อยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 12 ปีแล้ว สำหรับนักร้องหนุ่มเสียงทรงพลัง เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ ที่มีผลงานเพลงป๊อปเพราะๆ อาทิ จากนี้ไปจนนิรันดร์, ไม่มีตรงกลาง, ใจกลางความรู้สึกดีดี, ระหว่างเราสองคน, ตั้งใจ, ไม่ใช่ความลับ, สิ่งที่มันกำลังเกิด ฯลฯ

อีกทั้งแจ้งเกิดเต็มๆ จากการเป็น “หน้ากากอีกาดำ” ในรายการ “The Mask Singer” ทางช่องเวิร์คพอยท์ โด่งดังการร้องคัฟเวอร์เพลงร็อก อาทิ Zombie (ศิลปิน The Cranberries), What’s up (ศิลปิน 4 Non Blondes), Endless Rain (ศิลปิน X Japan), ทิ้งรักลงแม่น้ำ (ศิลปิน Y Not 7) ฯลฯ ที่ทำให้หลายคนรู้ว่า แท้จริงแล้ว เอ๊ะ จิรากร เป็นชาวร็อกท่านหนึ่งเช่นกัน

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์พูดคุยกับ เอ๊ะ จิรากร กับชีวิตหลังจากแจ้งเกิดจากการเป็นหน้ากากอีกาดำ ที่ยังคงขึ้นๆ ลงๆ และยังต้องทำสารพัดอาชีพ ทั้งเปิดค่ายเพลงเล็กๆ โรงเรียนสอนดนตรี ขายสเปรย์ ขายป๊อปคอร์น รวมถึงธุรกิจร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว รวมไปถึงผลงานเพลงล่าสุด “ที่ว่างข้างร่ม” กับสังกัดปัจจุบัน Me Records ตลอดจนชีวิต 12 ปีในวงการเพลง ที่หากมีโอกาสทำคอนเสิร์ตของตัวเอง ก็อยากจะชวน หนึ่ง จักรวาล มาร่วมทำงานด้วยกัน

...

ชีวิตหลังร่วมรายการดัง

เราให้เอ๊ะ จิรากร รีวิวชีวิตหลังไปร่วมรายการ “The Mask Singer หน้ากากนักร้อง” ทางช่องเวิร์คพอยท์ และแจ้งเกิดจาก “หน้ากากอีกาดำ” ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล่าว่า “ชีวิตก็ขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะมี The Mask ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักอะไรมาก พอมารายการก็เป็นที่รู้จัก มีงาน มีเงินทอง ชื่อเสียง แต่มันก็มีการล้มลงไปหลังจากมีโควิด คือวูบเลย จากที่มีงานเป็น 10-20 งานต่อเดือน กลับไม่เหลืออะไรเลย แต่ประสบการณ์นั้นจิตใจเราไม่ได้กระทบเท่าไร แต่กับการที่จะต้องหาเงินในวิกฤติของโควิดมันยาก ซึ่งเราไม่ได้ดูแลแค่เราคนเดียว เรามีครอบครัว มีนักดนตรี

ก็ปรึกษากันว่าทำอะไรดี ก็มาขายกุ้ง เปิดโรงเรียนสอนดนตรี ทุกวันนี้ยังทำอยู่ แต่ก็รู้สึกว่าทำอะไรที่ถนัดดีกว่า แต่กุ้งไม่ได้ทำเพราะใช้เวลานานในการย่างกุ้ง ถามว่าถนัดมั้ยก็ถนัด แต่นานๆ กินทีดีกว่า พอจัดการตัวเองในด้านทำมาหากินได้ก็โอเค ทุกวันนี้ก็ทำอยู่ 4-5 อาชีพ โรงเรียนดนตรียังอยู่ที่บ้าน ร้านเสื้อผ้าที่หยุดไปช่วงโควิดตอนนี้ก็ยังอยู่ทั้ง 2 ร้านครับ และก็ทำเมาท์สเปรย์ Thor มาตั้งแต่โควิด

ส่วนที่เพื่อนชวนทำค่ายเพลง Rocktown Assemble ก็ยังทำอยู่ ก็เป็นแนวเพลงร็อก ทำประมาณ 2 ปีแล้ว สุดท้ายตอนนี้ก็หันมาทำป๊อปคอร์นด้วย คือเรารู้สึกว่าอาชีพขายของออนไลน์มันอยู่ได้และไปยาว เราไม่ต้องทำงานตลอด 24 ชม. โควิดทำให้เรารู้ว่าเราไม่สามารถมีอาชีพเดียวได้ ต้องมีอาชีพที่ 2 3 4 5 ถ้ามีครอบครัวก็จะรู้ว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรอีกมากมาย เราต้องไม่หยุด ลูกเยอะด้วยไง”

ด้วยความเป็นหัวหน้าครอบครัว ภาระเยอะ ถามว่ามีเหนื่อยมีท้อไหม เอ๊ะบอกว่า “วันที่ท้อน่าจะเป็นช่วงโควิดแหละ เราไม่รู้จะทำอะไร มันมืดแปดด้าน โควิดคนก็ประหยัดกัน เงินเก็บก็ไม่ค่อยจะมี อาชีพก็ไม่มี ออกมาทำงานก็ไม่ได้ ผ่านมาได้ก็คือสุดยอด ตอนนั้นคือประกาศขายบ้านขายคอนโดฯ แล้วนะ สรุปไม่มีใครซื้อเลย เราก็ต้อง Hold ทรัพย์สินเรา ตอนโควิดเราหลุดไปแค่รถตู้คันนึง แต่อีก 2 คันยังอยู่ ตอนนั้นมีรถ 3 คัน ช่วงนั้นร้านเสื้อผ้าปิดด้วยเพราะห้างปิด แล้วก็มาไลฟ์ขายของ ตอนนี้ก็ยังขายอยู่แต่น้อยแล้ว

ช่วงที่ลำบากสุดๆ ตอนนั้นก็ดาวน์นะ เราเป็นผู้นำครอบครัวแต่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ มันไม่ต่างจากคนเป็นอัมพาต แต่ดีที่มีคนชวนทำโน่นทำนี่ ช่วงนั้นเราเปลี่ยนตัวเองหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนั้นหงอยๆ อยู่ 3-4 เดือน เงินเก็บที่มีอยู่ไม่สามารถดูแลทั้งบ้านได้ ก็ต้องพลิกเลย ช่วงที่ติดโควิดทั้งบ้านไม่ค่อยเครียดเท่าไร เพราะตอนนั้นเงินเก็บยังพอมี ธุรกิจยังพอไปได้ แต่เรื่องร้องเพลงไม่หมดไฟนะ ยังไลฟ์ร้องเพลง เราเป็นคนบ้าเพลงอยู่แล้ว มีสมบัติเก็บไว้เยอะ แผ่นไวนิลราคาเป็นหมื่น แรร์ไอเท็ม แต่ยังไม่ขาย เก็บไว้ก่อน”

...

ถามว่ามีอะไรที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำไหม เอ๊ะบอกว่า “ยังไม่ได้ทำร้านนวด เรารู้สึกว่าอะไรที่มันใกล้ตัวเรา เรามีความรู้ในอาชีพนั้นๆ เรานั่งคุยกับหมอนวดจนเรารู้ว่าต้องนวดยังไง แก้อาการแบบไหน หรืออย่างเราชอบกินอาหารทะเล ก่อนจะเป็นอีกาดำ ก็ทำอาหารทะเลขายที่ CDC มันมีความรู้ติดตัวหมดเลย มันเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วไง แล้วเราเอาสิ่งนั้นเป็นอาชีพ โคตรมีความสุขเลย อยากสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และทำเป็นอาชีพดู”

มั่นใจเพลงร็อกจะกลับมา

เราถามถึงค่ายเพลง Rocktown Assemble ที่ทำมา 2 ปี ว่ามีจุดเด่นอะไร เขาบอกว่า “อ๋อ วงพวกนี้จะอยู่ตามหัวเมืองต่างจังหวัด อย่างน้องๆ วงพัทลุง วุฒิ ป่าบอน เขาดังเลยนะในต่างจังหวัด เราก็คิดว่าน้องๆ ที่มีศักยภาพแบบนี้มีอยู่มากมาย แต่ทุกคนไม่ได้ไปหยิบยกน้องขึ้นมา แต่ของเราจังหวัดเล็กๆ เราก็เอามาหมด เรารู้สึกว่าน้องๆ มีศักยภาพตรงนั้นแล้ว เขาจะมีดนตรีอะไรใหม่ๆ มีเอกลักษณ์พวกนี้ สมมติอยู่ระยอง อาจจะมีคำว่าฮิอยู่ในเพลง เราก็คิดว่าควรดึงศักยภาพน้องให้ได้มากที่สุด

ตอนนี้ทุกคนจะเน้นวงผู้หญิงไอดอล แต่ในด้านวงร็อกไม่มีใครทำ แต่พี่มองว่าในวัฏจักรวงการเพลง มีบางช่วงที่ร็อกรุ่งเรือง เร็กเก้รุ่งเรือง แล้วก็แร็ป ตอนนี้ป๊อปก็กำลังรุ่งเรือง แล้วเดี๋ยวมันก็จะหมุนไป พี่ว่าไม่นานหรอก ไม่เกินครึ่งวัฏจักร อีกสัก 1-2 แนวเพลงแล้วเดี๋ยวร็อกก็จะกลับมา ก็ยังรอตรงนั้นอยู่ แต่ในยุคโควิดคนไม่ได้ออกจากบ้าน ไม่ให้จัดคอนเสิร์ต แล้วมาตรการเพิ่งผ่อนปรน เราก็รู้สึกว่ารอให้ผ่อนปรนเต็มร้อยก่อนนะ แล้วค่อยเอาน้องๆ ออกไปเล่น ตอนนี้เราให้น้องมีรายได้ของตัวเองในการเล่นในผับไปก่อน เพราะบางวงถ้าดังจริงๆ ก็ต้องหยุดเล่นกลางคืน แต่เราอยากให้น้องเก็บตังค์ไปก่อน”

...

ในยุคนี้ที่ค่ายเพลงเยอะและอยู่ยาก ถามว่ากังวลไหม เอ๊ะบอกว่า “เราคิดว่าในความคลาสสิกของตรงนี้ เด็กยุคใหม่ชอบกลับมาคลาสสิก กลับมาฟังเทป ชอบอะไรที่มันลำบาก ลองสังเกตเด็กยุคนี้ชอบเขียนในกระดาษทั้งๆ ที่ไอแพดก็มี ในร้านกิฟต์ช็อปมีเด็กวัยรุ่นเต็มเลย เรารู้สึกว่าเป็นความคลาสสิกที่มันมีมานานแล้ว มันกลับมาอีกรอบแล้ว แล้วในคอนเสิร์ต การดูสดมันโคตรฟินเลย

พี่ว่าเดี๋ยวตรงนั้นมันจะกลับมา การดูออนไลน์คงจะน้อยลง ก็ไม่ได้กังวล เราก็มีช่องทางสำหรับคนที่อยากเสพแบบนั้น เรามีกลุ่มของเราอยู่แล้ว แล้วตอนนี้คนไปร้านเหล้าเยอะมากทั้งๆ ที่ไม่มีคอนเสิร์ต คือคนเก็บกด อยากออกจากบ้าน อยากเจอเพื่อน อยากเที่ยว ร่างกายอยากปะทะ แล้วคนโหยหาดนตรีสดจริงๆ

ถามว่าช่วงนี้ค่ายเพลงทำไปถึงไหนแล้ว เอ๊ะบอกว่ายังไม่ได้เริ่มต้นนับหนึ่ง 2 ปีที่ผ่านมายังทำอะไรไม่ได้ เลยทำรายการกับเพื่อนไปก่อนเพื่อเรียกกระแสในกลุ่ม รอเวลาที่จะผุดมันขึ้นมา

ชีวิตมนุษย์พ่อ

นอกจากหน้าที่นักร้อง รวมถึงอาชีพเสริมต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ เอ๊ะ จิรากร ยังคงทำหน้าที่คุณพ่อของลูกๆ ทั้ง 3 น้องเอญ่า (ลูกสาวคนโต), น้องพีเจ (ลูกชาย), น้องเฌอร์ลีน (ลูกสาวคนเล็ก) ที่ตอนนี้กำลังซนทีเดียว เรียกว่าอยู่ในวัยเรียนรู้

...

เราถามว่าลูกๆ แต่ละคนเป็นยังไงบ้าง เอ๊ะเล่าว่า “ด้วยวิวัฒนาการเดี๋ยวนี้ เราไปดูเรื่องลายมือมาแล้วว่าเด็กคนไหนเกิดมามีเปอร์เซ็นต์ว่าจะมีอาชีพอะไรบ้าง อย่างเอญ่าเขาไม่ได้มาทางดนตรี เขามาทางข้าราชการ ทนาย อัยการ เขาเลยเป็นคนที่ตงฉิน ถ้าเขาผิดก็ยอมรับผิด หรือรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง วิธีซ่อนความผิดเป็นยังไง เขาก็มีความเป็นตัวเขา ปีนี้ 10 ขวบแล้ว ก็ต้องค่อยๆ สอนกันไปเรื่อยๆ แต่เรื่องดนตรียังไม่ได้ชอบอะไร ก็มีไปดูคอนเสิร์ตบ้าง เล่นดนตรีได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น ก็ต้องปล่อยเขาไป

ส่วนน้องพีเจมาแนวตีกลอง วันนั้นเคน (วง Zeal) ไปที่บ้าน ก็ให้เคนดูแล้วว่าน่าจะต่อยอดอะไรได้บ้าง ตอนนี้คุยกับอาจารย์โน้ต วีรฉัตร ที่สอนตีกลอง ก็จะให้เรียนกับอาจารย์โน้ตก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเรียนต่อยอด เราพยายามจะดึงศักยภาพในสิ่งที่เขาจะมีลายเซ็นเป็นของตัวเอง เด็กเดี๋ยวนี้ตีกลองกันเยอะ แต่เราพยายามจะดึงลายเซ็นของเขาให้ไวกว่าคนอื่น แล้วก็ด้านบอล ตอนนี้เตะบอลด้วย อยู่กับเยาวชนของ BG ก็ไปขอฝึก เตะบ้างไม่เตะบ้าง

น้องเฌอร์ลีนตอนนี้อายุ 3-4 ขวบเอง ยังบอกอะไรไม่ได้ เท่าที่สังเกตน่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้านี่แหละ พูดเก่ง คนนี้ได้แม่ แม่ขายของเก่ง แม่บอกเสื้อตัวนี้นิ่มนะ แต่เขาบอกว่าคัน ไปในทิศทางเดียวกัน (หัวเราะ) เป็นคนกวนดี มีความเป็นตัวเอง เราก็วางกองไว้ให้เขา อยู่ที่เขาจะหยิบจับอะไร ถ้าเขาชอบอะไรก็สนับสนุน”

เอ๊ะบอกว่าช่วงนี้ภรรยาจะเหนื่อยหน่อย ปวดหัวกับลูกๆ อย่างน้องเอญ่าจะน่าเป็นห่วงนิดหน่อยเพราะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็ต้องช่วยๆ กัน ด้วยความที่ที่บ้านมีคนเยอะ บางทีก็มีแลกเปลี่ยนทัศนคติกับครูหลายคน จะมีทั้งครูดนตรี ครูสอนภาษาที่มาสอนที่บ้าน ลูกๆ เลยได้คุยกับคนเยอะ รู้จักการวางตัว แต่ด้วยความที่เรียนโรงเรียนอินเตอร์ เรื่องมารยาทแบบไทยก็ต้องค่อยๆ ปรับกันไป แต่ถามว่าเคารพไหมก็เคารพ ก็ค่อยๆ สอนไป

ถามว่ากังวลเรื่องอะไรเกี่ยวกับลูกๆ เอ๊ะบอกว่า “กังวลเรื่องโซเชียลนี่แหละ อย่างเรื่องบูลลี่มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่างเราก็โดนบูลลี่ว่าเตี้ย เราก็ไม่แคร์อะไรเพราะไม่มีผลอะไรกับชีวิต แต่ถามว่ารู้สึกมั้ยรู้สึกนะ แต่ไม่ได้อะไร เราก็เล่นเลย สูง 180 คนก็ฮาไป แล้วก็ไม่กล้าบูลลี่เราต่อเพราะเราเล่นมุกนั้นไปแล้ว ก็พยายามบอกว่าใครไม่ชอบหนูก็ช่างเขา ปล่อยเขาไป เขาไม่ได้รู้จักเรา ไม่มีผลกระทบอะไรกับชีวิตอยู่แล้ว ให้เขาเจอคนเยอะๆ แล้วถามเขาดูว่าคิดยังไง จงเป็นคำถามปลายเปิดให้ลูก อย่าถามว่าอันนี้ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่”

พ่อบ้านใจกล้า

พอถามว่าทำหน้าที่ดูแลลูกแล้ว ดูแลศรีภรรยา ชมพู่ วรัญญา บุญล้ำ ยังไงบ้าง เจ้าตัวตอบติดตลกแบบพ่อบ้านใจกล้า “ดูแลแบบบุฟเฟต์ครับ หากินเอาเอง (หัวเราะ)” ก่อนจะบอกว่าล้อเล่นและพูดว่า “เราอยู่ด้วยกันมา 10 ปีแล้ว มันอยู่เพื่อเติมพลังกันและกัน และเป็นแหล่งพลังงานที่ดีของลูก แค่นั้นก็พอแล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนใคร มันก็เลยมีความรู้สึกว่าไม่ต้องทำให้ทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายหรอก แต่ทำทุกวันให้มีความสุขแค่นั้น วันไหนเมาแฮงก์แล้วหายไปวันนึงโคตรเสียดายชีวิตเลย”

เราแซวว่าบางวันเห็นภรรยาโพสต์ว่าถ้าไม่กลับบ้านเวลานี้จะให้นอนนอกบ้าน เอ๊ะตอบว่า “ก็ไปกับใครล่ะ เป็กซ์ วง Zeal งี้ (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอก ไม่ได้ขี้เมาอะไรขนาดนั้น คือเราแค่ไปเจอเพื่อน ไปปาร์ตี้แค่นั้นเอง ไม่ได้เดือดร้อนใคร แต่เดือดร้อนเมียที่บ้านคอยเก็บนี่แหละ (ยิ้ม)

แต่ไม่ขนาดนั้นหรอก เขาเจอเรามาตั้งแต่ 10 ปีก่อนหน้านี้เราเป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ก็ยังเป็น แต่ก็ห่างลง ไม่ได้ปาร์ตี้ทุกวัน วันไหนมีงานก็ดื่มเล็กๆ น้อยๆ ไป แต่วันไหนไม่มีงานเขาชวนกิน อยู่บ้านนี่บอกเธอกินไปเลย ฉันนั่งดูเธอกิน เขาก็นั่งกินโซจู ดูซีรีส์เกาหลี เดือดร้อนเราไง ต้องมานั่งดูเขาเนี่ย (ยิ้ม)”

ที่ว่างข้างร่ม

ถามถึงเพลงล่าสุด “ที่ว่างข้างร่ม” ว่าการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง เอ๊ะเล่าว่า “คือเราคิดว่าน่าจะมีสักเพลงนึงที่เป็นเพลงฟีลกู๊ด ก็เป็นฟีลฝนตกเหงาๆ แล้วหาใครสักคนที่อยู่ข้างร่มเรา เราได้ฟังเพลง “เธอมากับฝน” ของ X-Surround (เอ็กซ์ ฐิติ เวชบุล) เราก็คิดว่าน่าจะคีย์เดียวกับเราคือเพลง “ใจกลางความรู้สึกดีๆ” เลยคิดว่าน่าจะมิกซ์ผสมกันได้ ให้มันฟีลกู๊ดแบบใจกลางความรู้สึกดีๆ แต่เนื้อหาเกี่ยวกับฝน เลยโทรหาติ๊ก Playground ซึ่งติ๊กกับเอ็กซ์อยู่กลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว เลยเอาเพลงเธอมากับฝนกับใจกลางความรู้สึกดีๆ มาผสมกันในยุคปัจจุบัน 2022 เลยได้คอนเซปต์นี้มา ติ๊กเห็นคนกางร่มแล้วอยู่คนเดียว เลยคิดว่าเฮ้ยเป็นเพลง “ที่ว่างข้างร่ม” มั้ย

พออาทิตย์เดียวก็เพลงนี้มาเลย แล้วเราก็ปรึกษาติ๊กว่าใครจะทำเอ็มวีเพลงนี้ได้บ้าง ติ๊กก็บอกว่าน้า เอ็กซ์ (ฐิติ เวชบุล) ไง เราก็เลยโทรหาเอ็กซ์ดู เอ็กซ์บอกว่าน้า ไม่เคยทำนะ แต่จะลองดู ก็รู้สึกว่าทุกคนดูมีไฟหมดเลย มันลงตัว แล้วได้ร่วมงานกัน 3 คน ก็เบรนสตร์อมว่าเพลงมันควรจะออกมาแนวไหน เอ็มวีก็จะออกเนื้อหาแบบซีรีส์กุ๊กกิ๊กวัยหวาน ซึ่งเข้ากับนักร้อง (ยิ้ม) เลยได้คอนเซปต์ที่ว่างข้างร่มขึ้นมา ส่วนน้องที่เล่นเอ็มวีก็รู้จักกับเอ็กซ์หมดเลย เอาพี่ๆ น้องๆ มาเล่นเอ็มวีกันเอง คือน้องๆ ใน 3 หนุ่ม 3 มุมนี่แหละ

ส่วนผมเป็นผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศ ถามว่าอารมณ์ไหนถึงมาเล่น เอ็กซ์บอกว่าอยากให้พี่อยู่ในซีนด้วยอะ ไหนๆ ก็แต่งตัวคอนเซปต์มาขนาดนี้แล้ว คนไม่ได้เห็นหน้าพี่มานานแล้ว ส่วนใหญ่เห็นแต่พี่นั่งร้องเพลงละครหน้าเครียด ตอนเล่นไม่ยากเลย เหมือนลุงกับหลาน (ยิ้ม) น้องผู้หญิงเขาเล่นเป็นนางเอกเอ็มวีเพลงแรก ส่วนน้องผู้ชายเล่นซีรีส์ก็คล่องอยู่แล้ว พี่ติ๊กก็เล่นเป็นเด็กเสิร์ฟ ภาพรวมเพลงนี้ออกมาโอเค เหมือนทุกคนยังคิดถึงเพลงรักฟีลกู๊ด เพราะมันหายไปนาน พอกลับมาคนก็โอเค แล้วเป็นเพลงที่พี่โอ่ง พี่เก่ง พี่หนีด AB Normal มาทำเพลงให้เรา พอทำเพลงเราเสร็จ เขากลับมารวมเป็น AB Normal เลยนะ ก็เป็นสิ่งที่ดี”

เราแซวว่าพอปล่อยเพลงนี้ (ที่ว่างข้างร่ม) เกิดเหตุการณ์อะไรอีกมั้ย เพราะก่อนหน้านี้ปล่อยเพลงมาแล้วเจอจังหวะนรกตลอด เอ๊ะบอกว่า “ตอนนี้ก็เจอน้ำท่วมครับ ล่าสุดก็มีน้องแซวว่าน้า ฝนไม่หยุดตกเลยนะ เพลงมันสัมพันธ์กับอากาศช่วงนี้ แต่ก่อนหน้านี้เคยเห็นคลิปน้องนักศึกษาเล่าว่าเดินตากฝนแล้วผู้ชายถือร่มมาให้ เขินเฉย (ยิ้ม) ส่วนเอฟซีก็ดีใจที่กลับมาแล้ว มีเพลงตัวเองบ้าง ไม่ใช่มีแต่เพลงละคร แต่เพลงละครไม่เป็นไรเลยนะ

ถามว่ามีคนขอร้องมั้ย บอย พีซเมคเกอร์ เคยขอแล้ว บอกว่าน้าอย่าเพิ่งออกเพลงนะ ถ้าจะออก บอกก่อนสักเดือน 2 เดือน เดี๋ยวได้รับผลกระทบกับการปล่อยเพลงของน้า คือตั้งแต่เป็นอีกาดำก็มีเรื่องตลอดเลย เหมือนมีอาถรรพณ์อะไรสักอย่าง ปล่อยเพลง “ตราบที่ยังหายใจ” ตอนนั้นก็มีข่าวเด็กติดถ้ำหลวง หรืออย่างเพลง “โลกอิจฉา” ก็เจอโควิด ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่ญี่ปุ่น พอปล่อยเพลงปั๊บปิดประเทศเลย เกือบกลับไม่ได้ พอปล่อยเพลง “ฉันมาเพื่อลบคืนวันเก่าๆ” ก็ปิดประเทศอีกรอบ (ยิ้ม)”

12 ปีวงการเพลง

เมื่อถามถึงชีวิตวงการเพลงตลอด 12 ปีที่ผ่านมาว่าเป็นยังไง จะมีคอนเสิร์ตใหญ่เหมือนศิลปินคนอื่นๆ หรือไม่ เอ๊ะนั่งนึกก่อนตอบว่า “ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 กับเพลง “ไม่มีตรงกลาง” ปีนี้ 2565 ก็ 12 ปีแล้ว ก็ยังไปเรื่อยๆ เรื่องคอนเสิร์ตใหญ่แต่ก่อนเคยคิดตอนครบ 10 ปี แต่ตอนนี้ยังไม่อยากจัดนะ อยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่ไม่อยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่เพราะรู้สึกว่ามันเครียดกับตัวเอง เป็นคนร้องเพลงเยอะมากจนจำไม่ได้แล้วว่าร้องเพลงอะไรไปบ้าง แล้วถ้าให้ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ร้องเพลง เราต้องดูเนื้อเพลงเพราะเราจำไม่ได้แน่ๆ มันยากเหมือนกันในการจำเนื้อเพลง จำบล็อกกิ้ง

ถามว่าทำได้มั้ยถ้าทำคอนเสิร์ตใหญ่ ถ้าทำกับพี่หนึ่ง จักรวาล ทำได้ แต่ถ้าทำด้วยตัวเองคงไม่ได้ แรงผลักดันไม่พอ ต้องเป็นคุณหนึ่ง จักรวาล เขาจะพาเราทัวร์ไปเรื่อยๆ บางทีซ้อมคอนเสิร์ต รอบซ้อมกับรอบจริง ไม่เหมือนกันสักรอบ แต่เนื้อเพลงเราไปได้เฉยเพราะอะไรก็ไม่รู้ คนนี้เป็นคนคนนึงที่สามารถดึงศักยภาพของเราออกมาใช้ได้มากที่สุด เราไม่คิดด้วยว่าเรามีของแบบนี้”

ถ้าสมมติมีโอกาสได้ทำคอนเสิร์ตใหญ่จริงๆ จะชวน หนึ่ง จักรวาล มาทำมั้ย เอ๊ะตอบแบบไม่ต้องคิด “ชวน ให้ทำทั้งอันเลย มีตังค์มั้ย ขอยืมตังค์หน่อยสิ (ยิ้ม) จริงๆ ก็ไม่อยากเครียด เพราะความกดดันมันเยอะ ที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็โอเคแล้ว รอสักวันที่ชีวิตมันตกตะกอนก่อน ให้มันถึงเวลานั้นเดี๋ยวมันก็มาเอง ตอนนี้อายุ 46 อีก 4 ปี 50 แล้ว แต่ 46 ยังร้องดึงไมค์ได้อยู่นะ (ยิ้ม) ก็สรุปว่าคอนเสิร์ตของตัวเองก็อยากทำเหมือนกัน แต่คงรอเวลาที่เหมาะสมดีกว่า”

ปิดท้าย เอ๊ะ จิรากร พูดถึงแฟนๆ จิราคาเฟ่ของเขาว่า “ขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่อยู่กันมานานขนาดนี้ ด้วยเรานิสัยแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร มันยากเหมือนกันที่แฟนคลับจะรับได้ พูดตรงๆ แต่ก่อนก็เมา-บหายวายวอด เขาก็ตามไปทุกร้านเหล้า แต่สุดท้ายก็เป็นฟีลเพื่อนกันมากกว่า มันไม่ใช่ฟีลแฟนเพลง มีเรื่องอะไรก็ปรึกษา ทุกคนเหมือนเพื่อนพี่น้องหมดเลย ก็ขอให้อยู่ด้วยกันยาวๆ นานไป รักษาสุขภาพด้วย และก็ฝากช่องทางติดตามผลงานของผมด้วย ติดตามข่าวสารที่แฟนเพจ Me Records และแฟนเพจ Ae Jirakorn อินสตาแกรม @aejirakorn และก็ TikTok @aejirakorn8 ครับ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun