เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจไม่น้อย กับเรื่องในอดีตของ โอม ภวัต นักแสดงซีรีส์ชื่อดังที่บูลลี่เพื่อน จนถูกปลดจากพรีเซนเตอร์แบรนด์ดัง โดยทางด้านต้นสังกัด "GMMTV" ก็ไม่รอช้า เตรียมฟ้องกลับพร้อมยันไม่ได้ทำผิดสัญญา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (25 เมษายน 2566) โอม ภวัต ได้ออกมาเปิดใจพูดถึงประเด็นดราม่าเป็นครั้งแรก ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ รักแรกโคตรลืมยาก พร้อมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
อยากจะชี้แจงอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ?
ผมขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้พูดเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงมัธยมต้น ตอนนั้นผมได้รับการลงโทษอย่างถึงที่สุดจากทางโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากมีกรณีนี้เกิดขึ้น ผมได้มีการทักไปขอโทษ เพื่อนที่เป็นคนในเหตุการณ์อีกรอบหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาอ่านแชตผม แต่ไม่ได้ตอบอะไร
อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องในตอนนี้ ?
ด้วยความที่ผมและกลุ่มเพื่อนมีความคึกคะนอง จนบางทีอาจจะเลยเถิดจนทำให้เพื่อนเกิดบาดแผลในจิตใจ หรือรู้สึกไม่ดี ตอนนั้นผมได้ถูกลงโทษและทำการขอโทษเพื่อนต่อหน้าแล้ว และโทรไปขอโทษผู้ปกครองของเพื่อนด้วย
...
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นจนถึงตอนนี้ ให้บทเรียนอะไรโอม ?
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผมจดจำไม่ลืม เป็นบาดแผลในจิตใจผมเหมือนกัน ผมก็มีความละอายใจตัวเองที่ทำแบบนั้นลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ พอเรื่องราวมันเกิดขึ้นมาอีก ผมก็ขอโทษจริงๆ จากใจ ที่เรื่องราวในอดีตมันสร้างบาดแผลให้กับเพื่อน รวมถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องราวครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนปกติหรือไม่ ไม่มีใครควรโดนแกล้ง เราควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่สอนผมมาตลอด ว่าผมต้องไม่ทำแบบนั้นอีก ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น มองโลกกว้างขึ้น ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเพื่อนเป็นคนพิเศษ แล้วก็รู้สึกผิดมาโดยตลอดมาจนถึงวันนี้ ผมไม่มีเจตนาทำให้เกิดบาดแผลในจิตใจกับใครก็ตาม จริงๆ ครับ
ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นเราเครียดไหม จัดการกับตัวเองยังไง ?
เครียดครับ ผมวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดก่อน พอผมรู้ตัวว่าผมผิดจริงๆ ผมเลยแถลงเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเองก่อน รวมทักไปขอโทษเพื่อนที่เป็นคู่กรณีโดยตรงอีกครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าที่โพสต์ไปมันจะทำให้เรื่องดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น แต่ในเจตนาของผม ผมแค่ต้องการขอโทษ รู้สึกผิดและสำนึกกับสิ่งที่ได้ทำลงไปจริงๆ รวมทั้งขอโทษเพื่อนคู่กรณีอีกครั้ง รวมทั้งเพื่อนๆ รอบตัวทุกคน พ่อแม่ ทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ที่ต้องมาเสียใจกับเรื่องนี้ครับ
เราได้รับคำยกโทษจากคู่กรณีหรือเปล่า ?
จริงๆ เรื่องมันจบตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมต้นแล้ว เพื่อนก็ให้อภัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นบทลงโทษที่ยิ่งใหญ่มากๆ สำหรับผม ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมไม่ได้อยู่เฉยๆ ผมรู้สึกผิดและละอายใจกับตัวเองอยู่ทุกวันที่ผมต้องตื่นขึ้นมา พูดตรงๆ ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงไม่ทำ วันนี้ผมย้อนอดีตไม่ได้ ผมกลับไปแก้อดีตไม่ได้เลยได้แต่ทำปัจจุบันให้มันดีขึ้น
กระแสความกดดันตลอด หลายเดือนที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง ?
ก็อย่างที่บอกไป มีความเครียดเกิดขึ้นจริงๆ รวมทั้งบางทีไม่อยากออกไปไหน แต่ว่าสิ่งที่สอนผม และเตือนผมเป็นเรื่องที่น่าละอายใจจริงๆ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นแต่แรกแล้ว แต่ในเมื่อผมพลาด ผมทำเพื่อนรู้สึกไม่ดีไปแล้ว ทุกวันนี้ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากขอโทษ รวมถึงเพื่อนทุกๆ คนเลย ผมได้แต่สัญญาและปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีก เป็นโอมคนนิสัยไม่ดีคนนั้นอีก
จากที่เป็นเรื่องของโอมกับเพื่อนสมัยก่อน มันกลายเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อสังคมวงกว้าง หลังจากที่ออกมาพูดโอมคาดหวังให้ทุกคนมองเรายังไงบ้าง ?
ผมขอโทษจริงๆ ตรงนี้อีกครั้ง ทุกคนไม่ต้องรีบให้โอกาส ไม่ต้องรีบให้อภัยผมก็ได้ จริงๆ สิ่งที่ผมเจอ ผมควรได้รับมัน ผมนิสัยไม่ดีเองตอนเด็ก มันเป็นบทลงโทษแก่ตัวผมจริงๆ ครับ จากนี้ผมขอสัญญาตรงนี้ว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก รวมถึงผมอยากให้ยกเคสกรณีศึกษาเลย ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามที่ไม่ดี ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกเลย ทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนเป็นเพื่อนกัน
อยากบอกอะไรกับแฟนคลับของเรา ?
ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ขอโทษทุกคนที่ได้ผลกระทบ ขอโทษแฟนๆ ที่ผมทำให้ผิดหวังเสียใจในตัวผม ขอโทษไปถึงเพื่อนคู่กรณี ที่ผมอาจจะกระทำการตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามในช่วงเวลานั้น ผมย้อนกลับไปอดีตไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้คือผมเรียนรู้ความผิดพลาดในตัวผม และทำตัวเองให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต และสัญญาว่าจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีก ฝากขอบคุณกำลังใจและขอโทษทุกคนจริงๆ ที่ทำให้ผิดหวังเสียใจในตัวผมครับ
...
หลังเกิดเรื่องทำให้เราท้อจนไม่อยากทำงานในวงการหรือเบนสายอื่นเลยมั้ย ?
ถามว่าท้อมั้ย ก็ท้อครับ จากใจเราที่เรารู้สึกผิดมากๆ แล้ว เราไม่รู้จะขอโทษเพื่อนยังไงอีก หนึ่งคือผมขอโทษเพื่อนคู่กรณีแล้ว สองผมออกสเตทเมนต์ในโซเชียลมีเดียส่วนตัวของผมแล้วเพื่อที่จะขอโทษทุกคนที่ผ่านมาเห็น แล้วอีกทีหนึ่ง แต่ผมก็ไม่รู้จะขอโทษยังไง มันก็เครียดครับ แต่ว่าสิ่งที่ผมทำได้ในทุกๆ วันที่ผ่านมาคือผมต้องทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายในแต่ละวันให้ดีที่สุด และปรับปรุงตัว และสำนึกในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ผมสำนึกจริงๆ ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกครับ
เรื่องปลดพรีเซนเตอร์ รายละเอียดเป็นยังไง ?
รายละเอียดที่ค่ายชี้แจงไป ผมไม่ทราบรายละเอียดครับ เป็นเรื่องของทางค่าย เป็นเรื่องของกฎหมายครับ ถ้ามีอะไรอัปเดตรอให้ทางค่ายออกมาชี้แจงดีกว่าครับ (ตกใจไหม) ตกใจครับ และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตัวเราเองตกใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ไหน ซึ่งเราก็ไม่คาดคิดว่ามันจะมาเวย์นี้ ?
ผมละอายใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมคงเสียใจมากๆ กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปตอนสมัยเรียน มันทำให้เป็นบาดแผลที่ฝังลึกในใจเพื่อนจนถึงวันนี้ ผมคงย้อนกลับไปแก้ ก็เสียใจมาจนวันนี้ครับ และเรียนรู้ในตลอดเวลาที่ผ่านมา จริงๆ แล้วหลังจากตอน ม.ต้น ที่จบเรื่อง หลังโดนลงโทษ ผู้ปกครองผมได้โทรไปขอโทษ ผมโดนฟาดโดนไม้เรียว จริงๆ มันหนักมากสำหรับผมตอนนั้น เหมือนเป็นขั้นสุดของโรงเรียนแล้ว แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะโดนแบบนั้น จนได้เห็นพ่อแม่ผมรู้สึกแย่มากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยปฏิญาณกับตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าผมจะดีขึ้นในทุกๆ วัน จะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีก แม้กระทั่งเพื่อนหรือคนรอบตัวที่เราเจตนาทำให้เขามีบาดแผล บางทีผมอาจจะไม่ได้ตั้งใจทั้งกาย วาจา จิตใจ ยังไงผมก็ต้องขอโทษไว้ ณ ตรงนี้
...
ผู้ใหญ่หรือทางค่ายมีการเรียกเราไปตักเตือนไหม เพราะบางคนมองว่าทางค่ายอิกนอร์ไม่เคลื่อนไหวเรื่องโอม ?
เรื่องนี้ทางค่ายไม่เคยนิ่งเฉยเลยตั้งแต่เรื่องเกิดขึ้น ผู้ใหญ่เรียกผมไปคุย สอบถามเรื่องราวทั้งหมด เข้าใจว่าผมได้รับบทลงโทษทุกอย่างแล้ว และให้ผมถือไว้เป็นบทเรียน รวมทั้งโดนตำหนิสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือนอบรม ทั้งหมดทั้งมวลว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีจริงๆ ใดๆ ก็ตามเพื่อย้ำเตือนผมอีกครั้ง ไม่มีใครนิ่งนอนใจ ไม่ว่าจะค่าย ครอบครัวหรือตัวผมเองด้วยครับ.