พระเอกหมอลำเสียงที่หก หัวหน้าวงสุดหล่อ อย่าง นก พงศกร วันนี้ขอเปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต ที่เกือบยุบคณะหมอลำหลายครั้ง โดนชาวเน็ตแซะแรง เป็นหมอลำกะโหลกกะลา เล่าปาฏิหาริย์พญานาค ที่ทำให้กลายเป็นพระเอกหมอลำเงินล้าน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เป็นหัวหน้าหมอลำที่เด็กที่สุด เจอมรสุมชีวิตมาเยอะมาก?

“ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นดราม่าหลายๆ วิกฤติโควิดต่างๆ”

อายุน้อยและมาตั้งคณะหมอลำ หลายคนก็ปรามาสว่าไม่มีทางทำได้หรอก?

“ก็มีคำสบประมาทเยอะครับ ไปไม่รอดหรอก หมอลำกะโหลกกะลา เลิกทำไปเถอะ ยุบวงไปดีกว่า มีคอมเมนต์เยอะมากที่บั่นทอนใจเรา ตอนนั้นเราก็ยังเด็กด้วย ไม่รู้จะจัดการยังไง นอนไม่หลับคิดถึงคำที่เขาว่าเรา ตอนนั้นอายุย่าง 25 ปี ก็คิดว่าทำไมคำพูดบางคำมันรุนแรงไป”

คำไหนที่คิดว่าแรงที่สุด?

“เลิกทำไปเถอะ ทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยุบวงไปเลยดีกว่า ตอนนั้นเรายังเด็ก กว่าเราจะทำวงได้ กว่าเราจะมีวันนี้ เราต้องหาเงินเป็นสิบๆ ล้านเพื่อมาลงทุน เราก็แคร์คำคน แต่เวลาผ่านไป เราก็มีกำลังใจจากคนรอบข้างเยอะ ไม่ว่าจะคุณพ่อคุณแม่ หรือคนในองค์กร เอฟซีหลายคนที่ให้กำลังใจ แล้วเราจะไปฟังคำลบๆ ทำไม คิดว่าไม่มีประโยชน์เลยคำลบๆ เหล่านี้ มีแต่บั่นทอนกำลังใจเรา พอมีคนว่าเราก็ไม่ตอบโต้ ก็ปล่อยผ่าน”

...

เคยคิดฟ้องมั้ย?

“เคยฟ้องด้วย แต่เสียเวลาทำมาหากินครับ”

คำที่ฟ้องคือคำว่าอะไร?

“ด่าหยาบคาย ด่าหลายอย่าง ด่าพ่อแม่ ด่าวงหมอลำก่อแต่เรื่องไม่ดี เราฟ้อง แล้วรอกระบวนการทางตร.ที่ต้องใช้เวลา กว่าจะส่งศาล กว่าจะนัด แต่เราไม่ว่างแล้ว เรามีงานทุกวัน ก็กลายเป็นว่าไม่ได้เจอคู่กรณีสักที”

อันที่ทนไม่ไหว ด่ากลับสวนกลับก็มีเหมือนกัน?

“อย่างมาด่าวงว่าหมอลำวงนี้ไม่ดีเลยนะ เครื่องเสียงอย่างนั้น รำอย่างนั้นอย่างนี้ บอกให้เลิกทำไปเลยดีกว่า ถ้าไม่มีคำนี้เราจะไม่ตอบโต้ ถ้าติว่ารำไม่ดีนะ เครื่องเสียงไม่ดี เราอ่านแล้วจะบอกลูกน้องเรา แต่นี่เล่นยุบไปเลยดีกว่าต่อไปก็ไม่มีงาน เราก็ต้องกลับไปว่าเสือ_ ถ้าได้เจอหน้าก็อยากนั่งทานข้าวกับเขา อยากถามไปเรื่อยๆ เขาคิดยังไงถึงเมนต์ว่าเรา มันเสียหาย เสียความเชื่อถือด้วย กว่าเราจะทำได้ คนสร้างต้องใช้เวลา แต่คนทำลายใช้เวลานิดเดียว บางคนไม่เคยติดตามเร เพิ่งติดตามพออ่านเมนต์เขาก็เชื่อ”

กว่าจะเป็นหมอลำได้ เราเป็นเด็กยกของมาก่อน?

“ใช่ครับ ตอนนั้นยังร้องยังรำไม่เป็น แต่ชอบเส้นทางนี้ เป็นคอนวอยอยู่ปีสองปี พี่ชายเจ้าของวงดนตรีก็บอกว่าเดี๋ยวมีโอกาสขึ้นเวที เอามั้ย นกก็บอกว่าอยากมีนะ ให้เขาแต่งตัว ขึ้นไปยืนเฉยๆ ก็ได้ เรามีโอกาสก็คว้าก่อน เราก็ขึ้นไปเต้นกับเขาแต่ไม่ได้ร้องไม่ได้รำอะไรทั้งนั้น หลังจากเราขึ้นเวทีเราก็มีความฝัน เราต้องพัฒนานะ เราจะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็เริ่มจากการเป็นแดนเซอร์หมอลำ บอกให้พี่ชายพาไปสมัครวงหมอลำ เขาก็พาไปสมัครวงหมอลำเพชรอีสาน หนุ่มธงชัยที่อุดรฯ นกก็เรียนไปด้วย ไปเป็นแดนเซอร์หมอลำด้วย ทำงานไปด้วย เพราะฐานะทางครอบครัวก็ยากจน เราก็ไปเป็นแดนเซอร์ที่เพชรอีสาน เรียนแล้วก็รำ”

ได้เป็นหมอลำจริงๆ อายุเท่าไร?

“หมอลำเพชรอีสานเป็นวงขนาดกลาง งานก็ไม่ได้เยอะ พอเรียนจบก็เคว้งคว้างเพราะพ่อแม่ก็อยากให้เราไปหาเงินที่ต่างประเทศ แต่เราไม่ชอบ อยากขอทำงานในประเทศไทยก่อน ก็เลยทำงานประจำ ขายหนังสือ เราเป็นคนขยันทำงานก็คืองาน แต่มันเหนื่อย เวลาเหนื่อยทำไมท้อกว่าตอนเป็นหมอลำ มันได้เป็นเดือนก็จริงแต่เราไม่ได้ชอบ ก็เลยปรึกษาผู้จัดการว่าอยากขอออกจากงาน ได้เงินตอนนั้นประมาณหมื่นต้นๆ พ่อแม่ก็ไม่อยากให้ออก ก็เลยปรึกษาหัวหน้าวงที่นกเคยอยู่ บอกเขาว่านกอยากเติบโตสายนี้ เขาเป็นคนที่เมตตานก สนับสนุนให้ลูกศิษย์ก้าวไปข้างหน้า เลยตัดสินใจไปอยู่กับวงหมอลำศิลปินภูไท ตอนนั้นนกก็ไปเป็นแดนเซอร์ แต่ก็มีเหตุการณ์ทำให้นกได้ร้องเพลง ได้ร้องได้รำ อยู่มาสองปี เราอยากเป็นหมอลำขอนแก่น นกเลยมีโอกาสได้รู้จักกับพ่อเอ๊ะ ระเบียบวาทะศิลป์ เลยได้มาอาศัยใบบุญพ่อเอ๊ะ พ่อถามว่าอยากเป็นพระเอกหรือตัวร้าย เราก็บอกว่าตัวร้าย เขาบอกคนเกลียดเยอะนะ ไม่เหมือนพระเอกนะ พระเอกมีแต่คนรัก ก็บอกว่าไม่เป็นไร จะพยายามเรียนรู้จากพ่อ ขนาดพ่อคนยังไม่เกลียดเลย อยู่กับพ่อเอ๊ะ 5 ฤดูกาล เป็นแดนเซอร์ด้วย แล้วก็รำแทนพ่อจนสว่าง ยาวเลย มันเหนื่อย ทีนี้ก็เลิกเต้น พ่อสงสาร บอกว่าไม่ต้องเต้นก็ได้ มารำอย่างเดียว ก็ได้เป็นหมอลำเต็มตัว มีชื่อเสียงอยู่วงระเบียบวาทะศิลป์”

...

จิตวิญญาณอยากเติบโตกว่านั้น อยากมีวงของตัวเอง วันที่ต้องลาจากพ่อเอ๊ะเป็นยังไง?

“ตอนนั้นทุกข์มากเลยครับ ความรู้สึก ความผูกพัน ความรักที่มีต่อองค์กร เพราะเราอยู่ตรงนั้น เราอบอุ่นมาก พ่อก็ดูแลเราดีมากเหมือนลูกชายคนนึง เราคิดเยอะมาก ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าเราพูดไปแล้วจะถูกหรือผิด ก็ตัดสินใจพิมพ์ไปบอกคุณพ่อว่าอยากออกมาทำวงเล็กๆ ของตัวเอง อยากมีโอกาสได้อยู่บ้าน เพราะตอนอยู่กับระเบียบฯ ฤดูกาลละ 200 กว่างาน ไม่มีโอกาสได้กลับมาหาคุณพ่อคุณแม่ พอเขาป่วยก็ไม่ได้มาดูแล เขาช็อกเข้า รพ. ก็ได้แค่โทรศัพท์ ไม่ได้มาดูใจเขาเลย ก็เลยคิดว่าถ้าเราทำวงหมอลำ เราอาจโฟกัสได้ เพราะตอนนั้นเราเป็นตัวเด่น เรามีโอกาส กว่าจะได้โอกาสนั้น ถ้าเราขาดทีนึงแล้วโอกาสไปเป็นของคนอื่นล่ะ เราก็ไม่สามารถลาได้”

สุดท้ายไปตั้งวงเอง แต่เป็นหนี้เป็นสิบล้าน?

“ใช่ครับ ตอนนั้นกว่าจะลาพ่อได้ก็ยาว พอได้มาทำของตัวเอง ไม่เหมือนที่ตัวเองคิด การที่จะทำอะไรสักอย่าง อาจเป็นความโลภในใจเรา ไหนๆ ทำแล้ว แดนเซอร์ต้องแบบนี้ ใช้จ่ายเกินตัว เต็มที่ไปเลย เราคิดว่า 4-5 ล้านน่าจะพอแล้วมั้ย สุดท้ายหมดไปเป็นสิบกว่าล้าน”

กลายเป็นหนี้ท่วม?

“ใช่ครับ ลงทุนไปแล้ว เราไม่เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน ค่าใช้จ่ายต่อวันมากกว่าค่าจ้าง ต้องรับผิดชอบ 300 ชีวิต แล้วเจอวิกฤติโควิดออก ออกงานแป๊บเดียว โควิดมา ชะงักขาดทุนได้หยุดวง ตอนนั้นเราติดลบอยู่แล้ว ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนให้ลูกน้อง ให้คนในวงที่เรายังติดค้างเขาอยู่ เป็นหนี้ลูกน้อง ไปกู้หายืมเงินมาช่วยอัดทั้งหมด”

ในวิกฤติก็มีโอกาส ช่วงโควิดปิดวงกันหมด วงคุณปิ๊งไอเดียมาไลฟ์?

“เป็นปีแรก ปีที่สองเราก็สู้ต่อ หาเงินมาลงทุนอีก ทั้งที่เป็นหนี้ ก็เป็นหนี้เพิ่มไปอีก ปีสองนี่แหละออกวงไปปุ๊บเราเจอพายุถล่มแล้วมาเจอโควิดซ้ำ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เหมือนวิ่งออกกันมาหมด เวทีถล่ม ช่วงนี้แหละที่คนเริ่มมาติดตามเราเยอะมาก คนดูเราจาก 400-500 เป็น 3-4 พัน พี่ๆ แม่ๆ ก็เมตตาสงสาร ช่วยซัพพอร์ต ได้ทำเวทีใหม่ภายใน 1 วัน ออกงานไปสักพักเจอโควิดระลอกสอง ก็อยู่บ้านแล้วได้ไอเดียว่าเราทำไลฟ์สดดีมั้ย แฟนๆ ไม่ได้เจอเราเลย ก็เลยทำไลฟ์สดออนไลน์ ได้พวงมาลัยออนไลน์ แม่ๆ น่ารักมาก ซัพพอร์ต เราเห็นคนอื่นทำไลฟ์สดกลุ่มปิด เก็บบัตรออนไลน์ เราก็เลยเริ่มทำ ผลตอบรับเกินคาดครับ พลิกวิกฤติเป็นโอกาสเลย สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้และบริหารไปได้ พอฤดูกาลที่สามพักปุ๊บ เราก็ต่อเนื่องฤดูกาลที่สี่เลย ตอนนั้นทำสตูฯ ที่บ้าน ลงทุนไปเยอะมาก แต่ผลตอบรับไม่เท่าไร ไปได้ยากมาก เป็นสายทุ่ม (หัวเราะ) นกมีโอกาสได้ไปเจอลูกบุญธรรมไปรับเขามาอยู่ด้วย ก็เลยเกิดกระแส พี่ๆ แม่ๆ ติดตามเพิ่มขึ้น หลายอย่างดีขึ้น พลิกเลย”

...