หลังจากที่นักแสดงสาว ลีน่า ลลินา ชูเอ็ทท์ ได้ออกมาประกาศว่า โสดแล้ว ผ่านรายการ ศึก 12 ราศี หลังเลิกรากับไฮโซหนุ่ม เช้า ประคุณ พรประภา น้องชายคนเล็กของ ไฮโซพก-ไฮโซณัย พรประภา
ล่าสุดได้มีโอกาสเจอ ลีน่า มาร่วมงานแถลงข่าวละครเรื่อง โลกหมุนรอบเธอ ณ อาคารมาลีนนท์ เจ้าตัวก็เปิดใจถึงความรู้สึกในตอนนี้หลังกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง บอกว่า ตอนนี้หัวใจกลับมาแฮปปี้ 100% แล้ว มีงานให้ทำทุกวัน และจากกันด้วยดี ยังเป็นพี่เป็นน้องกันได้ ไม่ได้เลิกกันเพราะมือที่ 3 แต่อย่างใด
สภาพจิตใจตอนนี้ก็แฮปปี้กับชีวิตแบบ 100% ไม่มีอะไรมาเยียวยา มีแต่เวลาและการได้อยู่กับตัวเอง ได้อยู่กับเพื่อนและครอบครัวจริงๆ ทำให้รู้ว่าเรามีความสุขมากๆ
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจไปเปิดใจในรายการ ศึก 12 ราศี ลีน่า บอกว่า "จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดใจวันนั้นค่ะ แต่ด้วยความที่คำถามมันส่อไปทางนั้น และเหมือนไปอิงราศีว่าเรื่องความรักอาจจะไม่ได้เด่นมาก เขาก็เลยถามว่าแปลว่าโสดแล้วเหรอ ก็เลยต้องพูดไป แต่จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะประกาศตรงนั้น (ยิ้ม) ในวันที่ออกมาพูด ก็เลิกกันไปประมาณ 3 เดือนค่ะ จนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 4 เดือนแล้ว เลยจุดพีกไปแล้ว มันมีความทรงจำดีๆ เราจากกันด้วยดี ก็มีความเศร้า แต่เวลานี้เราโฟกัสที่ปัจจุบัน เรามีความสุขดีมากๆ (ยิ้ม)
...
ถ้าถามถึงสาเหตุก็อาจจะด้วยการใช้ชีวิต เราอายุเท่านี้ และเขาอาจจะอยู่ในอีกช่วงนึงของชีวิต ก็อาจจะเป็นเหตุผลหลักๆ มากกว่า เป้าหมายในชีวิตไม่เหมือนกัน ตามจริงมันดีมาตลอด ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่เรารู้สึกว่าไม่โอเค เป็นความสัมพันธ์ที่ดี แต่พอมาถึงจุดนึงที่เรากำลังจะก้าวไปอายุ 25 ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่เรามาคุยกันว่า หรือเราจะอยู่ในคนละช่วงของชีวิตหรือเปล่า
ตอนนี้กลับมาใช้ชีวิตโสด ก็อาจจะมีปรับตัวยากนิดนึง ด้วยความที่เราเคยคุยกับใครสักคนนึงทุกวัน แต่ตอนนี้ไม่มี แรกๆ ก็จะรู้สึกนิดนึง แต่ตอนนี้เราตื่นมาทำงานเลย ก็อาจจะไม่ได้รู้สึกมากแล้ว
คือที่ผ่านมาหนูก็ไม่เคยเปิดตัว และเขาเป็นแฟนคนแรกที่หนูมีข่าวด้วย เราก็จะไม่ชินกับการที่มีคนเดินเข้ามาถามเราว่า โสดแล้วเหรอ เป็นอะไรมั้ย เราก็ไม่ชินแบบนั้น และทุกคนรู้เรื่องหมดเลย เป็นจุดที่เราไม่ชินตรงนี้มากกว่า"
ยืนยันไม่มีเรื่องมือที่ 3 เข้ามาแน่นอน ตกลงเป็นพี่น้องกัน เราสามารถคุยกัน ทักกันได้ปกติ มาถึงตอนนี้เราทำงานเกือบทุกวันจริงๆ รู้สึกว่าอยู่คนเดียวดีกว่า อยากโฟกัสการทำงานให้เต็มที่ เพราะเราก็คบกับเขามา 2 ปีกว่าแล้ว ก็คิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องมาโฟกัสเรื่องตัวเอง และให้เขาโฟกัสในเป้าหมายของเขาดีกว่า.