เรียกเรตติ้งสูงสุดให้กับช่อง 3 เลยทีเดียว สำหรับละครเรื่อง "พรหมลิขิต" ที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ และมีอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจ เพราะแต่งกายแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านอยุธยาทั่วไป นั่นคือ "โกษาธิบดีจีน" ที่นำแสดงโดย ชาย ชาตโยดม ได้มีฉากที่ "สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ" ได้สั่งให้โกษาธิบดีจีน ติดต่อการค้ากับประเทศจีน และทางโกษาธิบดีจีน รายงานสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ว่า การค้าขายกับฝรั่งไม่เฟื่องฟู จึงเปลี่ยนไปติดต่อค้าขายกับชาวจีน เพราะชาวจีนต้องการสินค้าจากอยุธยาจำนวนมาก จึงเป็นเหมือนยุคทองของชาวจีนในสยาม จากอิทธิพลของ โกษาธิบดีจีน

ซึ่งตำแหน่ง "โกษาธิบดีจีน" เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เป็นขุนนางคนสำคัญในตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง ในรัชสมัย "สมเด็จพระเจ้าเสือ" ถึง "สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ" โดยในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ อิทธิพลของชาวจีนยิ่งสูงมากขึ้น มีพระคลังชาวจีนที่ปรากฏเรียกในพระราชพงศาวดารว่า "พระยาโกษาธิบดีจีน" หรือ "พระยาโกษาจีน" เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในราชสำนัก และเป็นที่โปรดปรานของทั้งพระเจ้าเสือและพระเจ้าท้ายสระ

...

เป็นผู้ทรงอิทธิพล ในสมัยพระเจ้าท้ายสระ

ออกญาโกษาธิบดีจีน เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เป็นขุนนางคนสำคัญในตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือถึงสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ

เมื่อสมเด็จพระเจ้าท้ายสระขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ พระองค์มอบงานราชการบ้านเมืองส่วนใหญ่ให้ พระยาโกษาธิบดีจีน จึงหาหนทางแต่งตั้งชาวจีน ให้ดำรงตำแหน่งราชการที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย ในเวลานั้นชาวจีนจึงควบคุมการค้าทั้งหมดของราชอาณาจักร

ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น "เจ้าพระยา" แม้จะทำสงครามไม่สำเร็จ

ใน พ.ศ. 2260 พระยาโกษาธิบดีจีน ได้รับพระราชโองการให้เป็นแม่ทัพเรือไปตีเมืองพุทไธมาศของกัมพูชา แต่พระยาโกษาธิบดีจีน ไม่สันทัดในการสงคราม สุดท้ายจึงถูกกองทัพญวนและเขมรตีแตกพ่ายกลับเข้ามา แต่เข้าใจว่าพระยาโกษาธิบดีมีบารมีและเป็นที่โปรดปรานอยู่มาก จึงปรากฏในพงศาวดารว่า สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ โปรดให้ลงโทษด้วยการชดใช้อาวุธปืน ลูกกระสุน และดินประสิวเท่านั้น

ใน พ.ศ. 2262 พระยาโกษาธิบดีจีน ได้รับพระราชทานเลื่อนยศบรรดาศักดิ์ตามหนังสือที่ส่งถึงผู้สำเร็จราชการเมืองปัตตาเวีย และได้ระบุบรรดาศักดิ์ของตนเองว่า "เจ้าพระยาศรีธรรมราชเดชะชาติอำมาตยานุชิตพิพิทรัตนราชโกษาธิบดีอภัยพิริยบรากรมภาหุ เจ้าพระยาพระคลัง"

ยุคเฟื่องฟูแห่งการค้าขายกับต่างประเทศ

นอกจากนี้ โกษาธิบดีจีน ยังได้มีบทบาทในการต่อสำเภาและกำปั่นสำหรับการค้าต่างประเทศ ดังที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า ใน พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ มีรับสั่งให้ ออกญาโกษาธิบดี ต่อเรือกำปั่นทอดสมออยู่ ณ วัดมเหยงคณ์ โดยใช้เวลา 5 เดือนจึงแล้วเสร็จ สำหรับบรรทุกช้างไปขายที่อินเดียด้วย 

รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของชาวจีนที่ราชสำนักสยามเป็นผู้ว่าจ้าง ให้เข้าไปทำมาค้าขายที่เมืองท่าญี่ปุ่นที่ตอนนั้นยังปิดประเทศอยู่ และอนุญาตให้ค้าขายกับต่างประเทศได้เพียงบางส่วนได้อีกด้วย การค้าต่างประเทศในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระซึ่งจีนมีบทบาทสำคัญจึงเฟื่องฟูพอสมควร

ถูกจับสังหารคาผ้าเหลือง

เมื่อสมเด็จพระเจ้าท้ายสระเสด็จสวรรคตในเดือนมกราคม 2275 เกิดสงครามแย่งชิงราชสมบัติระหว่างฝ่ายเจ้าฟ้าอภัย พระโอรสของสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ กับฝ่ายของพระมหาอุปราช (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ซึ่ง ออกญาโกษาธิบดี ได้สนับสนุน เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสองค์รองของสมเด็จพระเจ้าท้ายสระในสงครามกลางเมือง สุดท้าย พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ขึ้นครองราชย์ และเจ้าฟ้าอภัย กับ เจ้าฟ้าปรเมศร์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้จึงถูกจับสำเร็จโทษ ออกญาโกษาธิบดีจีน จึงหนีราชภัยไปบวช แต่ก็ถูกจับสังหารคาผ้าเหลืองเนื่องจากไม่ยอมสึก.

...

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิง” เพิ่มเติม