กลุ่มคำใหม่ “พิเศษพิสดาร” ที่ใช้ในการล้อเลียนเขียนล้อ–พูดล้อไปกับการออกเสียงให้ฟังดูน่ารักแบ๊วๆ ใช้กับเรื่องราวและสถานการณ์เชิงบวก (เท่านั้น)
“เกินปุยมุ้ย” ความหมายชัดต้องตรงเผงคือ “เกินไปไหม” หนุ่มแจม–รชตะ “จิว” แห่งคุณชาย เขาหุ่นเท่กะทัดรัดทะมัด ทะแมงแกร่งมัดกล้าม ซ่อนหวามเซ็กซ์แอพพีล เขาช่างดู “เซ็กซี่เกินปุยมุ้ย”
เดียร์ ลิลลี่ แม็คกราธ ผู้ประกาศข่าวบันเทิงช่องวัน “คล่องแคล่วแพรวพราวฉลาดเฉลียวเกินปุยมุ้ย”
แอ็ค โชคชัย ถอดเหล็กดัดฟัน ไว้ผมสั้นสลวยปรกหน้าผากพองาม ร้องเพลงสากลด้วยแก้วเสียงสะอาดละมุนใจ “สดใสน่ารักจับใจเกินปุยมุ้ย” อะไรๆในด้านบวกประมาณนี้
ภาษาในสังคมออนไลน์และในกลุ่มวัยรุ่น มีวิวัฒนาการที่ “แก่นแก้ว” ขึ้นทุกวัน ต๊าซ-เฟียซ-เฟี้ยวเงาะ-สะบะละเฮ้ ฯลฯ ล้วนเป็นภาษาประหลาดลิ้น ตามเข้าใจกันแทบไม่ทัน เพราะมันทั้งเกิดใหม่และดับไปได้ทุกวันพอๆกัน-เหมือนกัน
ความผิดเพี้ยนกลายเป็นความถูกต้อง คำหยาบคายอาจกลายเป็นคำไม่หยาบได้ในพริบตา แบบ “เยี่ยวมาก”(ดีมาก–น่าชื่นชมมาก) “เกินต้าน”(ดีจนไม่สามารถต้านได้) “จ้อจี้” (เรื่องไม่จริง) ก็ “ฉีดยา” (อวย, อวยเวอร์) ให้กลายเป็นเรื่องจริงได้
แล้ว “ยืนหนึ่งอรุ่มเจ๊าะดือจึ้งปั๊วะปัง”(เป็นตัวท็อปยิ้มยั่วกรุ้มกริ่ม ทำตัวดีเลิศประเสริฐศรี) ไอ้ต้าวสุดต๊าซตุย (ไอ้คนน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด มันช่างเริ่ดเลิศมากตายไปเลย!)
ช่างเป็นยุคสมัย “วิไลวิบัติ” ของภาษา เอาปากกามาวงมูฟออนกันไปได้อย่างครึกครื้นรื่นเริงรมย์เสียจริงๆ
...
ทั้งหมดนี้จะรวมเรียกว่ามัน “เกินปุยมุ้ย” ได้ไหมครับ “ไอ้ต้าว” ตัวนี้ทำได้เพียง “มูฟออนเป็นวงกลม”(อยู่ที่เดิมไปไหนไม่ได้) ใครคิดว่า “โดนแกง”(ถูกหลอก) เอาปากกามาวงแล้วยกมือขึ้น ฮาาาาา!!!
“ดร.ศาสตร์ธนิก จุลมณี”
‘‘แจ๋วริมจอ’’
jaewrimjor@gmail.com