เจ้าแม่ลำซิ่งแถวหน้าของเมืองไทย แพรวพราว แสงทอง มาเปิดใจครั้งแรกกับมรสุมชีวิตรักกับอดีตสามีเด็ก พร้อมตอบประเด็นถูกสังคมตราหน้าว่าแอบคบคนในวง ตอบทุกคำถามเคลียร์ทุกดราม่า ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 

ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?

"โอเคมากๆ ค่ะ อยู่กับลูก เรารู้สึกผ่านตรงนั้นมาได้ ตอนนี้มันโล่งขึ้นเยอะมาก"

ล่าสุดโพสต์อวยพรอดีตสามี?

"ที่จริงเป็นปกติของอดีตสามี แต่เรายังมีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งแพรวอยากเป็นตัวแทนของลูกอวยพรพ่อ ยังไงมันก็หนีไม่พ้นคำว่า พ่อของลูก แม่ของลูกอยู่แล้ว"

ถ้ามันไม่มีโมเมนต์หรือความรู้สึกดีๆ มันจะคุยกันเรื่องลูกลำบากเหมือนกัน เป็นแบบนั้นหรือเปล่า?

"จริงค่ะ เวลาที่เรามองหน้าลูกมันอ่อนลงเยอะ จากที่เราเป็นคนแข็ง ไม่ยอม"

ใช้คำพูดนี้ได้ไหม ต่อให้สถานการณ์นั้น เราอยากเอาชนะยังไงก็แล้วแต่ แต่พอเห็นหน้าลูกเรายอมเป็นฝ่ายถอย?

"ใช่ค่ะ หนูยอมแพ้ก็ได้ เห็นหน้าลูกแล้วฉันยอมก็ได้"

พูดแบบนี้คนก็ลุ้น จะมีโอกาสให้อภัยและกลับมารีเทิร์น กลับมาเป็นสถานะเดิมไหม?

"ที่จริงแพรวก็ไม่ได้มีอะไร อย่างที่บอกว่า ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ อยู่กับลูกนะ ไม่ได้ไปไหน เขาจะมาตอนไหนก็ได้"

มาหาลูกหรือมาหาเรา?

"ยังไงก็ได้ มาอยู่ลูกหรือกลับมาอยู่ด้วยกันก็ได้ อันนี้แพรวไม่ได้ติดนะ"

...

ยังรักเขาอยู่ไหม?

"มันเป็นความผูกพันมากกว่า แล้วก็ห่วงใยมากกว่า ถ้าจะบอกว่ารักก็คือมันเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเสียใจเหมือนกัน"

หลังจากที่โพสต์อวยพรไปมีการคุยกันไหม?

"ที่จริงแชตอวยพรส่วนตัวด้วย เขาตอบว่า ขอบคุณจ้า"

ฝั่งนี้เหมือนเปิดใจรอได้กับการกลับมาอยู่ร่วมกัน แต่อีกฝั่งเขาบอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่ขอกลับมาร่วมงานกันอีก?

"แพรวไม่ค่อยได้ดูคลิปอะไรเขาเลย แต่ก็มีคนส่งมาให้ดู แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำเพื่อลูกๆ ได้ไหม"

คำว่าทำเพื่อลูกได้ไหมคือให้กลับมาทำงานกัน แล้วสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อลูก หรือให้กลับมาคบกัน คุยกันเพื่อลูก มันมี 2 กรณี?

"ไม่ค่ะ ถ้าเขาบอกรีเทิร์น มูฟออนแล้ว เพื่อลูกก็คือ หาเวลามาอยู่กับลูกบ้าง ให้ลูกได้เห็นว่า พ่อ แม่ ลูก อยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้มีการสาดสีอะไรใส่กัน หรือคอนเทนต์นู่นนี่นั่นให้รู้สึกว่ามันแย่ อยากให้จบ ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องครอบครัว อาจจะพูดถึงเรา แต่มันกระทบถึงลูก เพราะว่าเราก็อยู่กับลูก" 

ช่วงนี้เป็นช่วงเป็นฤดูกาลของหมอลำ แต่ก็มีงานของทั้งคู่ตอนที่ที่ยังไม่เลิกรา เขาจองกันข้ามปี มีการรับงานคู่ไว้แล้ว ลูกค้าก็น่ารักไม่คืนคิว คืนงาน พอเปิดฤดูกาลต้องทำงานด้วยกันอีก ตรงนั้นได้แพลนหรือมีการพูดคุยกันไหม?

