เป็นพระเอกหนุ่มฮอตที่แม้จะยืนอยู่ในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ไม่กี่ปี แต่ชื่อเสียงของหนุ่มคนนี้ไปไกลในหลายประเทศ สำหรับ คิมซอนโฮ หนุ่มหน้าใสเจ้าของลักยิ้มสุดน่ารัก ที่มีผลงานซีรีส์ดังๆ อาทิ ฮันจีพยอง จาก Start-Up และ ฮงดูชิก หรือหัวหน้าฮง จาก Hometown Cha-Cha-Cha ซึ่งบทบาทหัวหน้าฮงก็ทำให้หนุ่มคนนี้เพิ่งคว้ารางวัล Outstanding Korean Drama Star (Actor) ในงาน Seoul International Drama Awards 2022 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ก.ย. 2565 บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

แต่ถ้าใครเป็นซอนโฮฮาดา (แฟนคลับคิมซอนโฮ) ก็จะทราบกันว่า ก่อนจะมาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในทุกวันนี้ เขาคนนี้เติบโตมาจากการเป็นนักแสดงละครเวที และฝีมือการแสดงของเขาทำให้มีแฟนๆ ติดตามผลงานเป็นจำนวนมาก บัตรละครเวทีที่เขาแสดงถูกขายหมดอย่างรวดเร็วทุกรอบ เรียกว่าเป็นไอดอลวงการละครเวทีสุดฮอตของเกาหลีใต้ก็ว่าได้

และเมื่อ Salt Entertainment แจ้งข่าวดีว่าคิมซอนโฮกลับมาเล่นละครเวทีอีกครั้งใน “Touching the Void” ที่โรงละคร Daehakro Art One Theater 2 กับทาง The Best Plays ซึ่งเป็นผลงานละครเวทีเรื่องแรกหลังจากเกิดประเด็นถกเถียงเรื่องส่วนตัวของเขา แน่นอนว่ากลายเป็นกระแสฮือฮาในโซเชียล ว่าการกลับมาครั้งนี้ของเขาจะเป็นอย่างไร และบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ก็มีโอกาสตามไปดูฝีมือการแสดงของหนุ่มฮอตคนนี้ถึงกรุงโซล เกาหลีใต้ ทริปนี้เสียเงินเองทุกบาททุกสตางค์ แต่คุ้มค่ากับความสุขที่ได้กลับมา

...

กว่าจะได้บัตรละครเวที

อย่างที่บอกไปว่าหนุ่มคนนี้ฮอตมากในวงการละครเวที ดังนั้นการจะได้บัตรละครเวทีเรื่องนี้ต้องบอกว่ายาก มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีดวงด้วยนะจ๊ะ เพราะทันทีที่ทางโรงละครเปิดจำหน่ายบัตรทางเว็บไซต์ interpark บัตรถูกขายหมดภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ไม่จบแค่นั้น เพราะบัตรที่ซื้อไปอาจถูกยกเลิกได้ทุกเมื่อ ถ้าหากมีการตรวจสอบพบว่านำไปขายต่อในราคาที่สูงกว่าทางโรงละคร ซึ่งบัตรถ้าซื้อจากโรงละครราคาอยู่ที่ 55,000 วอน (แถวล่างใกล้เวที) แถวชั้น 2 อยู่ที่ 44,000 วอน โดยสมาชิกของโรงละครจะสามารถใช้ส่วนลดได้ แต่ถ้าไปซื้อบัตรจากข้างนอกที่มีคนกดมาขายจะแพงขึ้นอีกมาก

เมื่อบินไปเกาหลี

อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนกังวลก็คือการบินไปเที่ยวเกาหลีใต้ในช่วงโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด เพราะนอกจากจะกังวลเรื่องโควิดแล้ว ตม.เกาหลีก็มีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีคนไทยเดินทางไปทำงานแบบผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ทำให้การตรวจตราต่างๆ ต้องเข้มงวดกว่าเดิม จึงทำให้หลายคนกลัวจะต้องติดอยู่ในห้อง ตม. นานหลาย ชม. ต้องมานั่งตอบคำถามเกี่ยวกับการเดินทาง ทำให้เสียเวลาท่องเที่ยวที่วางแพลนไว้

อีกทั้งยังมีขั้นตอนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าในช่วงการเดินทางปกติที่ผ่านมา ทั้งการขอ K-ETA (เหมือนเป็นการคัดกรองประวัติคนจะเข้าเกาหลีใต้ เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 200-300 บาท) ผ่านเว็บไซต์หรือแอป K-ETA ซึ่งควรขอตั้งแต่เนิ่นๆ พอผ่านแล้วค่อยจองตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงการตรวจ ATK ก่อนเดินทาง 24 ชม. การลง Q-Code (เป็นการลงทะเบียนว่าตรวจ ATK มาแล้วจากเมืองไทย มีข่าวว่าหลัง 3 ก.ย.ไม่ต้องตรวจ ATK ก่อนไปแล้ว) เพื่อแจ้งผลการตรวจโควิดก่อนเดินทาง และการตรวจ RT-PCR หลังถึงเกาหลีใต้ (ค่าตรวจ 80,000 วอน ประมาณ 2,200 บาท) โดยหลังจากตรวจเสร็จ ผลออกมาเป็นลบ จึงสามารถไปท่องเที่ยวได้

แต่ผู้ที่จะไปท่องเที่ยวจริงๆ อย่ากังวลใจ เพราะ ตม.เกาหลี สามารถแยกออกในเบื้องต้นได้อยู่แล้วว่าใครมาท่องเที่ยวจริงๆ หรือใครมาเป็นผีน้อย (ผู้เข้ามาทำงานแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย) แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเตรียมเอกสารให้ครบ ทั้งตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก บัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ หนังสือรับรองการทำงาน รวมถึงแพลนท่องเที่ยวที่วางไว้ เผื่อไว้ว่าหากต้องตอบคำถามกับ ตม. จริงๆ จะได้มีเอกสารยืนยันชัดเจน

...

ส่วนการตรวจ RT-PCR เมื่อถึงเกาหลีแบบวอล์กอินก็ไม่ยุ่งยาก มีเจ้าหน้าที่มาลงทะเบียนให้เสร็จสรรพ หลังจากตรวจเพียง 2-3 ชม. ก็แจ้งผลตรวจผ่านทางอีเมลที่ลงไว้ ซึ่งผู้เขียนเองเมื่อไปถึงที่เกาหลีใต้ก็ผ่าน ตม. แบบสบายๆ ไม่ถูกถามอะไร ส่วนผลตรวจก็ใช้เวลาเพียง 2-3 ชม. ก็ทราบผลแล้ว เข้าที่พักปุ๊บ รู้ผลปั๊บ ไปเที่ยวต่อได้เลย แต่ที่สำคัญอย่าลืมแจ้งผลตรวจ RT-PCR ใน Q-Code ที่เราลงทะเบียนไว้ด้วยนะจ๊ะ

วันนี้ที่รอคอย

ในเมื่อทริปนี้เสียเงินเองทุกบาททุกสตางค์เพื่อมาดูเจ้าชายลักยิ้มคิมซอนโฮ พอมาถึงวันที่จะได้ดูละครเวทีก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ สำหรับการเดินทางมาโรงละคร Daehakro Art One Theater 2 ให้นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Hyehwa Station ทางออก 2 และเดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านสวนสาธารณะมารอนนิเย และ ARKO Art Center จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Dongsung-gil และเลี้ยวซ้ายเข้าซอย Daehak-ro 12-gil เดินตรงขึ้นไปก็จะเห็นโรงละครอยู่ฝั่งขวามือ เยื้องกับคาเฟ่ On the Moment

ส่วนรอบที่เราได้ไปชม เป็นรอบที่ คิมซอนโฮ (รับบทเป็น โจ) แสดงร่วมกับ อีจินฮี (รับบทเป็น เซร่า พี่สาวของโจ), จองฮวาน (รับบทเป็น ไซม่อน เพื่อนที่ไปร่วมปีนเขา Siula Grande กับโจ), โจฮุน (รับบทเป็น ริชาร์ด ผู้จัดการเบสแคมป์เส้นทางเดินเขา Siula Grande) แต่น่าเสียดายที่รอบที่ไปไม่ใช่รอบที่สามารถถ่ายวิดีโอหรือภาพในช่วง Curtain Call หลังจากได้ดูจนจบ ต้องบอกว่าทั้ง 4 คนเป็นนักแสดงละครเวทีมากฝีมือจริงๆ ตลอดการแสดง 110 นาทีพวกเขาได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงแบบมืออาชีพได้อย่างชัดเจน

...

