เรียกว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น สำหรับ 'ปีใหม่ ศรุดา ปัญญาคำ' ที่คว้ามงกุฎ Miss Tiffany's Universe 25th มาครอบครองได้สำเร็จ หลังตัดสินใจมาประกวดเป็นครั้งที่ 5
ล่าสุด ปีใหม่ ควง 'หมอบรูซ คชิสรา ศรีดาโคตร' รองชนะเลิศอันดับ 1 เดินทางมาขอบคุณสื่อกับ ไทยรัฐออนไลน์ พร้อมเปิดใจเส้นทางอาชีพของการเป็นแอร์โฮสเตส และหมอของพวกเธอทั้งคู่
หลังองค์กรมิสทิฟฟานี่เปิดโอกาสให้ทำงานประจำต่อไป โดยไม่ต้องลาออกจากอาชีพที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นแอร์โฮสเตส หรือการเป็นคุณหมอก็ตาม เพราะทั้ง 2 อย่างสามารถทำควบคู่กันได้ หากเราจัดสรรเวลาได้เป็นอย่างดี
ความรู้สึกหลังจากได้รับตำแหน่ง?
ปีใหม่ : เป็นความรู้สึกที่ตื้นตัน และยังรู้สึกว่ามันเร็วไป เหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก แล้วก็ดีใจและภูมิใจในตัวเอง ภูมิใจในตัวเพื่อนๆ ทุกคน ที่ร่วมเดินทางตามความฝันด้วยกันในครั้งนี้ค่ะ
บรูซ : ยังตื่นเต้นไม่หายค่ะ ด้วยความที่เรามาประกวดครั้งแรก และทุกอย่างใหม่มาก เราได้รับประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่ไม่น่าจะลืมเลยในชีวิต
...
ปีใหม่กับตำนาน 5 ปี?
ปีใหม่ : ตำนานมาประกวดแล้วมาประกวดอีก จบลงแล้วค่ะ และก็เป็นการปิดตำนานการเดินสายของเราด้วย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นการปิดตำนานที่สมศักดิ์ศรี และก็ภูมิใจมากๆ ค่ะ 5 ปีที่ผ่านมา เรารู้สึกว่าเราพัฒนาตัวเองในทุกด้าน พร้อมที่จะดำรงตำแหน่ง และพร้อมที่จะเป็นผู้นำองค์กร คือการประกวดในครั้งนี้ เราไม่ได้จะรู้สึกว่าเราจะมาขอโอกาส เพราะเรารู้สึกว่าเราอยากมาให้โอกาสมากกว่า เพราะว่าเราได้สั่งสมประสบการณ์ ไปเรียน ไปทำงานต่างประเทศกับองค์กรระดับชาติค่ะ ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถนำประสบการณ์นั้นมาเป็นผู้นำองค์กร และก็มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน
อุปสรรคสำคัญที่เรารู้สึกว่าเราพลาดเมื่อครั้งที่แล้ว?
ปีใหม่ : คิดว่าไม่น่าจะใช่ภาษาค่ะ อุปสรรคที่พลาดในครั้งก่อน ก็คือการที่เราไม่ได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง บางทีเราอาจคิดว่า เออ ฉันเป็นตัวของตัวเองแล้ว แล้วทำไมฉันถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ? จริงๆ แล้ว เราอาจจะเป็นตัวของตัวเองที่เป็นเหมือนกรอบที่เราวางไว้ให้กับตัวเอง แต่เราไม่ได้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่เราทะลุกรอบออกไป ดังนั้น การกลับมาปีนี้ เหมือนกับว่าแกะทุกอย่างออกให้หมด และเป็นตัวของตัวเอง รู้จักภูมิใจในตัวเองก่อน แล้วก็ทำทุกอย่างด้วยความสุข นำความสุขมามอบให้แก่ทุกคน เหมือนกับวันตัดสิน ทั้งรอบพรีลิมและไฟนอล ทำทุกอย่างด้วยความสุข เดินด้วยความสุข สิ่งที่ครูจาก Muse by เมธินี สอนมาก็คือ การใช้อารมณ์ ให้ผู้คนสัมผัสได้ว่าเราจะสื่ออะไร แค่นั้นเลย ไม่ได้ใช้สเตปว่าต้องก้าวเท้าตรงนี้ หมุนตรงนี้ ฟูลเทิร์นอะไรอย่างนี้ค่ะ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ถ้ามันทำแล้วให้เรามีความสุข คนดูก็จะได้รับรู้ถึงความสุขนั้นด้วย โชว์มันก็เลยออกมาเป็นโชว์แห่งความสุข
เส้นทางการเป็นแอร์โฮสเตส?
ปีใหม่ : สำหรับเส้นทางสู่การเป็นแอร์โฮสเตส ตอนแรกเรารู้สึกว่ามันยากแล้ว แต่พอไปถึงจุดนั้นจริงๆ มันไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้ ก็ถามว่าอะไรยากที่สุด ก็คือตอนที่เทรนนิ่งอยู่ที่วิทยาลัยการบินของสายการบินเรา เพราะมันเป็นภาษาราชการที่เราต้องใช้ภาษาอังกฤษ แต่ภาษาอังกฤษที่เราเรียนมาอาจจะใช้สำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน แต่การที่เราไปฝึก เราไปเทรน มันเป็นภาษาอังกฤษที่เราต้องใช้ศัพท์วิชาการทั้งหมด รู้สึกเครียดมากสัปดาห์แรก ทุกๆ คนมีโอกาสที่จะสอบตกได้แค่ครั้งเดียว ถ้าหากว่าเราตกอีก เขาจะส่งเรากลับบ้านทันที ปีใหม่ตกตั้งแต่อาทิตย์แรกเลย จากนั้นก็ตั้งใจเรียนกว่าเดิม ปิด FB IG ทุกอย่าง เพื่อโฟกัสการเรียนจนเรียนจบ และก็ได้ไปติดปีกค่ะ
โอกาสที่เราเคยได้รับมา เราอยากแนะนำน้องๆ ที่อยากเป็นเหมือนเรายังไง?
ปีใหม่ : มันไม่ได้ยากและมันไม่ได้ง่าย ถ้าเราอยากได้รับโอกาส เราต้องรู้จักนำพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่มีโอกาสก่อน เหมือนกับการที่เราอยากจะทานอาหารอร่อยๆ อยากทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง เราต้องพาตัวเองเข้าไปในร้านอาหารก่อน ถ้าเรานั่งอยู่ที่บ้าน เราก็คงไม่ได้ทานอาหารมิชลินสตาร์ โอกาสมันไม่ได้เหมือนกับอาหารที่เราสามารถสั่งเดลิเวอรีได้ โอกาสมันเป็นสิ่งที่เราจะต้องไปออกเดินทางตามหา กล้าที่จะก้าวขาออกไปจากกรอบของตัวเอง และทุกๆ ครั้งที่เราก้าวออกไป เราไม่รู้หรอกว่าเราจะได้รับโอกาส เราจะแพ้ หรือเราจะชนะ ถ้าหมายความว่าเราชนะ นั่นหมายถึงเราได้รับโอกาส ถ้าเราแพ้ นั่นหมายถึงว่าเราไม่ได้รับโอกาส แต่สิ่งหนึ่งก็คือเราต้องรู้สึกว่ามั่นใจ ภูมิใจ และรักในตัวเอง และนำตัวเองไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ แม้ว่าวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้ชนะ เราอาจจะไม่ได้รับโอกาส ครั้งที่ 1 ไม่เป็นไร ครั้งที่ 2 ไม่เป็นไร ทุกๆ วัน ยังมีวันให้เราเริ่มต้นใหม่เสมอ ปีใหม่ก็เหมือนกัน ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ก็ลองไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะรู้สึกว่ามันเจอที่ที่ใช่สำหรับเรา เวลาและโอกาสมันจะเข้ามาหาเราเอง แต่เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด และก็ใฝ่รู้อยู่ตลอด
...
ตอนที่เหลือ 3 คนสุดท้าย ปีใหม่มั่นใจมากแค่ไหน?
ปีใหม่ : ตอนประกาศ 5 เรารู้สึกมั่นใจแล้วว่าต้องเข้า 3 แน่นอน เพราะเรารู้สึกว่าคำตอบที่เราตอบ เราตอบมาจากใจจริงๆ และเรารู้สึกว่ามันสามารถอิมแพ็ก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ สามารถสร้างความเข้าใจให้กับครอบครัวได้จริงๆ ในเรื่องของการยอมรับความหลากหลายของบุตรหลานในปัจจุบัน มันก็เป็นแค่เรื่องพื้นฐานของมนุษย์ที่เราต้องเปิดหู รับฟัง เปิดใจที่จะเข้าใจ มันเป็นเรื่องเบสิกง่ายๆ ที่มนุษย์ควรที่จะมี ดังนั้น เราคิดว่าคำตอบของเราทัชใจแน่นอน แล้วมันจะต้องเข้า 3 แน่นอน พอเข้า 3 ไป เราก็รู้สึกว่าแบบ เฮ้ย จะเอายังไงดี? เพราะคนที่เข้ามายืนข้างๆ เราเนี่ย ตัวแม่ทั้งนั้น ทั้งด้านวิชาการ ทั้งด้านโครงการก็เป๊ะ เราก็เลยรู้สึกว่าหวั่นๆ แต่เราก็ยังมั่นใจว่าที่นี่คือที่ของเรา แล้วเรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ถ้าเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่นี่ เราไม่กลับมาในรอบระยะทางตั้ง 10 ปี และเราเห็นพัฒนาการการเปลี่ยนแปลง และองค์กรก็เห็นการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของเรามาตลอด เรารู้สึกว่าสิ่งนี้เราสามารถซื้อใจของทุกคนได้
ทำไมปีนี้ถึงไม่มีโมเมนต์จับมือ?
ปีใหม่ : ตอนแรกเรารู้มาอยู่แล้วว่าเราจะไม่มีการจับมือ เพราะมันเป็นการประกวดในรูปแบบใหม่ ที่ทาง คุณอาร์ต อารยา เข้ามาเป็นเฮดไดเรกเตอร์ เขาอยากจะให้คนมองเห็นนางงามในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่นางงามไม่ใช่แค่คนที่ถ่ายรูปสวยๆ มายืนจับมือ มอบมง แล้วนั่งรับสวยๆ แต่เขาอยากให้การประกวดนางงาม เป็นการที่ทำให้คนรู้สึกว่าเห็นความเป็นมนุษย์ เห็นความเสียใจ ใครเสียใจก็ร้องไห้ไปเลยบนเวที เขาก็ร้องเลย ใครดีใจก็ดีใจให้มันสุดๆ ไปเลย หรือใครอยากจะโชว์ความเป็นตัวเองก็โชว์ออกมาเลย รู้สึกยังไงให้แสดงออกมาเลย เพราะมันเหมือนว่าเป็นการแสดงถึงการเป็นมนุษย์ มันก็เลยออกมาในรูปแบบคล้ายๆ กึ่งเกมโชว์ในด้านการประกาศผล
...
นอกจากจะได้มงแล้ว ยังสร้างมีมอีกด้วย?
ปีใหม่ : จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างมีม แต่ว่ามันเป็นไปเอง ตอนแรกตั้งใจว่า อุ๊ย จะนั่งลงดีๆ แต่ว่าชายกระโปรงมันแคบ เราย่อนิดเดียวมันก็ไปเลย พลิกไปเลย พอมันพลิกไปเสร็จ เราก็พยายามจะลุกขึ้นมาไหว้ มันก็ลุกไม่ได้ แล้วมันก็ล้มไปอีก ก็เลยเป็นท่ากราบ ตอนก้มหน้าไปก็คิดอยู่ว่า ‘ฉันจะเอายังไงต่อ’ ลุกขึ้นมาแล้วกัน พอลุกขึ้นมาก็เอามือเอื้อมมา เพื่อพยายามที่จะให้น้องบรูซเป็นคนดึงเราขึ้นมา น้องก็ยังยืนงงๆ อยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่เขาเป็นลมหรือเปล่า แต่คนดูก็โห่แบบ โห่จริงจังอะ คนดูก็น่าจะอิน ซึ่งพอเรามาสอบถามความคิดเห็นของคนในฮอลล์ บางคนก็ร้องไห้ให้กับเรา เพราะเขารู้สึกว่าเหมือนมันปูทางมาตั้งแต่ 2013 ปูทางมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่เราตอบคำถาม ตั้งแต่สตอรี่ชีวิตเรา จนมาโมเมนต์ที่เราได้รับตำแหน่ง มันเหมือนทุกอย่างมันถูกจัดสรรมาหมดเลย มันก็เลยรู้สึกได้ว่าทุกคนอินมากกับเรา ซึ่งเราก็รู้สึกดีใจที่มีคนรักเรามาก
ถ้าได้ตำแหน่งจะลาออกจากการเป็นแอร์โฮสเตส?
...
ปีใหม่ : ใช่ค่ะ ตอนแรกคิดว่าอยากจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด อยากจะสนับสนุนองค์กรเต็ม 100% แต่จริงๆ แล้ว เจตนารมณ์ขององค์กร แล้วก็วิสัยทัศน์ขององค์กรในปีนี้ ทาง คุณปอย ตรีชฎา ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเรา และก็ คุณอลิสา พันธุศักดิ์ ก็ได้เรียกพวกเราเข้าไปประชุมทั้ง 3 คน เกี่ยวกับอาชีพว่าจริงๆ แล้ว เขาภูมิใจกับพวกเราทั้ง 3 คนมาก ที่ได้เลือกพวกเรามา ดังนั้น เขาอยากจะให้พวกเราคีพอาชีพของพวกเราไว้ เพราะมันแสดงถึงความมั่นคงของชีวิต มงกุฎมันคือสิ่งที่ทำให้เราภูมิใจ แต่อาชีพมันเป็นความมั่นคงของชีวิต ดังนั้น เราจะนำความมั่นคงกับมงกุฎเดินควบคู่กันไป เพราะอาชีพของเราก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนได้ เด็กรุ่นใหม่ หรือคนอื่นๆ ที่มีความฝัน ที่อยากจะทำอาชีพอื่นๆ ได้ ทั้ง 3 คนก็ยังจะทำอาชีพของตัวเองต่อไป และก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้สังคมต่อไปเช่นเดียวกันค่ะ
ภารกิจต่อจากนี้?
ปีใหม่ : ส่วนตัวปีใหม่ก็อยากจะช่วยในการสร้างโครงการที่จะสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับเด็กผู้ยากไร้ และเตรียมตัวเข้าร่วมประกวด Miss International Queen ก็ขอกำลังใจจากทุกคนนะคะ สัญญาว่าจะทำให้เต็มที่ที่สุด เพราะว่าปีนี้เป็นปีที่เราแกร่งมาก แต่ทั้ง 27 คน ที่แม้ว่าจะไม่ได้มาเป็น 3 คนสุดท้าย ก็เก่งมากเช่นเดียวกัน ทุกคนเก่งหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครถนัดอะไรมากกว่า ส่วนน้องบรูซก็จะมาช่วยในด้านวิชาการ น้องเจสซี่ก็จะมาช่วยในด้านแฟชั่น และด้านบุคลิกภาพ ซึ่งเรา 3 คนจะเดินไปด้วยกัน และจะช่วยเหลือกันเป็นทีม
6 เดือนทันไหม?
ปีใหม่ : ทันค่ะ 24 สิงหาคม ทันแน่นอนค่ะ
บรูซพูดถึงบนเวที ช่วง 3 คนสุดท้าย?
บรูซ : ตื่นเต้นมากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่จุดนี้ได้ ด้วยความที่ตลอดช่วงเวลาที่เรามาประกวด ก็มีช่วงที่มาบ้าง หายบ้าง แต่เราก็ผลักดันตัวเองมา และวันก่อนที่จะขึ้นไฟนอล เราก็เคลียร์กับตัวเองเรียบร้อยว่ายังไงก็ต้องสละทิ้งให้หมด ความเครียด ความกังลต่างๆ เอาไปทิ้งให้หมด และเอาไปคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ ร้องห่มร้องไห้กันไป ก็เหมือนปลดล็อกทุกอย่าง วันไฟนอลเราก็เลยใส่เต็ม ไม่มีความประหม่าเลย ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบสุดท้าย
จากคนที่ไม่มีพื้นฐาน ไม่เคยประกวดนางงามมาก่อนเลย เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง?
บรูซ : เตรียมตัวหลายอย่างเลย ทั้งการพูด โดยส่วนตัวเป็นคนที่อาจจะมีชุดข้อมูลอยู่แล้ว แต่อาจจะยังถ่ายทอดออกมาไม่น่าสนใจมาก ก็มีการไปเรียนการพูด การตอบคำถาม ส่วนเรื่องการเดิน ก็มีไปเทรน และเราก็มีการไปทำการบ้านในเรื่องของชาเลนจ์ต่างๆ ชาเลนจ์เต้นเราก็ไปเรียนเต้น ชาเลนจ์ดีเบตเราก็ไปให้เพื่อนที่เขาไปดีเบตมาเทรนให้เลย ความสามารถพิเศษทางทีมก็จัดการให้ ออกแบบโชว์ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน เตรียมตัวให้พร้อมในทุกๆ ด้าน มีเช็กลิสต์ข้อไหน เราก็จะพยายามเช็กตามนั้นเลยค่ะ
กดดันไหม เพราะเราไม่มีประสบการณ์ แต่กลับเป็นตัวเต็ง?
บรูซ : ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นตัวเต็งค่ะ แต่ว่ามีความรู้สึกกดดัน เพราะเราอยู่ในสังคมที่เหมือนทุกอย่างต้องเป๊ะ แอบเป็น perfectionist เบาๆ เหมือนทุกอย่างต้องถูกต้องๆ แต่ในความเป็นจริง หรือชีวิตในการประกวดมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเราต้องเรียนรู้ที่จะผิดพลาดในบางอย่าง หรือไม่เพอร์เฟกต์ในบางอย่าง ท้ายที่สุดเราก็ค่อยๆ ปล่อยวางมันไป แล้วเราก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วการที่มันจะเพอร์ฟอร์มออกมาได้ดี เราต้องสละทิ้งความเครียด ความกังวลที่มันติดอยู่กับตัวเราตลอดเวลาออกไปให้ได้ ดังนั้น ก็เลยออกมาเป็นรอบไฟนอลที่เราแบบทิ้งทุกอย่างแล้วจริงๆ แล้วในวันนั้นทุกคนก็บอกว่า วันนั้นเหมือนออร่าเรามันออกมา เราดูมีความสุขจริงๆ ในโมเมนต์นั้นค่ะ
คิดว่าตรงไหนที่เราพลาด ทำให้ไม่ถึงมง?
บรูซ : โดยส่วนตัวคิดว่าทำเต็มที่ที่สุด ทุกอย่างแล้ว คือมันสุดกว่านี้ก็อาจจะแทบไม่ได้แล้ว แต่ว่าถ้ามองในแง่ขององค์รวม คิดว่าเราอาจจะเก็บตัวทำได้ไม่ดีพอ พอดูองค์รวมแล้ว โอเวอร์ออลของ พี่ปีใหม่ จะดีกว่า เขาก็เลยอาจจะเลือกทางนี้ไป
พอตอนประกาศเราได้รอง 1 รู้สึกอย่างไรบ้าง?
บรูซ : รู้สึกว่าเต็มที่แล้ว ทำได้ดีที่สุดแล้ว เคลียร์กับตัวเองก่อนที่จะขึ้นเวทีแล้วว่าได้ที่เท่าไรก็ได้ ไม่เสียใจค่ะ
แล้วตอนนั้นเราคิดว่าเราจะไปลึกสุดได้เท่าไร?
บรูซ : ก็ต้องมงอยู่แล้ว เหมือนเราผ่านมาได้เรื่อยๆ ใจเราก็เริ่มฟูขึ้นๆ แล้วในหัวตอนนั้นคิดว่าวันนั้นเป็นวันของเราจริงๆ แต่ท้ายที่สุดมันไม่ได้ มันเฉียดไปนิดเดียว แต่เราก็ภาคภูมิใจ มันเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเรามากๆ อยู่แล้ว ปกติเราจะอยู่ที่ประมาณ 70% แต่วันไฟนอลเราให้ตัวเอง 200%
บรูซอายุเท่าไร จะกลับมาอีกไหม?
บรูซ : อายุ 26 ค่ะ โอกาสกลับมาน้อยมากค่ะ เพราะว่ามันคือแชปเตอร์ใหม่ๆ ที่เราอยากจะทำอย่างอื่นแล้ว คือเราวางแผนหลายอย่างเลยว่าหลังจากประกวด เราอยากจะทำอะไรบ้าง
ตอนนี้บรูซทำอะไรบ้าง?
บรูซ : ตอนนี้เป็นหมอ ทำงานที่โรงพยาบาล เป็นฟรีแลนซ์ ก็จะรับตามโรงพยาบาลเอกชนบ้าง รัฐบาลบ้าง คลินิกบ้าง ส่วนแชปเตอร์ต่อไปที่คิดจะทำก็คือ งานเพื่อสังคม ตัวโครงการที่บรูซเคยทำ คือ No Sex Stigma เป็นการให้ความรู้ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ หลังจากนี้บรูซคิดว่าจะทำให้เป็นออฟไลน์มากยิ่งขึ้น ก็คือให้ความรู้กับโรงเรียนต่างๆ เพราะบรูซเชื่อว่าเด็กๆ เขาจะเติบโตในสังคมในอนาคต ถ้าเราอยากจะให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี เราอาจจะต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ ให้เขามีมายด์เซต หรือชุดความคิดที่ดี แต่ออนไลน์ก็ยังคงทำไปเรื่อยๆ แต่คงทำมากกว่านี้
มีอะไรที่บรูซอยากจะทำนอกเหนือจากนี้บ้าง?
บรูซ : ก็มีวางแผนไว้ว่าอาจจะไปทำด้านธุรกิจ หรือว่าอาจจะเปิดเป็นคลินิกของตัวเอง หรืออาจจะไปเรียนต่อเฉพาะทาง เสริมสร้างความรู้ให้กับตัวเอง นำความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาสังคม โดยใช้แพลตฟอร์มของมิสทิฟฟานี่มาช่วยเผยแพร่ตรงนี้ด้วย
เส้นทางการเป็นหมอของบรูซ?
บรูซ : ความคิดที่อยากเป็นหมอ เป็นความคิดที่สังคมและครอบครัว input มาให้เรา ตั้งแต่เด็กๆ เลย เพราะว่าคุณแม่ คนในครอบครัว ก็จะเห็นศักยภาพของเรา ว่าเราสามารถเรียนได้ เพราะว่าเราเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอด แต่หากถามว่าตัวเราเองอยากเป็นขนาดนั้นไหม ก็ให้สัก 70% แล้วกัน แล้วก็พยายามตั้งใจ การเป็นหมอเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่พรูฟเรากับสังคม มิสทิฟฟานี่ก็เหมือนกัน เป็นสิ่งที่จะทำให้สังคมยอมรับเราได้มากยิ่งขึ้น ก็เลยเซตโกลทั้ง 2 อย่างนี้ไว้ตั้งแต่อายุ 11-12 ปี ว่าฉันต้องทำสองอย่างนี้ให้ได้
บรูซอยากเป็นนางงามตั้งแต่เมื่อไร?
บรูซ : ตั้งแต่ 10 กว่าเลย
แล้วมันไม่ขัดแย้งกับการที่เราเรียนหมอเหรอ กลัวพลาดโอกาสนั้นไหมว่าถ้าเราเป็นหมอ เราอาจจะไม่ได้เป็น?
บรูซ : บรูซคิดว่ามันทำได้ตั้งแต่ตอนนั้น ว่าอยากจะเป็นทั้งหมอ และเป็นมิสทิฟฟานี่คนแรกของประเทศไทย ก็พยายามตั้งแต่ตอนนั้นเลย เช็กลิสต์ให้ได้ก่อน พอเป็นหมอได้ปุ๊บ ก็ดูว่ามันเป็นแต้มต่อให้เราประกวดได้หรือเปล่า
ฝากถึงน้องๆ ที่ทำอาชีพคล้ายเรา แล้วอยากจะมาเป็นนางงาม?
บรูซ : ความฝันของคนเราสามารถมีได้หลายอย่าง บรูซเชื่อว่าเราสามารถทำหลายๆ อย่างนี้ไปพร้อมกันได้ ดังนั้น อย่าหยุดที่จะฝัน และก็ตั้งเป้าหมายให้มั่นคง แล้วก็พุ่งชน
หลังจากนี้จะทำอะไรต่อไป นอกจากการดำรงตำแหน่ง 1 ปี?
บรูซ : งานในวงการบันเทิงก็สนใจ งานพิธีกร การแสดง ถ่ายแบบก็สนใจ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะร่วมงานในสายงานนี้เหมือนกัน
ปีใหม่จะไปแข่งขันต่อ เราช่วยเหลืออะไรบ้าง?
บรูซ : ก็จะเป็นซัพพอร์ตเตอร์ที่ดี ถ้าพี่ปีใหม่มีเรื่องที่อยากปรึกษา หรือว่าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เราก็จะซัพพอร์ตเป็นอย่างดี เพราะเชื่อว่าประเทศไทยของเราจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับเวที Miss International Queen ได้อย่างแน่นอน มง 5 ต้องมาแน่ค่ะ
ไม่มาแล้วจริงเหรอ?
บรูซ : ใช้คำว่าโอกาสน้อยแล้วกันค่ะ เพราะการเรียนต่อมันก็ใช้เวลานาน 3 ปีเหมือนกัน ถ้าอายุยังไม่เกิน ยังมีไฟ หรือยังรู้สึกคาใจก็อาจจะกลับมาค่ะ
ฝากติดตามผลงาน?
บรูซ : ฝากติดตามเพจ FB Miss Tiffany Universe จะมีหลายแชปเตอร์ต่อจากนี้ อยากจะสร้างภาพใหม่ให้กับสาวทรานส์ ทั้งตัวท็อป 3 เอง แล้วก็ผู้เข้าประกวดท่านอื่นๆ ค่ะ จะมีการดูแลสาวๆ ท็อป 12 เลยค่ะ ไม่ใช่แค่ท็อป 3 หรือคนมงอย่างเดียว ที่เขาจะป้อนงานให้ ก็เตรียมตัวพบกับภาพใหม่ๆ ของสาวๆ เรียกได้ว่าทั้ง 12 คน มีความหลากหลาย มีวาไรตี้ แล้วก็พร้อมที่จะเสิร์ฟในทุกๆ พื้นที่ ทุกวงการเลย แล้วก็ไอจีส่วนตัวด้วย bruze_kachisarah ติ๊กต่อกก็เช่นเดียวกันค่ะ ชื่อเดียวกันค่ะ