กำลังมีละครเรื่องแรกทางช่องวัน 31 สำหรับ เตียวหุย เพชรปรัชญา ละคร ตำย่าบอก ประกบนางเอกสุดฮอต เบสท์ รักษ์วนีย์ ซึ่งชีวิตของหนุ่ม เตียวหุย กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ได้ง่าย เดินทางหาประสบการณ์มาแล้วหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ร้องเพลง สุดท้ายได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ช่องวัน 31 ให้มาเป็นพระเอกละคร และวันนี้ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักกับหนุ่มหล่อสุดเท่คนนี้กัน

ประวัติ เตียวหุย เพชรปรัชญา เหลืองเดชานุรักษ์

สำหรับ เตียวหุย เพชรปรัชญา เหลืองเดชานุรักษ์ เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2541 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มาของชื่อเล่น เตียวหุย มาจากชื่อตัวละครในสามก๊ก สามพี่น้อง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ชื่อนี้มาจากคุณพ่อที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน และก็มีลูกพี่ลูกน้องเป็นชื่อตัวละครจีนเหมือนกัน โดยใช้ชื่อว่า ขงเบ้ง จึงตั้งชื่อ เตียวหุย ด้านการศึกษา จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจาก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี คณะสหเวชศาสตร์การจัดการกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันกำลังมีผลงานละครเรื่อง ตำย่าบอก ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเรื่องแรก

...

รู้จักกับ "เตียวหุย" พระเอกดาวรุ่งดวงใหม่ช่องวัน?

ตั้งแต่เด็กที่จำความได้เลยเป็นคนชอบเล่นกีฬาฟุตบอลมาก จากตอนแรกที่สอนเพื่อออกกำลังกายสุดท้ายคุณพ่อดัน และมีผู้ใหญ่เห็นแววชวนให้เราลองเข้าไปอยู่ในสโมสรในตอนช่วงมัธยมปลาย แต่พออยู่ได้ประมาณ 2 ปีก็มีแมวมองมาชวนให้เราเข้าวงการบันเทิง และเราก็อยากเข้าวงการบันเทิงอยู่แล้วด้วย บวกกับการค้นพบตัวเองว่าเราชอบการร้องเพลงเหมือนกันเลยเข้ามาประกวดในรายการเดอะสตาร์ไอดอล เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิงครั้งแรก

ตัดสินใจนานมั้ยเบรกกีฬาฟุตบอลเพื่อเข้าวงการ?

ตัดสินใจไม่นานเลย เพราะคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ไม่น่าจะได้มาง่ายๆ และเราก็ชอบร้องเพลงด้วย และคิดว่าถ้าเราจะกลับไปเล่นกีฬาเมื่อไหร่อนาคตเราก็สามารถทำได้อยู่แล้ว และการที่ได้มาทำอาชีพนักแสดงทำให้เรามองเห็นว่ามันก็เหมือนอาชีพอื่นๆ ที่เราก็ต้องเตรียมความพร้อมเป็นของตัวเอง เพราะคู่แข่งมันมีหมดทุกวงการอยู่แล้ว มันก็อยู่ที่ว่าเราพร้อมแค่ไหนถ้าโอกาสมันมาถึง และถ้าเราไม่ได้พัฒนาตัวเองพอถึงเวลาที่โอกาสมันมาก็จะหลุดลอยไป

เข้าสู่วงการบันเทิงได้ยังไง?

หลังจากที่พี่บอยได้เห็นศักยภาพของเรา เลยเข้ามาถามว่านอกจากร้องเพลงแล้วชอบงานแสดงด้วยไหม เราก็เลยบอกไปว่าอยากลองเหมือนกัน แต่ส่วนที่ได้ไปเล่นตำย่าบอก เพราะเหมือนคุณแดงเห็นเราจากในรายการเดอะสตาร์ และเค้ารู้สึกว่าเค้าชอบเราเค้าเลยเรียกเราให้มาแคสต์ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นงานแสดงงานแรกเลย ตื่นเต้นมาก ส่วนตัวก็รู้สึกช็อกอยู่ พอเราทราบข่าวว่าเราได้ก็รีบโทรบอกคุณแม่ ทุกคนที่บ้านขนลุกหมดเลยที่บ้านเค้าก็ดีใจเพราะเขาอยากเห็นเราโตขึ้นในวงการนี้ พอเค้ารู้ว่าเราเลือกจะมาอยู่ในวงการนี้แล้วเค้าก็อยากให้ลูกได้เติบโต เหมือนมันอยู่ในจุดที่ว่านี่แหละมันคือวันที่เราได้ก้าวมาอีกขึ้นนึง แล้วเค้าก็ดีใจไปกับเรา

ได้เป็นพระเอกละครเรื่องแรกเป็นยังไงบ้าง?

