อยู่หรอก เราตัดสินใจเพราะกำลังบุญเราหมด เราคงต้องไปเติมกำลังบุญ มันถึงเวลาข้างในมันบอกจิตใจมันแน่วแน่แล้วก็เลยไปค่ะ ก็ไปทั้งๆ ที่ทุกคนไม่อยากให้ไป แต่เราก็จะไป

แล้วก็เพิ่งทราบมาว่าเพิ่งเปิดบริษัทได้ 4 เดือนตอนนั้น?
กิ๊ก : ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับชุดชั้นในที่เพิ่งเปิดไปได้ 4 เดือน พี่ก็ทิ้งพาร์ทเนอร์แล้วก็ไปปฏิบัติธรรม แต่ก็เข้าใจว่าคุยกันก่อน แต่เค้าก็ให้ไปทั้งน้ำตา และที่พี่กลับมาสถานการณ์ในพม่า ท่านรู้สึกไม่สบายใจก็อยากให้กลับมา พี่ก็เลยไม่สามารถอยู่ได้ครบปีอย่างที่ตั้งใจ ก็บวชไป 9 เดือน พอกลับมาก็ต้องมารับผิดชอบธุรกิจ

ตอนที่ไปพี่กิ๊กไปกับใครอ่ะคะ?
กิ๊ก : ตอนพี่ไปคือพี่ไปอยู่คนเดียวค่ะ แต่ตอนไปน้องสาวไปส่ง ก็ไปอยู่ด้วยกัน 2 คืน น้องเขาก็โอเคเพราะเค้าก็เคยไปปฏิบัติกับพี่ เคยไปอยู่ด้วยกันมาก่อน สาเหตุที่เค้าต้องไปด้วยเพราะว่าพี่ขนของที่ไทยไปหมดเลย คือพี่จะไม่ไปหาซื้อที่นั่น เพราะเกรงใจที่สำนัก

...

ความรู้สึกที่ปลงผมเพราะผู้หญิงเราจะรักสวยรักงาม?
กิ๊ก : พี่ชอบมาก พี่มีความสุขมากเลย คือเวลาที่เราไม่มีผมความรู้สึกมันจะแตกต่างไปใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วเรายังรู้สึกเหมือนเดิม เพราะว่าหนังศีรษะเรายังอยู่ปกติ แค่มันเบาหัวละไม่มีผมเท่านั้นเอง และอีกอย่างเราจะรู้สึกได้กลิ่นหัวเราชัดเจนมาก เพราะความไม่สวยไม่งามมันมีกลิ่นเหม็นไง แม่ชีที่นั่นก็ปลงหัวหมดแล้วก็ละทางโลก

กิจวัตรในหนึ่งวันที่ไปบวชถือศีลมีอะไรบ้าง?
กิ๊ก : พี่กิ๊กไปบวชที่นั่นเป็นโยคีผู้ปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นก็อาจจะแตกต่างจากนักบวชทั่วไปที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน อย่างถ้าพี่ไปเข้ากรรมฐานพี่ก็จะตื่นประมาณตีสามตีสี่ทุกวัน อยู่ที่พี่นอนกี่โมง เสร็จปุ๊บก็เดินจงกรม 1 ชั่วโมงและนั่งสมาธิหลังจากนั้นก็ทานอาหารแล้วก็เดินจงกรมนั่งสมาธิต่อจนอาหารกลางวันมาส่งเสร็จ พอทานเสร็จก็จะเดินจงกรมและนั่งสมาธิต่อเพราะช่วง 5 โมงเย็นก็จะไปส่งอารมณ์กับซายาดอว์ กลับมาก็ทำธุระส่วนตัวแล้วก็เดินจงกรม และนั่งสมาธิต่อ แล้วก็นอน แล้วก็ตื่นมันก็วนอยู่อย่างนี้ทุกวันเก้าเดือน

...

แล้วเราสามารถคุยโทรศัพท์กับที่บ้านได้ไหม?
กิ๊ก : ไม่ค่ะ พี่ไม่คุยโทรศัพท์ แต่อาจจะมีการสื่อสารบ้างด้วยการส่งข้อความเท่าที่จำเป็น เพราะว่าสถานการณ์ที่พม่าตอนที่เราไปมันไม่สงบ แล้วเราอยู่กุฏิที่ไกลจากสำนัก เพราะฉะนั้นพี่จะอยู่คนเดียว และหากถ้ามีอะไรฉุกเฉิน เช่น ไฟช็อตงูมา เราก็ต้องติดต่อทางสำนักได้แต่ว่าใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ

เรื่องชุดเห็นว่าไม่เหมือนชุดที่ไทย?
กิ๊ก : ใช่ค่ะ เป็นชุดแม่ชีสีชมพู เท่าที่พี่ถามแม่ชีที่พม่ามา ท่านบอกว่าเป็นสีของความรักความเมตตา แต่ขนบธรรมเนียมที่นั่นก็จะแต่งตัวสีแบบนี้

เห็นว่าที่ไปบวชในระยะเวลาเก้าเดือนต้องให้คนที่ไทยส่งของไปให้?
กิ๊ก : ใช่ค่ะ จริงๆ กุฏิที่นั่นอยู่สบายนะคะ แต่อาจจะมีงูเข้าได้หรือว่าสัตว์ต่างๆ เคยมีงูเข้ามาด้วยครั้งที่แล้ว ตอนนั้นอยู่กับน้องสาว ก็ให้น้องสาวไปตามคนมาช่วยเอาออก แต่ครั้งนี้พี่ไปอยู่คนเดียว อันไหนที่มีรูพี่ต้องหาอะไรไปปะไว้ ก็ได้ของจากเมืองไทยนี่แหละค่ะที่ส่งไปให้ อย่างน้ำที่นั่นพี่ก็ยังใช้น้ำบาดาลกับน้ำฝนอยู่

...

จากการบวชครั้งนี้ได้รับรู้ถึงเสียงที่อยู่เหนือธรรมชาติ?
กิ๊ก : คือพี่ต้องบอกเลยว่าไปงวดนี้อะค่ะ พี่ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่พี่สัมผัสได้มันคืออะไร เพราะว่าหน้าที่ของโยคีผู้เพ่งเพียรเผากิเลสมีหน้าที่มีสติและเพ่งอยู่กับปัจจุบัน ตาเห็นหูได้ยินจมูกได้กลิ่นลิ้นรู้รส ต้องมีสติรู้แล้ววาง ก็อยากจะเรียนว่าช่วงแรกที่ไปปฏิบัติคือพี่ได้ยินเสียง คือเสียงนี้จะมาเฉพาะกลางวันนะ กลางคืนจะไม่มา เป็นเหมือนเสียงคนร้องโหยหวนที่ทุกข์ทรมานมาก แล้วก็มีหลายเสียง ไม่ได้มีเสียงคนเดียว

พี่รู้สึกว่ามันเจ็บปวด เหมือนประตูทางของนรกแบบนั้น อันนี้คือมาประมาณ 7 วัน ตอนที่พี่บวชใหม่ๆ เพราะครั้งที่แล้วที่พี่ไปบวชครั้งแรกพี่ได้ยินเสียงเปรต หมาหอน พี่ก็แผ่เมตตาให้ เสียงก็หายไป แต่ครั้งนี้มาหลายเสียงมากร้องทรมานหายไปแล้วก็มาใหม่ ทางนี้ก็กำหนดสติแผ่เมตตาให้ไปให้ 7 วันแล้วเขาก็หายไป หลังจากนั้นก็มีกลิ่นธูป กลิ่นเหล้า กลิ่นเหม็นๆ เหมือนมาอยู่เป็นเพื่อนกัน คือไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ดีหรือไม่ดีพี่ก็จะแผ่เมตตาให้ตลอด

เจอเสียงเจอกลิ่น คราวนี้เห็นว่าเจอวิญญาณด้วย?
กิ๊ก : คือพี่ก็บอกไม่ได้นะว่าที่พี่เห็นจริงหรือเปล่า เพราะเค้าเข้ามาในนิมิตเป็นเรื่องแปลกค่ะวันนั้นเป็นวันแรกที่พี่ย้ายที่นั่งสมาธิ เนื่องจากอุปฐานที่เมืองไทยร่วมบุญกันมาซื้อเครื่องเก็บไฟให้พี่ แต่พอเครื่องมาแล้วเสียงดังพี่ก็เลยต้องย้ายไปอีกห้องนึงที่ไม่มีคนอยู่ และคืนแรกที่ย้ายไปก็จะนั่งปกติในมุ้ง ก็เห็นในสมาธิเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ริมหน้าต่างหน้าห้อง ชุดขาวผมสั้นไม่มีหน้า พี่เห็นตั้งแต่เหนือเอวขึ้นไป เค้ายืนจ้องเราก็กำหนดเห็นหนอเห็นหนอและแผ่เมตตาให้ แล้วก็เห็นผู้หญิงคนนี้หันหลังและเดินจากไป เราก็นึกในใจว่าเค้ามาอโหสิให้เราแล้ว