เริ่มต้นที่หนุ่มลักยิ้มของเรา คิมซอนโฮคู่ควรกับคำว่านักแสดงมืออาชีพอย่างสมศักดิ์ศรี เพราะสามารถแสดงบทบาทของโจ ชายหนุ่มผู้หลงใหลการปีนเขาได้สมจริง ซีนเรียกรอยยิ้มก็ทำเอาแฟนๆ ขำหนักทั้งโรง ไม่ว่าจะฉากทำหน้าลามะที่ทั้งตลกทั้งน่ารักน่าหยิก รวมไปถึงซีนใส่แว่นกันแดดและโชว์เต้นเดินไปเดินมากับจองฮวาน ดูแวบแรกสารภาพว่านึกถึงเพลง “เกรงใจ” ของ 2 หนุ่ม Raptor บ้านเราซะงั้น แว่นได้ ชุดก็ได้อีก รวมไปถึงซีนงับแย่งขนมกับอีจินฮีตลกๆ แต่เกิดผิดจังหวะมือที่ถือขนมของอีจินฮีโดนหน้าคิมซอนโฮเข้า แต่ก็แอดลิบต่อด้วยการทำหน้างับต่อ มองหาเศษขนมที่ตกลงพื้นอีก

ซีนดราม่าก็จัดเต็ม เรียกว่าน้ำตาสั่งได้จริงๆ ทั้งนาทีตอนที่ตกเขาจนขาขวาบาดเจ็บ ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดได้ถึงอารมณ์มากๆ รวมถึงความรู้สึกตอนที่เห็นเชือกที่ถูกตัด สีหน้าแววตาสื่อถึงความรู้สึกผิดหวังได้ชัดเจน รวมถึงฉากที่ต้องค่อยๆ ปีนทั้งที่ตัวเองขาหัก ซึ่งต้องเล่นกับทางลาดเอียงของฉากและปีนจากซ้ายไปขวา ต้องใช้แรงพอสมควร เห็นแล้วเมื่อยแทนจริงๆ รวมไปถึงซีนที่หมดแรง ไม่อยากสู้ต่อ เพราะคิดว่าตัวเองใกล้จะตาย แต่นูน่าเซร่าช่วยบิวต์ให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ซึ่งทั้งคู่ก็ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมากๆ

...

พูดถึงความหล่อ ต้องบอกว่าตัวจริงหล่อออร่าหน้าใสมากๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยเจอเมื่อตอนที่คิมซอนโฮเดินทางมาประเทศไทย แต่ก็ได้เจอแบบใกล้ๆ แบบใส่หน้ากาก และเจอในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที แต่เมื่อได้มาดูละครเวทีนอกจากจะได้เห็นความหล่อใส ลักยิ้มน่ารักๆ เสียงหล่อๆ นุ่มๆ เหมือนหน้าตาที่คุ้นเคยมาตลอดแล้ว สิ่งที่จำได้ติดตาเห็นจะเป็นเหนียงกลมๆ ที่เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ว่าแย่งขนมกับนูน่ามากินบ่อยๆ จนเริ่มมีเหนียงหรือเปล่า

ด้านนักแสดงอีก 3 คนที่มาร่วมงานกับคิมซอนโฮ ทั้งนักแสดงสาว อีจินฮี ที่ต้องบอกว่าการแสดงของเธอในบทเซร่าสมบูรณ์แบบมากๆ บทจะเครียดจริงจังก็ทำได้ดีเข้าถึงบทบาท ส่วนจังหวะเฮฮากับคิมซอนโฮก็ทำได้น่ารัก เข้าขากันได้ดีเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ ด้านนักแสดงหนุ่ม จองฮวาน ก็ทำได้ดีกับบทไซม่อน ซึ่งเป็นบทที่มีซีนดราม่าค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีมุมน่ารักๆ ให้แฟนๆ ได้เห็นในช่วงต้นเรื่อง โดยเฉพาะซีนที่ใส่แว่นตาและเต้นกับคิมซอนโฮน่าจะเป็นหนึ่งในฉากที่หลายคนทั้งขำและประทับใจ

ส่วน โจฮุน กับบทริชาร์ด ในตอนแรกเราไม่รู้ว่าบทนี้จะมีอะไรบ้าง แต่พอได้ดูจนจบต้องบอกว่าหนุ่มคนนี้ความสามารถล้นเหลือ ทั้งในเรื่องการดีดกีตาร์ร้องเพลงสดๆ บนเวทีที่ทำได้น่าประทับใจ จังหวะการเล่าเรื่องของริชาร์ดก็เรียกได้ว่าทำได้ดีมาก เข้ากับซีนที่คิมซอนโฮและจองฮวานปีนเขาและเกิดอุบัติเหตุได้อย่างลงตัว บทจะเฮฮากวนๆ ก็ทำได้น่ารักจริงๆ

ด้วยความที่ละครเวทีที่นี่ทั้งเรื่องมีฉากเพียงแค่ฉากเดียว ใช้เสียงประกอบเพื่อความสมจริง นักแสดงมีแค่ไม่กี่คน ตอนเล่นไม่มีการพักเบรก เล่นยาวรวดเดียวจนจบเรื่อง นักแสดงที่เล่นจึงต้องมีความสามารถสูง ซึ่งฝีมือการแสดงของทั้ง 4 คนสมกับเป็นมืออาชีพ เพราะพวกเขาอยู่บนเวทีเกือบทั้งเรื่อง ต้องจำบทพูดยาวๆ แสดงอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ เรียกว่าต้องปรับอารมณ์กันอย่างรวดเร็วตามเนื้อเรื่องที่พาไป

และละครเวทีที่นี่มีหลากหลายเรื่องให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี ซึ่งในย่านแทฮังโนจะมีโรงละครหลายตึก มีนักแสดงที่เล่นละครเวทีเป็นอาชีพ ก็เป็นเสน่ห์ของละครเวทีที่น่าสนใจ เรียกว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดูละครเวทีของผู้เขียน เพราะที่ผ่านมาจะคุ้นเคยกับละครเวทีโปรดักชั่นใหญ่ๆ ที่เมืองไทยมานาน

สิ่งที่ไม่ควรพลาด

ถ้าซอนโฮฮาดาคนไหนมีโอกาสได้ไปชมละครเวทีของพิซอน และอยากได้ของที่ระลึก ทางโรงละครมีการทำพวงกุญแจที่ระลึกละครเวที 3 แบบมาจำหน่าย (จำกัด 1 คนซื้อได้ 4 ชุด) รวมไปถึงหนังสือสูจิบัตรละครเวที ซึ่งจะเปิดขายก่อนทำการแสดง 1 ชม. ถ้าใครจะไปซื้อ บอกเลยว่าต้องรีบไปต่อแถวไวๆ ถ้าไปช้าอาจจะของหมดอดซื้อ หรือต้องรอละครเวทีจบถึงจะมาซื้อได้อีกครั้ง

และเมื่อเราไปถึงบ้านเกิดของคิมซอนโฮทั้งที การตามรอยร้านอาหารที่เขาเคยไปทานเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผู้เขียนและเพื่อนรุ่นน้องไม่พลาดเช่นกัน เริ่มจากร้านแรก Kongnamul Jangsu (콩나물장수) ร้านนี้มีเมนูที่ไม่ควรพลาดคือผัดเผ็ดหมูปลาหมึกถั่วงอก ซึ่งทางร้านแนะนำให้เราสั่งเส้นรามยอนเพิ่มความฟินและอิ่มอร่อย จากนั้นทางร้านหยิบกรรไกรตัดหมู ปลาหมึก ถั่วงอก ให้เล็กลง พร้อมทั้งคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนจะใส่เส้นรามยอนคลุกเข้าไป

และความประทับใจที่มีในร้านนี้ นอกจากราคาอาหารที่ไม่แพงมาก (22,000 วอน / 598 บาท ทานได้ 2-3 คน) คือเจ้าของร้านพอทราบว่าเป็นแฟนคลับคิมซอนโฮแจกสติกเกอร์ของซอนโฮฮาดาไต้หวันอีกด้วย ส่วนใครที่อยากไปลองชิม ให้เดินออกไปหลังโรงละคร Daehakro Art One Theater 2 ทางซ้ายมือประมาณ 400 เมตร ก็จะเจอกับร้าน หรือถ้ากลัวหลงให้เสิร์ช Google Map คำว่า 콩나물장수 หรือ Kongnamul Jangsu ก็ได้

มาถึงร้านที่ 2 Hoho Sikdang (호호식당) เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ใกล้โรงละครเช่นกัน ส่วนเมนูที่หนุ่มลักยิ้มของเราสั่งคือข้าวหน้าปลาแซลมอน เพิ่มความอร่อยด้วยไข่ปลากับอูนิ (ไข่หอยเม่น) รวมไปถึงสปาเกตตีอูนิ ซึ่งก่อนทานทางร้านจะบี้อูนิก่อนและคลุกกับเส้นสปาเกตตีอยู่นาน 2 นาทีจนกลิ่นอูนิจางหายไป ต้องบอกว่าร้านนี้อร่อยแสงออกปากจริงๆ แต่ราคาค่อนข้างสูงนิดนึง เนื่องจากเมนูที่สั่งเป็นอูนิ ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ 41,000 วอน หรือประมาณ 1,113 บาท

ด้วยความเป็นร้านดังในย่านนี้ พื้นที่ร้านค่อนข้างเล็ก เลยต้องรอคิว ซึ่งในวันที่ไปแม้จะฝนตก แต่ก็มีคนต่อคิวทานที่ร้านพอสมควร ส่วนใครอยากไป นั่งรถใต้ดินลงสถานี Hyehwa Station ออกทางออก 3 เดินขึ้นไปและเลี้ยวซ้ายเข้าซอย Daehak-ro 9-gil เดินขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ

ร้านที่ 3 Solsot Daehangno ร้านนี้ก็อยู่ใกล้โรงละคร เป็นร้านข้าวหน้าต่างๆ อาทิ ปลาไหล เนื้อ หมู หอย ฯลฯ มีเครื่องเคียงเบาๆ พร้อมด้วยน้ำซุป ซึ่งเราไม่รู้ว่าร้านนี้คิมซอนโฮสั่งอะไร น้องจึงสั่งข้าวหน้าเนื้อ (ราคา 15,000 วอน) และเราสั่งข้าวหน้าหอยแครง (ราคา 13,000 วอน) ซึ่งมีวิธีการกินด้วย คือต้องคลุกข้าวทั้งหมดก่อนและตักมาพักที่จาน และใส่น้ำซุปเทลงกระทะร้อนก่อนจะใส่ข้าวพองลงไป

รสชาติอาหารถือว่าดีทีเดียว อิ่มท้องกำลังดี ราคาไม่แรงมาก แต่ร้านนี้ก็เป็นร้านดังในย่านนี้เช่นกัน ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์ต้องรอคิว ใครที่อยากไปลอง นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Hyehwa Station ออกทางออก 3 เดินขึ้นไปและเลี้ยวซ้ายเข้าซอย Daehak-ro 11-gil ร้านจะอยู่ฝั่งขวามือ

ส่วนใครที่เลิฟอาหารปิ้งย่างน่าจะถูกใจกับร้านสุดท้ายที่เราไปตามรอยคิมซอนโฮ คือร้าน 청춘극장 (cheongchungeugjang) แถว Haengdang Station ร้านนี้เป็นร้านซี่โครงหมูและซี่โครงเนื้อย่างที่อยู่ในซอยเล็กๆ และเป็นร้านที่มีคนดังเกาหลีมาทานเยอะมาก สังเกตได้จากลายเซ็นที่ติดที่กำแพงร้านนับสิบแผ่น

เราคาดเดาว่าคิมซอนโฮน่าจะสั่งซี่โครงเนื้อย่าง แต่เพราะทางเราไม่กินเนื้อ จึงสั่งซี่โครงหมูมาทาน มีทั้งแบบเผ็ดและไม่เผ็ด มาพร้อมเครื่องเคียงที่จัดให้เต็มโต๊ะตามสไตล์เกาหลี แต่ถ้าใครทานเผ็ดไม่ค่อยเก่ง แนะนำให้สั่งแบบไม่เผ็ดอย่างเดียวดีกว่า เพราะซี่โครงหมูแบบเผ็ดค่อนข้างเผ็ดพอสมควร แต่โดยรวมทั้ง 2 แบบรสชาติดีมาก หอมอร่อย กินเพลินๆ จนหยดสุดท้าย สนนราคามื้อนี้ประมาณ 37,000 วอน หรือประมาณ 1,002 บาท ส่วนใครอยากไปลองชิมบ้าง นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Haengdang Station ทางออก 3 เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ เลี้ยวขวาที่ซอย Haengdang-ro 8-gil ก็จะเจอร้านอาหาร

โปรเจกต์จากแฟนๆ

อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปชมละครเวทีคิมซอนโฮที่โซลคือโปรเจกต์น่ารักๆ จากซอนโฮฮาดาในคาเฟ่ที่เกาหลี ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับโรงละคร โดยในช่วงที่ได้ไปมีโปรเจกต์ของซอนโฮฮาดาที่ร้าน On The Moment ซึ่งอยู่เยื้องกับโรงละคร หน้าร้านจะมีสแตนดี้และป้ายโปรโมตละครเวทีของคิมซอนโฮตั้งอยู่ ส่วนภายในร้านมีภาพรวมผลงานต่างๆ ของคิมซอนโฮ ส่วนใครที่อยากได้พัดลายคิมซอนโฮ ให้สั่งเครื่องดื่มในร้าน จะแถมพัดให้ 1 แก้วต่อ 1 ใบ

และอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่มีโอกาสไปมา คือ The Preferred Seonho Fan Art Exhibition ที่ร้าน The Ski & Coffee ซึ่งอยู่ใกล้โรงละครเช่นกัน เป็นโปรเจกต์ที่จัดขึ้นโดยบ้านซอนโฮนารา หน้าร้านจะมีมุมถ่ายรูปหัวหน้าฮงถือร่มสีชมพู ใครอยากฟินสวมบทเป็นหมอยุนก็แวะไปถ่ายรูปได้ ภายในร้านเต็มไปด้วยภาพแฟนอาร์ตจากแฟนๆ ของคิมซอนโฮในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. ถึง 8 ก.ย. 2565

นอกจากนี้ยังมีโปรเจกต์ป้ายสวยๆ จากซอนโฮฮาดาหลายประเทศ มีทั้งป้ายที่สถานีรถไฟใต้ดิน Hyehwa Station ทางออก 2 รวมไปถึงป้ายสวยๆ ที่ป้ายรถเมล์บนถนน Daehak-ro แฟนๆ ทุกคนที่ได้เจอก็อย่าลืมไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วยนะจ๊ะ แต่ละป้ายสวยๆ ทั้งนั้น ในส่วนของคิมซอนโฮเองก็ให้แฟนๆ สามารถส่งจดหมายถึงเขาได้ ถ้ามีโอกาสอย่าลืมไปส่งจดหมายหรือการ์ดสวยๆ ที่ตู้จดหมายบนชั้น 2 ของโรงละครด้วยนะ

มาถึงตรงนี้เราก็หวังว่าข้อมูลที่รวบรวมมาจะช่วยให้หลายๆ คนที่ตั้งใจจะไปดูละครเวทีและตามรอยเจ้าชายลักยิ้มสุดหล่อได้ข้อมูลที่ต้องการไม่มากก็น้อย ส่วนใครที่ไม่ได้ไปก็ไม่ต้องเสียใจไป เราเชื่อว่าอีกไม่นานคิมซอนโฮน่าจะมีโปรเจกต์ให้แฟนไทยได้ฟินเช่นกัน อย่างน้อยช่วงปลายปีนี้ก็จะได้ติดตามผลงานของคิมซอนโฮกับภาพยนตร์เรื่อง Sad Tropics ในโรงภาพยนตร์ไทยแน่นอน.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : Penguin บินได้, อินสตาแกรม @thebestplay2017, อินสตาแกรม @kimseonho_staff.diary, เพจ MY Kim Seon Ho Thailand
กราฟิก : Chonticha Pinijrob