รู้สึกตื่นเต้นครับ เพราะว่านักแสดงทุกคนเหมือนเค้ามีประสบการณ์มาหมดแล้ว อย่าง น้องเบสท์ นางเอกเหมือนเค้ามีประสบการณ์ต่อหน้ากล้องมานานแล้ว และเค้าก็เคยเป็นนางเอกมาก่อนและเป็นยูทูบเบอร์ อย่างอาดวงดาว คือทุกคนอยู่ในวงการมานานมากๆ

ผู้ใหญ่ในวงการให้คำแนะนำยังไงบ้าง?

อย่างอาดวงดาวเค้าก็ให้ความรู้เราเยอะมาก เพราะว่าเราไม่ได้เลยจริงๆ อาดาวซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์เยอะเขาก็จะคอยสอนว่าแบบนี้ไม่ได้นะ หรือว่าบทนี้มันต้องไปด้วยความรู้สึกนะไม่ใช่แค่มาพูดเฉยๆ หรือการส่งอินเนอร์ของอาดาวมันทำให้เรารู้สึกแบบสุดๆ เลย ว่าทำไมเราเล่นกับอาดาวเรารู้สึกว่าฟิวมันถึงเลย และถ้าเราเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อสารกับคู่ของเราที่กำลังเล่นด้วยกันอยู่มันจะทำให้เราไปได้โดยธรรมชาติ ซึ่งถ้าเราเข้าใจบทของเรา เราจะรู้ว่าเราเล่นกับใครในแต่ละพาร์ตในแต่ละฉาก

พอได้เล่นแล้วยังมีความกังวลตรงไหนอยู่บ้าง?

...

เหมือนบางทีมันมีความกังวลอะไรหลายๆ อย่างอยู่ ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ และเหมือนพอได้บทมา คิดว่ามันจะจำได้ยังไง เพราะมันเยอะมาก แต่คือก็พยายามบอกตัวเองว่ามันต้องจำได้ เราก็พยายามอ่านดู ซึ่งเราก็ค่อยๆ เก็บดีเทลไปเรื่อยๆ และพออยู่หน้ากล้องมันไม่เหมือนตอนที่เรานั่งซ้อมเองอยู่บ้านหรือลองฝึกพูดคนเดียว เหมือนมันกังวลหลายอย่าง

แต่พอเหมือนได้คุยกับพี่วุธผู้กำกับ มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเล่นไปแล้วมันดรอปลง มันกลายเป็นเหมือนเราไปกดดันตัวเอง แล้วมันเครียดโดยไม่รู้ตัวแต่พยายามจะไม่อะไร ซึ่งมันก็รู้สึกอยู่ดีและผู้กำกับก็เรียกเราไปคุยว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเค้าก็อยากให้ความตื่นเต้นในแต่ละวันที่มาถ่ายมันเป็นพลังบวกทำให้เราอยากทำอยากสนุกกับมัน อย่าไปเครียดกับมันจะทำให้เราแสดงไม่ได้

ซึ่งพอมันปลดล็อกตัวเองทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เพราะพอได้คุยทีนึงมันทำให้เราสบายใจขึ้น เพราะด้วยความใหม่ของเราไม่อยากไปเป็นตัวถ่วงของใคร และไม่อยากทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา เพราะทุกคนค่อนข้างที่จะเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้หรือมีประสบการณ์มาก่อน เราก็เลยกลัวจะเป็นตัวถ่วงเขาทำให้กดดันตัวเอง แต่พอปลดล็อกตรงนั้นได้มันก็ดีขึ้นกว่าตอนแรกเยอะเลย

เตียวหุย พระเอกคนใหม่ เบสท์ รักษ์วนีย์

สำหรับ เบสท์ นางเอกคนแรกของผม คือน้องเค้าเอนเนอร์จี้เยอะมาก เขามีความธรรมชาติสูงจากปกติเวลาที่เค้าถ่ายยูทูบเค้าก็มีพลังอยู่แล้ว พอเขาได้เล่นละครเรามีความรู้สึกว่าเขาธรรมชาติ กลายเป็นว่าพอเราไปเล่นกับเขาเหมือนเอนเนอร์จี้เรามันดรอปลงเราสู้เขาไม่ได้ในช่วงแรกๆ แต่เขาก็สามารถปล่อยพลังบวกให้กับเราได้เยอะมากเหมือนกัน รวมถึงทุกคนที่คอยช่วยผมในเรื่องนี้ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เราพัฒนาขึ้น

เบสท์แนะเทคนิคยังไงบ้างในฉากเลิฟซีน?

...