นอกจากเห็นวิญญาณเด็กไม่มีหน้าแล้ว มีเห็นวิญญาณดวงอื่นอีกไหมตลอดการบวชที่พม่า?
กิ๊ก : จริงๆ มีอีกนะคะ แต่ว่าพี่ก็ไม่มั่นใจว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาในมุมมองของพี่ อย่างพี่ที่ศึกษาในพระพุทธศาสนา เค้าก็บอกเราไว้แล้วว่าเรามี 31 ภพภูมิ เรามีมนุษย์ เทวดา พรหม มีเดรัจฉานแล้วก็มีเปรตอสุรกาย สัตว์นรกก็ยากที่เราจะเห็นเพราะเค้าอยู่ขุมที่ลึกมาก

ที่เราอาจจะเห็นได้ก็คือเปรต ซึ่งเปรตบางจำพวกก็สามารถที่จะอนุโมทนาบุญกับเราได้ เปรตบางพวกก็รับบุญจากพี่น้องไม่ได้ เพราะฉะนั้นพี่มีองค์ความรู้ตรงนี้พี่ก็เลยไม่ได้กลัวเพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติ ที่บอกว่าไม่มั่นใจก็มาเหมือนกันเลย แต่ครั้งนี้ไม่ได้เจอที่กุฏิ หนูเป็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดขาวก็เลยคิดว่าทำไมต้องชุดขาวเหมือนกัน ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่มโนไปเองหรือเปล่า เหมือนพี่ขับรถไปในที่ๆ หนึ่งแล้วพี่เห็นเขายืนอยู่กลางถนน แล้วพอพี่แผ่เมตตาให้เขาเขาก็หายไปในชีวิตจริง

นอกจากที่บวชแล้ว เคยเจอในชีวิตจริงบ้างไหมหลังกลับมาอยู่บ้าน ทำงาน?
กิ๊ก : ก็มีนะกับพี่ไม่ใช่คนมีเซ้นส์ อย่างพี่อยู่คอนโดมิเนียมแล้วชั้นข้างบนที่อยู่มันไม่มีคนอยู่ แต่มีเสียงเด็กวิ่งและคนทำกับข้าวตลอดเวลา และบางทีเวลาเราย้ายไปนอนที่โรงแรมที่เราทำงาน เสียงก็ยังตามไปอยู่

อะไรที่ทำให้พี่กิ๊กตัดสินใจบวช?
กิ๊ก : พี่ก็จะให้สัมภาษณ์แบบเดิมที่พี่เคยสัมภาษณ์พี่อยากไปถึงทางที่พ้นทุกข์ อยากไปนิพพาน พี่ไม่อยากเกิดแล้วเพราะว่าเกิดแล้วมันทุกข์จริงๆ ค่ะ พอเราเกิดแล้วเราก็ต้องแก่เราก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วเราก็ต้องตาย แล้วพอเราตายแล้วก็ต้องเกิดใหม่ ไม่ได้อยู่ที่ชาตินี้เราเป็นมนุษย์แล้วเราตายไปเกิดชาติหน้าเราจะเป็นมนุษย์อีก หรือเป็นนางฟ้าอีก

หากเรายังมีกิเลสอีกมากมายมหาศาลยังไม่บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล เรายังพร้อมลงอบายไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ตอนนี้ไปถึงนิพพานอีกไกลอยู่ แต่พี่ก็จะบอกว่าพี่เต็มที่นะ คนปฏิบัติจะรู้ว่าทางนี้ไปได้จริง เพราะฉะนั้นพี่ก็เต็มกำลัง ชาตินี้เราสะสม บารมีเต็มที่เราจะไปถึงนิพพานชาติไหนก็ไม่เป็นไร แต่หากเราทำเต็มที่แล้ว เราจะไม่เสียใจที่ชาตินี้เราเกิดเป็นมนุษย์

