คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมา 41 ปีแล้ว สำหรับพิธีกรมือหนึ่งอย่าง อาต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาทำอาชีพอะไรมา
ล่าสุด ออกมาเผยเรื่องราวในอดีตผ่านทางรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา พร้อมเปิดมุมมองกับทัศนคติของการเป็นพิธีกรที่ดี และฝากถึงสื่อที่ทำคอนเทนต์ต่างๆ ในยุคนี้ อย่าเอาสิ่งไม่ดีของแขกรับเชิญมาหากิน เพื่อหวังจะสร้างความดังให้กับตัวเอง
เข้ามาในวงการนี้กี่ปีแล้ว?
41 ปีแล้วครับ

ก่อนหน้านี้ทำอาชีพอะไรมาก่อน?
จริงๆ แล้วผมมาจากการเป็นทนายมาก่อน และถึงมาเป็นพิธีกร ซึ่งผมเข้ามาในวงการนี้ได้เพราะพี่ต้น เขาเป็นแม่แบบที่ดีให้กับเราในวันที่เราไปเล่นเกมโชว์ และเขาเห็นอะไรในตัวของคนๆ นึง ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อ 41 ปีก่อน มีผู้ชายคนหนึ่งไปออกรายการ และเขาย้อนกลับไปพูดกับพิธีกรคนนั้นว่า ถ้าผมจะพูดกับทางบ้าน ผมต้องพูดกับกล้องไหน ซึ่งพี่โยที่เป็นพิธีกรก็ไม่เคยเจอมาก่อน ว่าจะมีคนแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วพอหลังจากนั้นไป พี่ต้นก็ไปดูเทป เขาก็เลยบอกว่าผมบ้านี่หว่า เราเป็นคนกล้า เราเป็นคนใช้ได้ เลยเรียกมาคุย
...
ซึ่งคุยไปคุยมาเขาก็รู้ว่าเราเป็นทนายความ อยู่อีกประมาณเดือนนึงเขาก็เรียกเราให้ไปหา ซึ่งเราคิดว่าเราเป็นทนาย เขาเรียกเราไปหาก็คงมีงานให้เรา คิดว่าเป็นงานทนาย เราก็ดีใจกับมัน พอผมฟังปุ๊บ เขาบอกว่าเป็นงานพิธีกร ผมบอกไม่เป็น ไม่เอาดีกว่า ไม่ชอบออกทีวี แล้วมันไม่ใช่ชีวิตของผมเลย เพราะผมเป็นทนายความ ซึ่งเราไม่อยากเป็นเลย
แล้วพอกลับบ้านก็ไปเล่าให้เมียฟัง เมียก็บอกว่าเขาไม่ได้บ้าหรอก เธอนั่นแหละบ้า เพราะมีราชรถมาเกยแล้วไม่เอา ซึ่งอีกเดือนนึงพี่ต้นไม่เลิก เขาก็ติดต่อเรามาอีกครั้ง และขอให้เราตัดสินใจใหม่อีกครั้ง เขาก็ขอเวลาหนึ่งเดือน อัดเทปแค่สองวัน ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่กล้าปฏิเสธแล้ว ก็เลยบอกไปว่าได้ครับ นั่นเป็นที่เกิดของผมจนถึงวันนี้

หลงเสน่ห์อะไรในงานพิธีกร?
ไม่มีเลยครับ ไม่มีหลงเสน่ห์ ผมทำงานเพราะว่าหน้าที่ ผมเคยพูดกับลูกว่าให้ผมขายลูกเหม็นผมก็รวยได้ ถ้าเรารู้จักหน้าที่ของมัน
รายการทอล์กโชว์กี่ปีแล้ว?
ประมาณ 20 ปีได้กับรายการ Twilight โชว์ ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ฆ่าใคร เป็น concept ที่เราต้องการให้กำลังใจ ผมมองว่านักฆ่าเยอะแล้ว นักฆ่าในสังคมในตอนนี้ มันเติบโตกับการฆ่าเยอะแล้ว อย่าทำเลย เอาสิ่งดีๆ ขึ้นกับสังคมบ้างก็ได้ อะไรไม่ดีให้ฆ่าความไม่ดี อย่าไปฆ่าคนเลย ผมมองอย่างนั้น และในคนที่ไม่ดีหนึ่งคน เขามีสิ่งดีๆ อีกมากมาย อันนี้ผมยกตัวอย่างเฉยๆ
ซึ่งมีคนๆ หนึ่งมาออกรายการ เขาเป็นลูกกตัญญูด้วย แต่ว่าติดยา ติดเหล้า ติดการพนัน แต่กับแม่เขาถึงไหนถึงกัน กลับบ้านนี่กราบเท้าแม่ เอาเท้าเหยียบหัว เหยียบกระทืบๆ เตะ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเขาคือยอดของกตัญญู และผมก็คุยเรื่องนี้กับเขา ผมไม่ได้คุยเรื่องติดยา ผมไม่ได้คุยเรื่องติดการพนัน ผมไม่ได้คุยเรื่องติดเหล้า แต่ผมคุยเรื่องทำไมถึงนั่งอยู่กับแม่ เขาก็พูดไปร้องไห้ไป ซึ่งคนในวงการจะรู้ว่าผมพูดถึงใคร แต่คนนอกวงการจะไม่รู้ ซึ่งเขาเป็นคนกตัญญูจริงๆ

ทุกคนจะมีมุมไม่ดีและมุมดี แต่รายการคุณอาขอยึดมุมที่เป็นคนดี เอามาเสนอเพื่อให้คุณได้เห็นว่าจริงๆ แล้วในมุมนี้เขาก็มีด้วยเช่นเดียวกัน?
คนอย่างผม ถ้าผมจะเป็นนักฆ่า ผมถามว่าใครจะฆ่าสู้ผมได้ ผมถามเลยสังคมนี้จริงๆ ถ้าอยากรู้ว่าผมจะเป็นนักฆ่า ใครจะรอดจากการฆ่าจากผม เพราะโดยธรรมชาติและโดยอาชีพของทนายที่กดดัน จึงควักแบบไม่รู้จะทำยังไง เอาความจริงจากคุณมาให้ได้ ซึ่งมันมีขั้นตอนในการวางปูไปเรื่อยๆ แต่ว่ายุคปัจจุบันมันเปลี่ยนไป ยิ่งนำเสนอแรงยิ่งดัง แต่จะดังสักกี่ปี
...
เราจะเรียนรู้จากการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร?
ถ้าเกิดคุณคิดจะทำสิ่งไม่ดี และเอาความไม่ดีของคนอื่นมาหากิน และสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง สร้างความสุขให้กับตัวเอง อันนี้อย่าทำเลย มันอยู่ไม่นานหรอก และจิตใจคุณก็จะไม่ดี ต่อไปคุณก็จะแย่ไปเรื่อยๆ ขาดอันนั้นขาดอันนี้ ขาดสำคัญที่สุดคือขาดเพื่อน และที่ขาดที่สุดเลยคือขาดความเคารพตัวเอง เราควรจะต้องพูดกับตัวเองตลอดเวลาว่าเขาก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น ซึ่งจะทำทำไม.


...