ซึ่ง น้องเบสท์ เป็นคนน่ารักครับ และเขาก็เป็นคนเฟรนด์ลี่กับทุกคนอยู่แล้ว พอน้องเห็นว่าเราทำอะไรไม่ได้น้องก็คือจะคอยบอกคอยแนะว่าให้ทำอย่างนี้ดู คอยแนะนำก็จะมีเลิฟซีนที่ปกติผมจะไม่ค่อยสู้ตาคน และต้องมาเล่นเลิฟซีนมองหน้าแล้วก็จะมีความเขินอยู่ มันจะมีเหมือนตาแบบคนที่คลั่งรัก น้องก็จะคอยแนะนำว่าเราต้องมองเหมือนคนคลั่งรักดู เพราะปกติเราไม่ค่อยกล้ามองหน้าใครอยู่แล้ว ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากสุดสำหรับผมแล้วในฉากเลิฟซีน เทียบกับซีนอื่นๆ ซีนทะเลาะเราดูเก่ง แต่พอเลิฟซีนปุ๊บดูไม่ค่อยได้

ส่วนตัวยอมรับว่าเขินเบสท์เป็นพิเศษ เพราะเอาจริงๆ ถ้าให้ผมไปมองตาใครผมก็มีความเขินนิดนึงอยู่แล้ว ซึ่งก็ผ่านตรงนั้นมาได้ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน เล่นด้วยกันมาเรื่อยๆ ความใกล้ชิดสนิทสนมมันก็ทำให้เราลดอาการเขินลง ซึ่งมันก็โอเคขึ้น

เลิฟซีนหนักกลัวเจอดราม่าจากแฟนคลับ เบสท์-ตงตง บ้างมั้ย?

จริงๆ ผมคิดว่ามันไม่น่ามีดราม่าอะไรอยู่แล้ว เพราะเวลาทุกคนไปกองละครก็ต่างคนต่างทำงาน ทุกคนก็เหมือนเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว เราคุยเหมือนคนทำงานด้วยกันมากกว่า สำหรับตัวผมไม่กลัวเรื่องดราม่า และผมคิดว่าแฟนคลับของทุกคนเข้าใจอยู่แล้วว่าทุกคนมาทำงาน ซึ่งมันไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้น และคิดว่าไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

...

คาดหวังกับละครเรื่องนี้ยังไงบ้าง?

ก็เป็นเรื่องแรกสำหรับผม ซึ่งก็ยังไม่เห็นตัวเองเหมือนกันว่าเป็นยังไง เราก็ลุ้นไปพร้อมกับทุกคนที่จะดู ซึ่งเราก็ตื่นเต้นและเชื่อว่าทุกคนทำงานเต็มที่ อย่างผู้กำกับเขาก็พูดว่าอันไหนที่ว่าผ่านเค้าก็สกรีนแล้วจริงๆ เพราะเค้าก็ละเอียดอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนๆ เราก็เหมือนจะตื่นเต้นเหมือนกัน และพวกเขาก็คอยซัพพอร์ตช่วยแชร์และรอดูลุ้นตามไปกับเรา แถมตอนนี้แฟนคลับก็เริ่มมีเข้ามาบ้างแล้ว

ยังอยากพัฒนาอะไรตัวเองอีกบ้าง?

อยากพัฒนาทุกด้านเลยครับ ทั้งรูปร่างหน้าตาผิวพรรณคืออยากทำให้มันดีขึ้น รวมไปถึงการแสดงการร้องเพลงทุกอย่าง ผมอยากพัฒนาให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเป็นพิเศษกว่าแต่ก่อนเยอะมาก เพราะด้วยความเป็นนักกีฬามาก่อนแค่ครีมกันแดดผมก็ยังไม่ทาเลย ซึ่งทุกวันนี้อย่างน้อยถ้าได้ทาครีมกันแดดก็คือโอเคแล้ว

สุดท้ายฝากผลงานพระเอกละครเรื่องแรก?

ฝากละครเรื่อง "ตำย่าบอก" ผลงานละครเรื่องแรกของ "เตียวหุย" ด้วยนะครับ เพราะบทบาทที่เราได้รับมันทำให้ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วคนเราก็มีหลายมุม บางทีก็มีความคิดที่แย่บ้างและดีบ้าง ลึกๆ คือเหมือนเรารักคนในครอบครัว แต่เหมือนมันอยู่ในยุคที่ความต้องการของเรามันสูงกว่า เราเลยตัดสินใจทำอะไรที่ไม่โอเคลงไป แต่พอมาถึงวันนึงที่คิดได้เหมือนทุกอย่างมันคือสายไปแล้ว และทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วคนเรามันก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี ซึ่งมันทำให้เห็นมุมมองในสิ่งที่แย่ของเราแต่เราก็สามารถกลับตัวกลับใจได้ กลับมาเป็นคนดีเหมือนเดิมได้

อีกทั้งยังทำให้เห็นมุมมองความคิดเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ว่าเวลาเราออกไปทำงานข้างนอกควรที่จะนึกถึงคนในบ้านก่อนอันดับแรก และห้ามลืมเค้าเป็นเด็ดขาด อย่างน้อยๆ ถ้าไม่มีเวลากลับไปหาก็ควรที่จะโทรศัพท์ไปพูดคุยกับคนในครอบครัว ถามถึงสารทุกข์สุกดิบ อย่าปล่อยให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายจากลูกหลาน รับรองว่ามีทั้งสนุก ตลก ดราม่า เลิฟซีน และยังได้ข้อคิดดีๆ จากเรื่องนี้เยอะพอสมควร ฝากละคร "ตำย่าบอก" ออกอากาศทางช่องวัน 31 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป.