เตรียมพร้อมวางแผนเรื่องการมีครอบครัว สำหรับดาราสาว “แพม ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์” ที่เคยเปิดเผยว่า ตนเองมีอาการป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย ล่าสุดเจ้าตัวเข้าปรึกษาทางศูนย์ดูแลภาวะผู้มีบุตรยาก และคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช “IVF & Women Clinic” และได้พูดคุยกับทาง รศ.นพ.ภัทรภูมิ โพธิ์พงษ์ หรือคุณหมอภัทร ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และการผ่าตัดส่องกล้อง

ซึ่งงานนี้สาวแพม ปานพิมพ์ ได้ปรึกษากับทางคุณหมอภัทร ถึงอาการป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย ว่าโรคนี้ส่งผลต่อการมีบุตรหรือไม่ในอนาคต และจะสามารถส่งต่อเป็นพันธุกรรมให้กับทายาทได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า “ตัวแพมเคยป่วยไม่สบาย เป็นไข้สูงมากแล้วไม่หาย เลยไปหาหมอ แล้วบังเอิญตรวจเจอว่าตนเองเป็นโรคธาลัสซีเมีย เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาแพมดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองมาตลอด แต่ก็กังวลใจว่าถ้าหากมีครอบครัว แล้วมีลูก โรคธาลัสซีเมียจะส่งต่อพันธุกรรมถึงลูกหรือไม่ เลยเข้ามาปรึกษาคุณหมอภัทร ที่ IVF & Women Clinic ศูนย์ดูแลภาวะผู้มีบุตรยาก และคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช ซึ่งทางคุณหมอภัทรก็ได้พูดถึงแนวทางนวัตกรรมการทำ IVF ที่สามารถหยุดการถ่ายทอดพันธุกรรมธาลัสซีเมีย สาวๆ คนไหนที่กังวลใจว่าตนเองเป็นโรคธาลัสซีเมีย และจะมีบุตรได้ไหม แพมแนะนำว่ามาปรึกษาคุณหมอภัทรได้เลยค่ะ คุณหมอใจดีมาก ให้คำแนะนำดีมาก ตัวแพมเองก็ได้ความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถนำไปบอกต่อเพื่อนๆ ได้ หรือใครที่มีบุตรยาก ทาง IVF & Women Clinic ก็มีบริการรักษาภาวะการผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรเลยค่ะ โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์กว่า 20 ปี ที่ได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุข”

...

ด้าน รศ.นพ.ภัทรภูมิ โพธิ์พงษ์ สูตินรีแพทย์ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากประจำ IVF & Women Clinic เปิดเผยว่า “ก่อนที่จะกล่าวถึงรายละเอียดของโรคธาลัสซีเมีย หมอจะขอกล่าวถึงเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ หรือพ่อแม่มือใหม่ กับการวางแผนการมีบุตร ทั้งนี้ พบว่าปัจจุบันเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคน Generation Y และ Generation Z ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างมีความตื่นตัวในการวางแผนเรื่องของการมีบุตรมากขึ้น ทั้งคนที่กำลังสร้างครอบครัวและคนที่ยังไม่มีครอบครัว เนื่องจากมีการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้มากขึ้น และสามารรับรู้ถึงปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งเทรนด์ในอนาคตบอกได้เลยว่า คนรุ่นใหม่จะมีความสนใจและใส่ใจในตัวเองและครอบครัว มีการวางแผนมากขึ้น โดยเฉพาะการมีบุตร เราจะเห็นว่าคนจะแสวงหาความรู้ แสวงหาเทคโนโลยีในการช่วยเรื่องของการมีบุตรมากขึ้น ไม่เฉพาะผู้มีบุตรยาก หรือมีปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นกลุ่มที่ต้องการมีบุตรที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีการวางแผน ดังนั้นในอนาคตคนจะมาฝากไข่ ฝากอสุจิมากขึ้น เป็นตัวช่วยเพิ่มความสามารถในการมีบุตร ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ในการช่วยเรื่องการวางแผนการมีบุตรนั้นมีไว้สำหรับทุกคนและทุกวัย”

การตรวจสุขภาพของคู่สมรสทั้งชายและหญิง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเทคนิค NGS หรือ Next Generation Sequencing ช่วยในเรื่องของการมีบุตร จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวของทุกคนต่อไปในอนาคต พร้อมเชิญชวนคนรุ่นใหม่วางแผน และให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพก่อนมีบุตร ลดความเสี่ยงจากโรคทางพันธุกรรม เข้ารับคำปรึกษากับทางศูนย์ IVF & Women Clinic