หลังจากที่ ปู มัณฑนา ได้ออกมาชี้แจงในมุมของตัวเอง เรื่องที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น และยังได้พูดถึง ลิลลี่ เหงียน โดยบอกว่า

น้องไม่มีสิทธิ์ไปชี้หน้าด่าทนายของพี่แบบนั้น รู้สึกเสียใจ ก่อนที่จะออกมาแฉ 1 วัน เรายังไปเที่ยวไปกินข้าวด้วยกัน แต่พอน้องได้โอกาสที่จะทำให้น้องมีชื่อเสียง น้องกลับเหยียบพี่ขึ้นไปเพื่อที่น้องต้องการดัง โดยไม่สนความรู้สึกของพี่และความสัมพันธ์ที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย 

เพราะถ้าน้องรักพี่จริงเหมือนที่น้องบอกพี่มาตลอด น้องจะไม่แถลงข่าวแฉพี่ อย่างมากก็ดำเนินคดีกับพี่ ฟ้องพี่เงียบๆ น้องก็สามารถทำได้ แต่น้องไม่เลือกทำ น้องเลือกที่จะทำลายชีวิตพี่และครอบครัวพี่ เพียงเพราะน้องอยากออกสื่อ เพราะน้องอยากดังเท่านั้น 

จากประเด็นนี้ ลิลลี่ ก็ได้แชร์ข่าวของ ปู มัณฑนา พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า 

"หนูไม่เคยขู่พี่นะ ที่หนูอัดเสียงไว้ก็เพื่อปกป้องตัวเอง เงินที่พี่เอาไปสองปีที่แล้ว บอกจะคืนหนู ก็ไม่เคยคืนสักทีจนหนูเริ่มไม่เชื่อใจ เพราะที่พี่พูดบอกว่าจะคืน มีแต่ให้ความหวังไม่เคยเป็นจริงเลยสักครั้ง กรณีเดียวกันกับเงิน 70,000 บาทที่หนูให้พี่ไป พี่ก็บอกว่าจะคืนหนูตอนเย็น

...

แต่พี่ก็เอาเงินของหนูไปใช้หนี้คนอื่น ทั้งๆ ที่ความลำบากหนูก็มีมากมาย แต่พี่ไม่เคยเมตตาหนูเลย เหยียบย่ำหนู เหยียบย่ำความทุกข์ยากของหนูให้จมดินไปอีก หนูอัดคลิปเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน แล้วหนูผิดตรงไหน เงิน 100,000 บาทหนูก็ให้ผู้หญิงคนนั้นไปเพื่อช่วยพี่ เสียเงิน 170,000 บาทเพื่อช่วยพี่ คนนั้นที่พี่บอกว่าเป็นมิจฉาชีพ เขาคืนเงินหนูครบหมดแล้ว แต่พี่ยังไม่คืนเลย แถมยังมาพูดใส่ร้ายหนูอีก

หนูไม่เคยคิดที่จะขู่พี่เลย แต่พี่พูดไม่จริง แต่คลิปเสียงที่หนูมีมันคือความจริงพี่จะได้ไม่ต้องมาใส่ร้ายหนูอีก หนูปกป้องตัวเองแล้วหนูผิดเหรอ ชีวิตหนูเกิดมาไม่เคยมีคดีอะไร หนูทำผิดด่าทนายกิ่ง หนูก็จะรับผิดชอบเอง หนูทำหนูยอมรับอยู่แล้ว ไม่เหมือนพี่พูดไปเรื่อย

เลิกกล่าวหาแล้วใส่ร้ายหนูค่ะ กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังทันนะคะ หยุดยึดติดอีโก้ ยิ่งมีอีโก้ชีวิตยิ่งพัง ถ้ารักครอบครัวจริง ก็ออกมายอมรับความจริง เพื่อตัวพี่และครอบครัวของพี่เองค่ะ ปฏิบัติตนเป็นคนดี นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ ทำสิ่งใดเอาไว้ ก็ได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ ลิลลี่สไตล์".