เปิดชีวิตของนักร้องหนุ่มฮิปฮอป บิ๊ก D Gerrard (ดี เจอร์ราร์ด) ที่มานั่งเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองในรายการ Level Up ที่ออนแอร์ทางช่องยูทูบ Thairath Online Originals ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น.
ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจเล่าแบบหมดเปลือกถึงชีวิตในแต่ละช่วงวัยที่แต่ละเรื่องล้วนแต่พีกๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในครอบครัว ถูกเพื่อนแกล้งหนัก หรือการเป็นพลเมืองดีช่วยคนที่กำลังจะถูกทำร้ายแต่กลายเป็นคนผิด และจุดของชีวิตที่ทำให้เจ้าตัวคิดได้ และตัดสินใจเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น
ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กร่าเริง ขี้สงสัย อยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อยากตั้งคำถาม ก็มักจะถามคุณพ่อ แต่พอเริ่มโตต้องเข้าโรงเรียน ชีวิตก็ยังว้าวแต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับบริบทสังคม แต่ก็ทำได้ยาก เพราะผมเป็นคนที่แปลกแยก รู้สึกเข้ากับคนอื่นยาก มันแปลกแยกตั้งแต่ชื่อแล้ว เพราะผมชื่อจริงว่า ไบรอัน เจอร์ราร์ด อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียล เวลาอยู่โรงเรียนชื่อก็ยาวถึงหัวไหล่ ถูกมองว่าทำไมชื่อยาว
ชีวิตผมคุณพ่อค่อนข้างเข้มงวด เลยอยู่กับความเครียดและความกดดัน ครอบครัวค่อนข้างลำบาก คุณพ่อทำธุรกิจแต่ก็ประสบความสำเร็จ ก็เอามาระบายกับที่บ้าน บางทีก็ด่า สั่งสอนด้วยความเข้มงวดที่เราไม่เข้าใจ พ่อเป็นผู้มีอิทธิพลในบ้าน เพราะฉะนั้นเรื่องความรุนแรงมันมีอยู่แล้ว อย่างเช่น ผมโดนสั่งให้คุกเข่าก่อนกินข้าว ประมาณ 30-40 นาที แต่ไม่ทราบว่าทำเพราะอะไร เป็นการฝึกวินัยมั้ง และผมก็ร้องไห้
ผมเคยถามพ่อว่าทำไมต้องโดนตีตลอดเลย ทำไมแม่กับผมต้องโดนตี พอจะมีวิธีไหนไหมที่จะทำให้พ่อไม่ตีเราอีก พวกเราทำอะไรผิดมากเหรอ เขาก็ลดการตีลง แต่ก็มีคำพูดที่ทำให้เจ็บ เขาเป็นนักด่าที่เก่งมาก เขาด่าว่ารู้ไหมมึงเป็นภาระมาก การมีชีวิตของมึงคือภาระที่สุดแล้วเท่าที่กูเคยมีมา พ่อด่าตลอดเวลา แต่การด่าของเขาก็จะมีเหตุผล เราต้องผ่านความลำบากมาก่อนถึงจะสบาย แม้แต่สิ่งแย่ๆ ที่ทำให้มึง มันจะกลายเป็นเรื่องดีในอนาคต ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจ
...
เวลาอยู่โรงเรียน เซฟโซนของผมคือห้องน้ำ เพื่อนคือดนตรี เพราะที่บ้านชอบร้องคาราโอเกะ ทุกคนจะมารวมกันในห้อง ผมชอบมาก เพราะการร้องเพลงทำให้ผมถูกฟัง เวลาร้องเพลงก็จะไม่โดนทำร้าย ถ้าอยู่โรงเรียนเวลาเจอกลุ่มเพื่อนที่บูลลี่ ไถตังค์ เวลาเพื่อนแกล้งจะใช้หนังสติ๊กกับกระดาษแข็งๆ มาม้วนแล้วยิงใส่ผมจนผมหลอนไปเลย ผมโตมาด้วยความกลัวและความระแวง
พอเริ่มเป็นวัยรุ่นก็ยังโดนแกล้งอยู่ โดนเตะบอลอัดหน้า หรือเขาจะมาดักรอจับแก้ผ้า บังคับให้ต่อยกันเอง แต่ก็มีเพื่อนคนหนึ่งทนไม่ไหวแล้ว ถามผมว่าทำไมไม่สู้ แล้วก็พาผมเดินไปต่อยหน้าคนที่แกล้งผม ตอนนั้นงง ช็อก เหมือนปลดล็อกอะไรบางอย่าง พอมาอยู่กับกลุ่มใหม่ ก็มาเจอกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหม่กลับมาบูลลี่ผมแทน
แล้วก็หาเซฟโซนอันใหม่คือร้านเกม เป็นแหล่งรวมอบายมุขเลย ผมต้องลอง เพราะถ้าไม่ลองเพื่อนก็แกล้ง เริ่มจากบุหรี่ เจาะหู โดนแกล้งบ่อยๆ จนรู้สึกว่ามีภูมิต้านทาน ใครจะทำอะไรก็ทำ ผมกลายเป็นสุดยอดกระสอบทราย ตอนนั้นจำใจยอมจนชินชา
พ่อชอบกินเหล้า ก็ไปนั่งดู แล้วพ่อก็เอาให้กิน พอผมเมาแล้วเห็นพ่อยิ้ม เลยคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีจะพิชิตใจพ่อ พ่ออยากให้สอบได้ที่ 1 ผมก็สอบให้ได้ที่ 1 แต่พอไปบอกพ่อ พ่อบอกว่าต้องเป็นที่ 1 ของโลก ตอนนั้นรู้สึกว่าเท่าไรก็ไม่พอ แต่ก็ทำต่อไป
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตตอนนั้นคือสอบติดมหิดล คณะดุริยางคศิลป์ เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าดนตรีสามารถหาเงินได้ แต่ไปอยู่ที่นั่นก็เจอเพื่อนกระทืบอยู่เหมือนกันนะ และตอนมหา'ลัยก็เริ่มเป็นโรคซึมเศร้า แม่เห็นว่าผมเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง มีความคิดด้านลบ คำพูดมีแต่ลบๆ ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว เพราะรู้สึกหมดหวังกับมนุษย์ เพราะตอนนั้นผมเริ่มมีแฟน คบไปคบมากลายเป็นผมดาร์กกว่าเดิม เพราะชีวิตรักไม่สมหวัง
มีเหตุการณ์หนึ่งผมต่อยกับลูกทหาร โดยเข้าไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกผู้ชายวิ่งไล่เพื่อที่จะทำร้ายร่างกายแถวๆ สถาบันกวดวิชา พอต่อยกันเสร็จ พ่อกับพี่ชายเขาก็มาแล้วชักปืนใส่ผม ตอนนั้นผมตกใจมาก แต่ก็ได้ยินเสียงคนบอกให้วิ่ง ก็วิ่งหนีกลับบ้าน พอถึงบ้านเล่าให้พ่อฟัง พ่อด่าว่ามึงมันสารเลว ภาระ ชาติชั่ว ทำให้เขามีปัญหาอีกแล้ว แล้วเขาก็คิดแผนจะส่งผมไปศรีลังกา วันต่อมาทหารมาที่ร้านนวดของแม่ เลยคิดว่าเป็นคนที่ผมไปมีปัญหาด้วย พ่อก็ยิ่งด่าผม ด่าทุกวินาที
แล้วเขาก็ตามไปสืบข้อมูลผมที่เรียนพิเศษจนรู้ว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน เขายื่นข้อเสนอมาให้คือขอรุมกระทืบผมแล้วเรื่องจบ หรือเอาเงินให้เขา 2 แสนแล้วเรื่องจบ และเขารู้ว่าพ่อผมเป็นชาวต่างชาติ จะระงับพาสปอร์ตไม่ให้ทำงานให้ได้ แล้วคืนนั้นพ่อก็ส่งผมไปศรีลังกา ผมรู้สึกขอโทษที่บ้านที่ทำให้เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ เพราะตอนแรกผมตั้งใจจะไปช่วยชีวิตคน ไม่ได้อยากจะไปมีเรื่องตั้งแต่แรก
...
แล้วตอนหลังขึ้นศาล ผมก็พูดว่าถ้าผมรู้แต่แรก ผมไม่ช่วยพวกคุณให้มีปัญหาหรอก ผมแพ้ในศาลชั้นต้น แต่พี่ รปภ. ที่โดนต่อยและอยู่ในเหตุการณ์ที่ผมสนิทด้วย เขามาให้การ ถ้าไม่ได้เขาผมน่าจะติดคุก เลยชนะในศาลอุทธรณ์ และมีจดหมายจากกระทรวงยุติธรรมส่งมาว่านี่คือนิสัยของพลเมืองดี ควรเอาตรงนี้มาดูเป็นข้อโต้แย้ง ก็เลยรอด ชนะคดี แต่หมดหวังกับการช่วยคนไปแล้วในตอนนั้น
กลับมาตอนที่อยู่มหา'ลัย ผมมีแฟนแต่เพิ่งรู้ว่าเขามีลูก เขาหลอกเรา แล้วชีวิตตอนนั้นก็แย่ ไม่อยากอยู่ต่อ และเคยลงมือทำแต่แม่มาช่วยทัน ผมทำอยู่ 3 ครั้ง แม่ช่วยทัน 2 ครั้ง และผมรอดเองอีก 1 ครั้ง ยายเห็นผมแย่ ก็เลยถามผมว่าไปบวชไหม ทั้งๆ ที่ผมนับถือคริสต์ แต่พอได้บวชเลยรู้ว่าความสงบคืออะไร
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมอยากไปอยู่ในจอทีวี เพราะยายชอบดูรายการประกวดร้องเพลง มันคงจะดีนะถ้าผมอยู่ในทีวี อยากเซอร์ไพรส์ยาย แล้วก็เจอประกาศรับสมัคร ผมก็ไปแข่ง ไม่ได้หวังชนะ แค่อยากให้ยายเห็น ตอนไปออดิชันตอนร้องเพลงตัวเอง กรรมการนั่งเงียบ แต่พอร้องอีกเพลงกรรมการก็เงียบอีก ผ่านไป 1-2 อาทิตย์ แล้วเขาก็โทรมาบอกว่าผมติด ยายก็เซอร์ไพรส์
ตอนนั้นมีค่ายเพลงติดต่อมาเยอะมาก รู้สึกว่าผมมีอนาคตแล้ว บอกพ่อว่าผมมีอนาคตแล้ว แต่พ่อบอกว่าให้รอดูไปก่อน ผมตกรอบ แต่ก็มีเพลง และเริ่มมีชื่อเสียง จากเด็กที่ไม่มีเพื่อนก็เริ่มมีเพื่อน แต่เพราะผมไม่เคยมีเพื่อนเลยไม่มีวัคซีน ใครเข้ามาผมรับไว้หมด มีทุกเพศทุกวัย ผมรับไว้หมดก็เลยมีปัญหาเยอะแยะไปหมด
...
ดนตรีช่วยชีวิตผมมาเยอะ แต่สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนั้นมันคือสิ่งที่ผมกำลังวิ่งหนีออกจากดนตรีไปหาอะไรก็ไม่รู้ และไกลดนตรีมากขึ้นๆ มันทำให้ผมคิดได้ว่าถ้าผมรักในสิ่งนี้ ผมควรจะละทิ้งอีกสิ่งเพื่อสิ่งที่เราเลือก จากประสบการณ์มันทำให้ผมเติบโต เรียนรู้เยอะขึ้น เราต้องถ่อมตน เพราะอัตตามันทำให้เราไปได้ไม่ถึงไหน
หลายอย่างในชีวิตเป็นเพราะเรามีอัตตาเยอะ ลืมมองรอบตัว ลืมเห็นคุณค่าของชีวิตว่าความสุขมันอยู่รอบตัว แต่เรามองข้ามมันไป มันทำให้ผมมองย้อนตัวเอง ถ้าเรารักตัวเอง เราจะทำร้ายตัวเองทำไม เหล้าทำให้ผมลดประสิทธิภาพในตัวเอง ผมกินเหล้าเป็นน้ำเปล่า ผมเลยเมาเป็นเรื่องปกติ 18 ปีที่กินเหล้าเพื่อให้พ่อมีความสุข เพื่อให้เพื่อนยอมรับ แต่วันนี้ไม่มีเหล้าแล้ว ผมก็ใช้การร้องเพลง เล่นกีตาร์ สิ่งนี้ที่ทำให้ผมต้องกลับมาโฟกัส
ผมโดนโชคชะตาโยนทุกอย่างส่งมาให้ และทำให้ผมรู้ว่าผมต้องเลือกดนตรี ผมรู้สึกว่าอยู่ตรงนี้มีความสุขแล้ว ที่ไหนก็ได้ที่มีเรา ผมค้นพบสูตรในการใช้ชีวิตของตัวเอง ลองคิดภาพเราอยู่ในทะเล ถ้าเราอยากเดินทางในทะเลเราคงไม่บังคับคลื่น สิ่งที่ต้องบังคับคือตัวเรา เรือของเรา สูตรการใช้ชีวิตที่ดี ไม่ว่าสถานการณ์หรือปัจจัยภายนอกคืออะไร เราต้องรีแอ็กกับมันยังไง อย่าไปคล้อยตามจนทำให้ชีวิตเราพัง เพราะเราเป็นคนควบคุมเรือของเรา เราแค่โต้คลื่นและล่องเรือให้สนุกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่มีเป้าหมายว่าจะไปตรงไหน ไม่ต้องหาแต่กำหนดเป้าหมาย ฝ่าคลื่นชีวิตไปให้สนุก สิ่งที่ควบคุมได้คือตัวเรา
ติดตามชมรายการ Level Up ทางช่องยูทูบ Thairath Online Originals ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น.
...
https://www.youtube.com/watch?v=xfVCldutkA4