"อย่างที่เขาบอกไม่อยากร่วมงานกันแล้ว สำหรับแพรวถ้าเจ้าภาพจ้าง สปิริตของนักแสดงหรือศิลปินมันต้องทำได้สิ สำหรับแพรวไม่ติดนะถ้าขึ้นเวที เดียวกัน เพราะมันคือการทำงาน แต่พอเขาพูดแบบนั้นว่าไม่อยากร่วมงาน เราก็พยายามเคลียร์เจ้าภาพ โอเคไหม ถ้าเขาไม่โอเคก็คืนงานได้"

ย้อนกลับไปตอนมีเรื่อง จริงๆ ก่อนจะมีการโพสต์ถึงกันและกัน หลังเวทียังวางแผนเรื่องไปเที่ยว เรื่องใช้ชีวิตมีความสุขด้วยกันอยู่เลย?

"ที่จริงเรื่องราวมันเกิดและรับรู้ปัญหา ก่อนหน้าที่เขาไลฟ์หนึ่งอาทิตย์ เราได้คุยกันหลังบ้านเรียบร้อย ยืนยันตรงนี้เลยมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลที่สาม ที่บอกว่าอยู่ในวง เราไม่ได้มีอะไรที่เกินเลย หรือไปคบชู้อย่างที่สังคมเขากล่าว"

ก่อนมีการโพสต์แสดงว่าเรามีปัญหากันในบ้านแล้ว?

"มีปัญหากัน ครอบครัวมันก็ต้องมีเรื่องราวที่เราน้อยใจ อาจจะไม่เข้าใจ พอมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น เราก็ได้พูดคุยกันหลังบ้าน ก็บอกไปแล้วมันไม่ได้มีอะไร แต่อยู่ดีๆ เขาก็โพสต์และไลฟ์สดขึ้นมา ก็เลยช็อกเหมือนกัน จริงๆ มันไม่ได้มีอะไร ถามว่าคุยจริงไหม คุยจริง แต่มันไม่ได้มีอะไรเกินเลย"

แล้วทำไมเขาออกมาไลฟ์ว่าเราไปคบกับคนหนึ่งที่อยู่ในวง?

"มันน่าจะมีหลายปัจจัย 1. เขาใจร้อนด้วย และอาจจะมีคนที่ใส่ข้อมูลอะไรเข้าไป หนูยืนยันตรงนี้เลยมันไม่ได้มี อะไรจริงๆ ซึ่งหนูก็คุยกับเขาแล้วเขาก็อัดคลิปเสียงไว้ด้วย หนูยืนยันกับเขาหนูไม่ได้มีอะไรนะ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆ นะ" 

ตอนนั้นมีปัญหาชีวิตคู่ แต่ไม่เจาะลึกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ทำไมเราไม่เคลียร์กันสองคน แต่ใช้วิธีน้อยใจแล้วไปปรึกษาคนที่สาม?

"ที่จริงมันไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเลือกที่จะปรึกษาเลย แต่เราคุยเรื่องงาน คนในวง เรามีการสื่อสารเรื่องการทำงาน บางทีเรามีความน้อยใจ ซึ่งก่อนหน้านั้นมันก็ไม่มีใครรู้หรอก หนูไม่สามารถออกมาพูดได้ว่าปัญหานั้นมันคืออะไร เพราะมันไม่จำเป็นต้องพูด เพราะว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัว แต่ทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมัน ถ้าผู้หญิงก็จะมองออกว่ามันคืออะไร แพรวไม่อยากลงรายละเอียดว่าเราน้อยใจเขาเรื่องอะไร"

...

แล้วทำไมถึงเป็นคนนี้ที่เราคุย ทำไมถึงเลือกที่จะคุยกับคนนี้?

"มันคุยเรื่องงาน เหมือนเราส่งงานให้เขา ไปเคลียร์ตรงนี้ให้หน่อย มันรู้สึกว่าเขาเคลียร์งานให้เราได้ ช่วยงานเรา เหมือนเราเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่บริหารวง พอเราบอกว่าช่วยดูตรงนั้นให้หน่อย ตรงนี้ให้หน่อย เขาเหมือนทำงานตรงใจเรา"

เรียกว่าไว้ใจ ที่คุยกับคนนี้น่าจะได้คำตอบหรือได้รับความสบายใจ?

"ก็ประมาณนั้น แต่มันไม่ได้มีอะไรเลย เราไม่ได้คิดจะเอาเขาเข้ามาในครอบครัว ทำให้เกิดปัญหา"

แล้วทำไมทำให้อดีตสามีเราเข้าใจผิดในเรื่องของความสัมพันธ์?

"มันก็ไม่ได้มีอะไร ความใจร้อนด้วยแหละ และเราก็เป็นคนใจร้อนเหมือนกัน มันเหมือนกับสาดกันไปกันมา เหมือนเราบอกว่าอยากให้เขาเป็นอย่างนี้ อยากให้เขาเปลี่ยนอย่างนี้ คือเราอยู่จุดนี้ ถ้าย้อนกลับ เราน่าจะมานั่งคุยกันมากกว่า เราน่าจะเยอะกว่านี้"

ตอนนั้นที่อดีตสามีมาไลฟ์ ทางฝั่งเราก็มีการไลฟ์เหมือนกันบอกว่าเขาไปเที่ยวบาร์เกย์ ทำไมตอนนั้นถึงเอาข้อมูลนี้ออกมา?

...

"ที่จริงแพรวก็เชื่อใจเขานะ ว่าเขาไม่ได้ไปนอกใจอะไรเรา เรื่องบาร์เกย์เขาก็เที่ยวจริง แต่เขาไม่ได้ไปคนเดียว เขาไปกับน้องๆ ในวง ตอนนั้นน่าจะเป็นภาวะทางอารมณ์ อดีตสามีเขาก็อายุน้อยกว่าเราเยอะ แต่เราผ่านอะไรมาเยอะ เรารู้ว่าอะไรยังไง แต่เขายังไม่เคยผ่านในจุดนี้ มันก็เลยมีเรื่องของอารมณ์ขึ้นมา"

และตอนนั้นเห็นว่ามีความกลัวหลายอย่าง กลัวเรื่องความสัมพันธ์ และกลัวเรื่องเจ้าภาพไม่จ้าง ตอนนั้นดาวน์ขนาดไหน เห็นว่าร้องไห้บ่อยมาก?

"สำหรับแพรว เราอยู่ได้นะ เรามีธุรกิจส่วนตัว ที่เราห่วงคือลูกน้องในวง เจ้าภาพคนที่จ้างเรา บางงานก็เป็นงานที่ปิดวิก เก็บบัตร เจ้าภาพขาดทุนทำไงดี เราก็เป็นห่วง เพราะมันมีเอฟเฟกต์มาลูกน้องเรา 100 ชีวิต เขาจะอยู่ยังไง"

วันนั้นเรารู้สึกยังไงเมื่อฐานะที่เป็นคนคุมวง แล้วมันมีผลกระทบเป็นลูกโซ่เลย?

"อันดับแรกเลยคือต้องมีสติ นั่งคุยกับตัวเอง โอเคเรื่องมันเกิดแล้ว เราไม่สามารถไปแก้ไข หรือคนคอมเมนต์อะไร เราไม่สามารถไปหยุดใครได้ ณ ตอนนั้น คือกระแสมันแรง เรานิ่งและตั้งสติก่อนว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้เราทำอะไรอยู่ และเรามีอะไรต้องรับผิดชอบ 1. ลูก ครอบครัว งาน หน้าที่และลูกน้องในวง พอเราตั้งสติได้เราก็ทำงาน

แต่ในระหว่างที่เราทำงาน เราก็มีความระแวงว่า ฉันไปงานนี้จะมีคนมาด่าไหม แต่มันก็ผ่านไปได้ทุกงาน โดยที่ไม่มีใครมาชี้หน้าด่าเรา และลูกน้องในวงก็ยังอยู่ครบ เหมือนเขามองเราแบบบอส หัวหน้า เป็นยังไงบ้าง ทุกคนเห็นหน้าเราเหมือนจะร้องไห้ แต่เราก็ยิ้มให้เขา แล้วเราก็เดินขึ้นเวที แล้วลูกน้องข้างหลังก็ร้องไห้"

...

ตอนอยู่ต่อหน้าลูกน้องเราเข้มแข็ง แล้วตอนอยู่คนเดียวล่ะ?

"ตอนอยู่คนเดียวเรานึกถึงแม่ คือแม่เสียแล้วนะ ตอนนั้นเรามีแม่ เรามีปัญหาอะไรปรึกษาแม่ แม่ช่วยหน่อย แต่พอแม่ไม่อยู่ เราอยู่คนเดียว ก็พยายามจะนึกถึง แม่ก็ไปแล้ว ถ้าเราล้มอีกคนนึงแล้วครอบครัวลูกจะอยู่ยังไง ที่สำคัญเรื่องนี้ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ในส่วนที่หนูผิด หนูก็ยอมรับ ทำไมเราไม่เลือกที่จะคุยกัน

เธอไปคุยกับคนนั้น อันนี้หนูผิด แต่ก่อนหน้าหน้านั้น ทำไม 1, 2, 3, 4 มันมีเหตุผลของมันอยู่แล้ว แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหนูต้องยอมรับให้ได้ หนูต้องบอกตัวเองว่าต้องยอมรับมันให้ได้ มันไม่มีความทุกข์ไหนที่ตลอดไป ไม่มีความสุขไหนที่จะอยู่กับเราตลอดไป"

วันนั้นเราโดนชาวเน็ตประณามว่าเราเป็นฝ่ายผิด ไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น วันนี้เรายืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง?

"ไม่แน่นอน ไม่มีอะไรเกินเลย เราไม่ได้คบชู้แน่นอน"

มันมีการตกกลงทั้งสองฝ่ายในการใช้ชีวิตต่อไป เห็นว่ามีการยื่น 3 ข้อด้วยกัน 1. ไม่ให้นำเด็กไปทำคอนเทนต์ 2. สิทธิคุ้มครองบุตร และเรื่องการแบ่งสมบัติ?

"เรื่องแรก เรื่องลูก คือเหมือนเขาไม่ให้บุคคลที่สาม เช่น คนในวง น้องไปหลังเวที คนในวงถ่ายคลิปน้องไปลงช่องของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาไม่โอเค แล้วป้ากับลุง ซึ่งเป็นพี่สาวของแพรว เขาก็ไม่โอเคที่จะให้ป้าถ่ายคลิปร้องไปลง แต่ใดๆ คือ หลักๆ ตั้งแต่เล็กถึงปัจจุบัน ป้ากับลุงเป็นคนเลี้ยง

แต่ทีนี้แฟนคลับบอกป้า ทำไมไม่ถ่ายคลิปหน่อย ถ้าคุณพ่อเขาไม่โอเคให้คนอื่นถ่ายคอนเทนต์ลูก อันนี้หนูก็ไม่ติดนะ ถ้ามันเป็นสิทธิ์ของพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ป้ากับลุงเป็นญาติพี่น้อง เหมือนเขาเป็นผู้ปกครองเหมือนกัน อีกอย่างหนูก็มอบอำนาจให้เขาเป็นผู้แทนโดยชอบโดยชอบธรรม

หนูอยากบอกทุกคนเหมือนกันว่า ทัวร์ไปลงป้ากับลุง ที่จริงหลังจากที่เกิดเรื่อง 1 เดือน หนูคิดหลายๆ อย่าง ปรึกษาทนาย หนูก็กลัวปัญหาตามมาหลายอย่าง หนูเลยทำเรื่องให้ป้ากับลุงเป็นผู้แทนโดนชอบโดยกฎหมาย มีทนาย เอกสารครบ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่หนูทำตรงนี้"

อีกเรื่องหนึ่งคือการแบ่งทรัพย์สินเห็นว่าเป็นร้อยล้าน?

"ถ้าไม่ซื้ออะไรเลย รวมที่ รวมรถ รวมบ้านก็ถึง แต่ในเรื่องที่เขาให้แพรวแบ่ง แบ่งเขาของนาริตะไลฟ์สดออนไลน์ แต่ที่จริงในเรื่องของไลฟ์สดออนไลน์ มันเป็นเงินหมุนภายในวงแสงทองฟินแลนด์ ที่แต่ก่อนชื่อ แพรวพราว แสงทอง แต่พอเราอยู่ด้วยกัน เรามาเปลี่ยนชื่อเป็นแสงทองฟินแลนด์

เราทำไลฟ์สดออนไลน์ในช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน แต่ไลฟ์สดนาริตะไลฟ์หนูทำเพื่อทีมงาน ความอยู่รอดขององค์กร และเงินตรงนั้นมันจะหมุนเวียน ไม่ว่าเป็นการซื้อรถ การซ่อมแซม การซื้ออุปกรณ์อะไรต่างๆ มันเป็นเงินหมุนภายในวง และอีกอย่างตอนที่เขาก้าวออกไป หนูไม่เคยไล่เขา แต่เขาตัดสินใจเดินออกไปเอง"

มีเรื่องที่ถูกพูดถึงในโซเชียล คือเราไปกีดกันไม่ให้เขาเจอลูก?

"ไม่จริงค่ะ ไม่เคยกีดกันเลย เขาก็รู้ว่าลูกอยู่ตรงไหน มาตอนไหนก็ได้ ถ้ามันจะมีเหตุการณ์ว่า มาแล้วน้องไม่อยู่ เหมือนมันมีเหตุการณ์หรือธุระที่ จะต้องไปด่วนๆ พอเขามาก็ไม่เจอลูก"

ไม่ได้บอกก่อนว่าจะมา?

"ใช่ค่ะ มีบางวันที่บอกว่าจะมา แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ เรากลับมาไม่ได้"

เขาจะมองว่าเป็นข้ออ้างหรือเปล่า?

"ไม่แน่นอนค่ะ แต่ที่จริงมันไม่จำเป็นต้องไปลงคอนเทนต์หรอกว่ากลับมาแล้วไม่เจอลูกอีกแล้ว พอแฟนคลับเห็นหัวข้อ เขาก็จะมองว่าหนูแกล้ง ทัวร์ก็ลง"

เรื่องการทำคอนเทนต์ เราไม่อยากให้เขาทำคอนเทนต์แล้วทัวร์มาลงเรา?

"ที่จริงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราอยากให้คิดถึงลูกมากๆ อะไรที่มันกระทบกับแม่ มันก็ย่อมมีผลกับลูกด้วย ถ้ามูฟออนกันจริงๆ ก็อยากให้ต่างคนต่างทำงาน ถ้าจะคุยกันจริงๆ ก็เรื่องลูก ถ้าเป็นเรื่องภายในบ้าน ก็อยากให้เราคุยกันภายใน หนูยังมีแชตนะ ที่บอกว่าหาเวลาว่างหน่อยสิ มาอยู่ด้วยกัน พ่อ แม่ ลูก" 

ถ้าเขาดูรายการอยู่อยากบอกอะไร?

"อยากให้เขาหาเวลาว่าง เพื่อที่จะมาอยู่กับลูก กับแม่ ให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่อยู่ด้วยกัน อาจจะไม่ต้องลงสื่อก็ได้ เราเข้าใจเอฟซีทางฝั่งเขาแอนตี้เรา เอฟซีทางฝ่ายเราอาจจะไม่ชอบเขา แต่มันจะมีเอฟซีที่เขากลางๆ ก็มี แต่เราไม่สามารถไปห้ามความคิดของทั้งสองฝ่ายได้ ไม่ต้องทำคอนเทนต์อะไร ว่างๆ มาอยู่กับลูก เล่นกับลูก ถึงความรู้สึกมันจะไม่ได้รักกันแล้วก็ตาม"

อยากบอกอะไรกับคนที่อคติกับเรา?

"ที่จริงหนูก็ไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ถึงหนูจะอธิบายยังไงก็ตาม ณ วันนี้ เขาก็ไม่เข้าใจเราอยู่ดี ไม่รักเราอยู่ดี เพราะฉะนั้นคือเอาที่คุณสบายใจ คนที่ที่รักเราก็มี คนที่ไม่รักทำยังไงก็ไม่รัก บางคนก็คือคอมเมนต์เอามัน เอาเวลาไปทำมาหากินเถอะ ถ้าไม่ชอบก็เลื่อนผ่านแค่นั้น"

สถานะหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

"โสดค่ะ ถามว่ามีคนมาจีบไหม มันก็มีเข้ามา แต่เราก็บอกทุกคนว่าฉันไม่ได้ พร้อมจะคบใครนะ ฉันอยู่กับลูก โอเค แฮปปี้ดี ถ้าใครอยากคุย คุยได้ แต่คุยเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันนะ".