เป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างมากในโลกโซเชียล สำหรับเรื่องราวของ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม หลังจากที่แม่ค้าปูนา เจ้าของธุรกิจปูนาดอง ทำป้ายขอเงินคืนเกือบ 3 แสนบาท ต่อจากนั้นก็มีเจ้าหนี้โผล่มาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนหลายราย

ล่าสุด (2 เมษายน 2567) จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม เปิดใจกับนักข่าวบันเทิงไทยรัฐ ถึงเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้น เผยถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองหมุนเงินไม่ทัน จนต้องเป็นหนี้หลายเจ้า เพราะความผิดพลาดในการวางแผนต่างๆ

จ่ายหนี้คืนแน่นอน?

"ผมไม่ได้มีเจตนาจะไปโกงใคร มันเกิดจากความผิดพลาดในการวางระบบ ในการให้ความสำคัญของแต่ละคนผิดพลาดไป ซึ่งผมอาจจะจัดเรียงลำดับความสำคัญผิดพลาดไป เพราะมันเกิดขึ้นจากความชะล่าใจว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจะเคลียร์ได้ ซึ่งผมคาดหวังแบบนั้น ซึ่งผมมองว่าถ้าได้งานตรงนี้มา ได้เงินตรงนี้มา ไปขายของตรงนี้มา ผมจะเอาเงินมาให้ในส่วนนี้หรือส่วนนี้

แต่พอถึงเวลางานที่คาดหวังไม่ได้ งานที่วางไว้ผิดพลาด งานที่วางไว้มันคลาดเคลื่อน และมันไม่มีรายได้มาหาผม เพราะผมไม่มีรายได้ เจ้าหนี้ผมยังอยู่เท่าเดิม เงินที่ผมยังติดหนี้ทุกคนยังเท่าเดิม ซึ่งผมไม่กล้าที่จะอ่าน LINE หรือรับโทรศัพท์ และไม่กล้าที่จะตอบคำถามใคร เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าผมรับปากเขาไปแล้วผมจะหาเงินมาคืนเขาได้ไหม ซึ่งมันไม่ได้เป็นการหนีหนี้ มันเป็นการที่ผมไม่รู้จะตอบคำถามยังไง เพราะว่ามันไม่มีรายได้เข้ามา"

...

จำนวนหนี้ทั้งหมดเท่าไร?

"คือยอดมาหลายแสนมาก แต่ผมต้องบอกกับรายวันที่ผมต้องส่งวันละ 40,000 เป็นจำนวน 10 เจ้า ผมบอกแล้วว่าตอนนี้ขีดความสามารถในการชำระหนี้ของผมมันหาได้วันละเท่าไร จากวันละ 40,000 กว่าบาท ผมต้องหาให้ได้วันละ 7,000 ซึ่งผมขายของได้ 7,000 เท่ากับผมเสมอตัวผม ก็ต้องหาให้มันได้มากกว่านั้น"

และงานในวงการหายไปไหน?

"ผมไม่มีงานในวงการมาหลายปีแล้ว ซึ่งละครเรื่องล่าสุดก็ได้รับการติดต่อมาแต่ยังไม่ได้ถ่าย เพราะผมไม่ได้คาดหวังกับงานในวงการบันเทิง เพราะผมคาดหวังจากการไปออกบูธขายของแล้วมันจะได้เงินมา ซึ่งวางแผนไว้หมดแล้ว แต่พอไปถึงงานจริงๆ มันเงียบอย่างกับป่าช้า เพราะมันไม่ได้เงิน ตัวผมก็เฟล มันไม่รู้จะไปต่อยังไง แต่พอไม่ได้อย่างหวังมันไม่รู้จะตอบคำถามใคร

ส่วนตัวผมเข้าใจและน้อมรับในสิ่งที่มันจะต้องเกิดขึ้น และต้องยอมรับกับสภาพที่มันต้องเกิดขึ้น ผมยอมรับทุกอย่าง ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเพราะคำพูดทุกอย่างผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ผมแค่เพียงพยายามจะอธิบายให้ทุกคนรู้ว่าทำไม ซึ่งผมไม่ได้มีเจตนาจริงๆ ที่จะไม่ให้ เพียงแต่ผมตกใจว่าทำไมต้องมีเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ทั้งที่เราคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งผมก็เข้าใจตรงนี้ แต่เวลาผมมีอะไรผมคุยกับเขาทุกเรื่องผมก็เบาใจ เพราะผมคิดว่าเขาเข้าใจแต่ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น

หลังจากนี้ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะสังคมอาจจะมองผมเป็นแบบนั้นไปแล้วว่าตลกตกอับ ตลกเบี้ยวหนี้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย มันเป็นโลโก้ของผมตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องแล้ว พอมันมาเกิดเรื่องนี้ซ้ำซาก มันก็จะเป็นเหตุการณ์ซ้ำซากและคล้ายๆ เดิม แต่ผมก็ยังยืนยันว่าจะออกไปขายของเหมือนเดิม ทำมาหากินสุจริตเหมือนเดิม ได้เงินมาผมก็จะทยอยใช้หนี้เหมือนเดิม ผมจะเรียงลำดับความสำคัญของการใช้หนี้ให้แต่ละคน ทุกคนต้องได้เงินครบได้เงินแน่นอน แต่ตอนนี้ให้เวลาผมหน่อย"