อัปเดตสถานการณ์ที่พม่านิดนึง ที่จริงต้องบวช 1 ปี แต่ 9 เดือนต้องกลับมา สถานการณ์ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?
กิ๊ก: เอาตอนก่อนพี่กลับแล้วกัน เค้าบอกว่าถ้ามัณฑะเลย์เริ่มรบเราต้องกลับบ้าน เพราะตรงที่พี่อยู่มันใกล้กับสนามบินของทหาร ท่านก็ห่วงเรื่องของความปลอดภัยของโยคีต่างชาติ พี่ก็ยังไม่มั่นใจว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร แต่วันที่พี่กลับมาถึงเมืองไทย มัณฑะเลย์รบกันมา 3 วันแล้ว ก็เพื่อความสบายใจของที่สำนักด้วยแล้วก็ของคุณแม่ด้วย ตอนที่กลับมาเมืองไทยก็ยังไม่ได้ลาสิกขา ก็คือเป็นครั้งแรกเลยที่กลับมาเป็นแม่ชีที่เมืองไทย ก็ตื่นเต้นกลับมาเจอคุณแม่โดยที่คุณแม่ไม่ทราบว่าพี่จะกลับมา เราก็ปิดเป็นความลับ

คือตอนที่คุณแม่เห็นก็ตกใจ เราก็บอกว่านี่คือแม่ชีตัวจริงนะ ตอนนั้นแม่ไม่พูดเลยเพราะอึ้ง กอดเราดีใจ เพราะว่าแม่ก็จะเป็นห่วงมากตลอดระยะเวลาที่ไปอยู่ที่นั่น จากข้อความที่แม่ส่งมาคือการที่พี่ยังพอสื่อสารได้ คุณแม่ก็จะทราบสถานการณ์ของทางพม่าจากทางเมืองไทย เค้าก็จะเป็นกังวล บางทีเค้าก็ส่งข้อความมาว่าอยากให้เรากลับ พี่ก็จะบอกว่าพี่สบายดี ขอเวลาอีกหน่อยนะ ซึ่งหลังกลับมาเราก็มานอนบ้านสองสัปดาห์ แล้วตอนนั้นเราก็คิดว่าถ้าเรายังบวชต่อเราก็อาจจะเบียดเบียนพาร์ทเนอร์ของเรา เพราะเรายังทำธุรกิจร่วมกันอยู่ เราก็เลยคิดว่าเรากลับมาทำงานก่อน เราอาจจะกลับมาเคลียร์แล้ววันนึงเราอาจจะไปยาวๆ ได้

แล้วเวลาที่เราลาสิกขา?
กิ๊ก: คือเราลาที่บ้านได้เลยค่ะ ขอขมาพระรัตนตรัยแล้วก็เรียนพระพุทธรูปท่านว่า พี่ขอลาสิกขาแล้วก็เปลี่ยนชุดง่ายๆ แบบนั้นเลย เพราะเราเป็นอุบาสิกาถือศีลแปดค่ะ ก็เลยจัดง่ายๆ ลาเองได้เลย ถ้าเกิดจะไปอีกก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต คือตอนนี้พี่ไม่กล้าพูดว่าพี่จะบวชตลอดชีวิต ถ้าสมมติว่าเรามีโอกาสไปบวชอีกเราก็อาจจะไม่ต้องกำหนดระยะเวลา อยู่ไปเรื่อยๆ

สำหรับเรื่องละคร หลายคนสงสัยว่าพี่กิ๊กยังรับละครอยู่ไหม?
กิ๊ก: ยังรับค่ะ ถ้าผู้ใหญ่เมตตายินดีมากๆ ขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ

มีบทแบบไหนที่อยากเล่นแล้วยังไม่เคยเล่น?
กิ๊ก: รุ่นนี้แล้วเล่นได้หมดค่ะ จริงๆ แล้วก็เป็นอะไรที่ท้าทายนะคะว่าเราไปบวชครั้งที่สองกลับมาแล้วเรายังเล่นบทร้ายได้อีกไหม ก็ต้องลองมีบทแบบนี้ให้ลองเล่นดู ว่าเราจะมีสติและเข้าถึงบทบาทได้มากกว่าเดิมไหม อย่างคราวที่แล้วที่ไปบวชกลับมารู้สึกว่าทำงานได้ดีมากขึ้น รู้สึกว่าเล่นละครได้ถึงบทบาท และลึกซึ้งมากขึ้น

หลังจากบวชกลับมาได้กลับไปเยี่ยมกองถ่าย ความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?
กิ๊ก: คือทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม คือตอนเราเป็นแม่ชีแล้วอยู่ในสมณเพศจะเป็นอีกฟิลลิ่งนึง พอใส่ชุดแม่ชีเราก็จะเป็นอีกแบบนึงสำหรับผู้หญิง

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม