จากประเด็นที่ แม่ต้อม แม่ของ มิ้วกี้ ไปรยา ที่ได้ออกมาไลฟ์พร้อมกับหลานชาย น้องกาเนส หลังเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ตกใจ เมื่อ แดนนี่ ดานิเอล เบล็สซิ่ง อดีตสามีของ มิ้วกี้ และเป็นพ่อของ น้องกาเนส ได้ปีนรั้วเข้ามาในบ้าน เพื่อมารับลูกไปโรงเรียน แต่น้องไม่สบาย จนกระทั่งมีปากเสียงกัน และอัดคลิปของคุณแม่ เลยทำให้คุณแม่ของมิ้วกี้ ออกมาไลฟ์เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
โดยบอกว่า หลานไม่สบาย และ แดนนี่ ต้องการมารับหลานไปโรงเรียน กดกริ่งหน้าบ้านและโทรเข้ามาหลายครั้งจนทำให้รู้สึกไม่เป็นอันทำอะไร กระทั่งหลานออกไปบอกพ่อว่า ไม่สบาย ทำให้ แดนนี่ ปีนรั้วเข้ามาในบ้านด้วยความโมโห ซึ่งตรงนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังอุ้มน้องกาเนสขึ้นรถด้วย เลยทำให้แม่ต้องเสียงดังบอกให้เอาน้องลงมา และอีกฝ่ายได้อัดคลิปไว้ พร้อมพูดจาไม่ดีใส่คุณแม่ เลยทำให้แม่ของมิ้วกี้ ต้องออกมาไลฟ์เพื่ออธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
...
ล่าสุดช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แดนนี่ ก็ได้ออกมาไลฟ์เพื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมของตนเอง พร้อมบอกขอ #saveครอบครัว แดนนี่ บอกว่า
เรานั่งคุยกับตัวเองพอสมควรว่าเราควรจะโพสต์ จะไลฟ์มั้ย เอาจริงๆ ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเรื่องในครอบครัว ผมไม่ชอบพูด อะไรที่มันเป็นเรื่องในครอบครัว ไม่อยากจะพูดเลยจริงๆ แต่หลายคนรอฟัง ถ้าทุกคนรอฟัง ผมก็จะพูดในมุมข้อเท็จจริงทุกอย่าง
ผมไม่อยากจะเอาเรื่องครอบครัวมาห้ำหั่น มาทำร้ายใคร เพราะมันไม่ใช่ผมเลย เพราะผมคือคุณพ่อ ผมไม่ใช่แค่แฟนคนหนึ่งที่เลิกกันแล้วต้องโกรธ เคียดแค้นกัน ผมกล้าบอกตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ผมนึกถึงลูก ลูกผมมีคนเดียว คือ กาเนส ลูกคือหัวใจทุกๆ อย่าง และสิ่งที่ผมต้องมาบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ก็คือเรื่องส่วนตัวรู้ได้ เพราะเราเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ในบางมุมอย่าลืมสิ ลูกเราเพิ่ง 5 ขวบครึ่ง เขาไม่ได้เป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่ง และมาเจออะไรแล้วเขาจะรับไหว อันนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยพูดอะไร
คำว่า ครอบครัวของผม ก็คือคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี มีลูกด้วยกัน มีความรักให้กัน ทุกอย่างมันเกิดจากความรัก เพราะฉะนั้นเวลาที่สถานะเปลี่ยนไป มันไม่จำเป็นว่าต้องฆ่ากัน สู้กัน เอาให้ตายกันไปข้าง อย่างน้อยก็ในฐานะพ่อแม่ ที่ลูกจะมาดูว่าพ่อแม่ฉันทะเลาะกันแทบตายไปข้างหนึ่ง ผมว่ามันไม่เมคเซนส์ในความรู้สึกของผม หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ
อย่างแรกหลายคนอาจจะมองว่า หลังๆ ทำไมผมไม่ค่อยลงสตอรี่กับลูก ไม่ค่อยมีโพสต์เกี่ยวกับลูก แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาการที่ผมได้เจอลูก ซึ่งเขาคือทุกสิ่งทุกอย่าง เขาคือดวงใจ แต่ผมกลับไม่ได้เจอดวงใจของผม นับครั้งได้เลย ตรงกับช่วงที่ลูกปิดเทอม ซึ่งหน้าที่ที่เราตกลงไว้ว่าจะเป็นคนส่งลูกไปโรงเรียน หน้าที่นี้มันเลยหายไป โอเค เดี๋ยวก็เอาลูกไปต่างจังหวัดละกันเนอะ ลูกไม่อยู่ก็โทรติดต่อ ผมก็บอกว่าอย่างน้อยโทรติดต่อ เฟซไทม์คุยกับลูก หรือถ้าไม่สะดวกจริงๆ ผมจะมีการส่งไลน์กัน เป็นวอยซ์เสียงทักทายลูก ก็มีช่วงแรกๆ ที่มีการโต้ตอบกัน
แต่พอช่วงเวลาหนึ่งสิ่งเหล่านี้มันหายไป ทักทายไป ไม่มีใครโต้ตอบ โทรไปไม่มีใครรับสาย ไปที่บ้านไม่อยู่ ผมก็บอกว่า วันนี้ผมขอไปหาที่บ้านได้มั้ย เนื่องจากคุณมิ้วกี้ติดทำงานที่ต่างจังหวัด ก็เลยขอแม่ยาย ซึ่งเขาไม่อยู่ ไม่รับสาย มันก็อึดอัดอยู่ในใจ
จนมีทนายคนกลางเข้ามาช่วย ที่ต้องมีทนายก็เพราะว่า อดีตภรรยาเคยพูดว่า เขาต้องการหย่า แต่ผมไม่ยอมหย่า เขามีทนายเตรียมไว้แล้วทุกอย่าง แต่ผมบ่ายเบี่ยง ผมขอพูดครั้งแรกเลยนะว่า ถ้าสามีภรรยามีการฟ้องร้องกัน มันก็ต้องสู้ เพราะทนายก็ต้องสู้กันเพื่อเอาชนะ แต่ผมโชคดีที่มีทนายคนกลางเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย บอกตรงๆ เลยว่าคุณคือฮีโร่ที่เข้ามาช่วยครอบครัวเรา ในที่สุดเราก็มานั่งคุย ตกลงกันได้ โดยที่ไม่ต้องสู้กัน เหมือนว่าทุกอย่างจะเคลียร์ ก็คือผมสามารถมาเจอลูกได้ พาเขาไปกินข้าวได้บ้าง เป็นโมเมนต์ที่มีความสุขมาก
แดนนี่ เล่าต่อว่า ตนเองได้ซื้อบัตรชมฟุตบอลนัดแดงเดือด แมนยูฯ - ลิเวอร์พูล เพื่อแจกทั้งลูกค้าและแฟนคลับในราคาที่แพงมาก และตนเองยังเป็นแฟนบอลตัวยงของทีมแมนยูฯ แต่วันนั้นในรอบเดือนเป็นวันที่ได้เจอลูกและอยู่กับลูก ก็ยอมทิ้งบัตรนั้นไม่ไปดูรอบแดงเดือด ซึ่งที่ผ่านมานับเวลาเจอลูกมาโดยตลอด ตนเองยอมทิ้งตั๋วนั้นไม่ไป นั่นคือวันที่ดีใจมาก ได้ใช้เวลากับลูกทั้งวัน
...
โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่เห็นค่าการศึกษาของเด็ก ศุกร์ที่แล้วผมได้เจอลูก 1 ครั้ง ในวันที่ไปประชุมผู้ปกครองและครูประจำชั้น แต่หลังจากนั้นไม่ได้เจออีกเลย จนได้เจอวันพุธ วันพฤหัสที่แล้ว ที่ได้ไปส่งลูก เชื่อมั้ยว่าการไปส่งลูกแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ นั่นคือเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดแล้ว เหมือน You Made My Day ทุกคนรู้ว่า แม้ว่าผมจะทำงานดึก นอนดึก แต่ยังไงพ่อก็ต้องตื่นไปส่งลูกทุกครั้ง เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ลูกอยู่ K1 จนตอนนี้ K3 แล้ว ยกเว้นว่าวันไหนที่มีงานเช้า ส่วนถ้าวันไหนที่ไม่ติดงานก็จะไปรับลูกเอง ซึ่งมันเป็นความรู้สึกเล็กๆ ที่มีความสุข
แต่เมื่อวันจันทร์ที่แล้วไปหาลูกที่บ้าน ไม่รู้ลูกไปไหน จนวันพุธก็ไปหาลูกที่บ้านเพื่อนที่จะไปส่งไปโรงเรียน แต่ก็โดนห้ามไม่ให้ไปส่ง กว่าจะได้ไปส่งก็คือวันพฤหัส เลยรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นหน้าที่เรานะ เรายอมที่จะไม่ไปแฮงก์เอาต์ เพื่อที่จะได้ไปส่งลูกตอนเช้า เพราะการไปส่งลูกคือความสุขของผม
จนกระทั่งวันที่เกิดเรื่องเมื่อเช้า ผมพยายามติดต่อมาตลอดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งคุณมิ้วกี้เขาไม่อยู่ เขาไปมีความสุขที่ต่างประเทศ อันนี้ก็เรื่องของเขา แต่ความสุขของผมคือลูก วันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมติดต่อลูกไม่ได้เลย จนผมต้องพิมพ์ไปหาคุณมิ้วกี้ช่วยติดต่อลูกให้หน่อย โทรไปคุณแม่ไม่รับสาย ไลน์ไปไม่ตอบ ส่งเสียงไปหาลูก ก็ไม่ตอบ
...
เลยขอความช่วยเหลือว่า น้องพี่อยากคุยกับลูกบ้าง พร้อมกับบอกว่า วันจันทร์คือวันนี้ ผมอยากไปส่งลูก จนในที่สุดก็ได้คุยกับคุณแม่ ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 3 นาที ซึ่งผมก็บอกลูกบอกว่า พรุ่งนี้พ่อไปรับนะ จนกระทั่งเมื่อเช้า ผมไปถึงหน้าบ้านเวลา 7 โมงตรง เพื่อที่จะไปรอรับลูก แต่เราก็สงสัยว่าทำไมเงียบจัง เลยกดกริ่ง 1 ครั้ง เงียบ ผ่านไป 2 นาที เลยโทรไปหาคุณแม่ แต่ไม่มีใครรับสาย เลยกดกริ่ง 1 ครั้ง ก็ยังคงเงียบ ก็โทรอีกครั้งว่าเป็นยังไงบ้าง ผ่านไป 7 โมง 8 นาที
ซึ่งคลิปที่ผมถ่ายไว้ คนอาจจะอยากดู แต่ขอบอกเลยว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเปิดให้สื่อสาธารณะดู จนในที่สุดใกล้จะ 7 โมง 10 นาทีแล้ว ผมก็ตะโกนเรียกลูก เพราะกลัวไปโรงเรียนสาย และผมก็ได้กดกริ่งและโทรหาคุณแม่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ไม่มีใครรับ
จนในที่สุดมีเด็กน้อยผมยาวใส่ชุดนอน มายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วกาเนสบอกว่า แด๊ดดี้วันนี้กาเนสไม่สบาย เลยไม่ได้ไปโรงเรียน เราด้วยความที่เป็นพ่อ เราก็ตกใจถามว่าเป็นอะไร เพราะเมื่อวานตอนหัวค่ำยังคุยกันอยู่ว่าแด๊ดดี้จะไปส่งนะ แต่มาตอนเช้าลูกไม่สบาย แต่สิ่งที่กาเนสตอบกลับมาบอกว่า กาเนสก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วสิ่งที่ผมจำได้คือ กาเนสบอกว่า อุ๊ย แด๊ดดี้ กระรอกวิ่งผ่านๆ ผมยังหันไปดูและหัวเราะอยู่เลย
...
พอลูกบอกไม่สบายแล้วเขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอสีหน้าเขาเริ่มไม่ค่อยดี เราก็เริ่มเป็นห่วง สิ่งหนึ่งที่คนเป็นพ่อเหมือนผม การที่รั้วมันกั้นแค่นี้ แล้วบ้านมันก็คือบ้านที่ผมเคยอยู่ ถ้าพูดจริงๆ มันก็ยังเป็นบ้านของผมและผมให้ลูกอยู่ ถ้าพูดกันจริงๆ คุณจะข้ามไปหาเขามั้ย ซึ่งแต่ก่อนเวลาผมลืมกุญแจผมก็ปีนบ้านเป็นประจำ แต่ ณ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป มีกุญแจแต่ใช้ไม่ได้ เพราะกุญแจบ้านทั้งหลังโดนเปลี่ยนหมด ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีปัญหากับการปีนรั้วของผม และที่ผมปีนรั้วเข้าไปเพื่อไปกอดลูก เป็นห่วงลูก
ประเด็นที่ว่าทำไมต้องอัดคลิป ซึ่งคลิปนี้จะไม่มีใครได้เห็น แต่สักวันอาจจะมีประโยชน์ และยืนยันว่าคลิปนี้ไม่หลุดแน่นอน เพราะผมไม่คิดจะทำร้ายใคร
ในช่วงที่ไปต่างจังหวัด ซึ่งคุณมิ้วกี้ไม่อยู่ เขาไปต่างประเทศ แล้วผมไปต่างจังหวัดกับคุณแม่ กับกาเนส เราไปด้วยกัน การที่บอกว่าผมเสียงดัง ทำให้เขาตื่นตระหนก ตื่นกลัว มันไม่ใช่คนที่เราเพิ่งจะใช้ชีวิตด้วยกัน คืออย่างเวลาไปเราไปต่างจังหวัด ก็จะมีผม กาเนส แม่ยาย และหลานอีกคน เราก็จะไปด้วยกัน 4 คน คุณมิ้วกี้ไม่อยู่เราก็ไปกัน เราก็ยังเคยคุยกันมันยังมีโมเมนต์ที่มีความแฮปปี้กันได้เนอะ
แม้สถานะสามีภรรยาจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ลูกยังเป็นลูกของเราอยู่วันยังค่ำ สถานะพ่อกับแม่เปลี่ยนไม่ได้ เรายังคงเป็นพ่อแม่กันตลอดชีพ ซึ่งผมก็เน้นย้ำเสมอว่า ทำอะไรก็นึกถึงลูกเพราะเขาเพิ่งจะ 5 ขวบเอง ไม่ควรจะเอาเด็กมาอยู่ในตรงนั้น อย่าทำเลยครับ เอามาเป็นเครื่องมือกับผมพอแล้ว แต่อย่าเอามานั่งตรงนั้นเลยครับ ถามว่าโกรธมั้ย แต่ผมก็หายใจลึกๆ
ส่วนการ #saveครอบครัว ก็ยังเหมือนเดิม ผมยังถือว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นพ่อของ กาเนส อยู่ เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางทำร้ายใคร ถ้าสมมติว่าคุณมีความสุขอยู่ตรงไหนแล้ว ความสุขของผมคือลูก แบ่งปันความสุขนั้นให้ผมบ้างเถอะ แค่นี้เอง
ถ้าถามว่าค้างคาใจมั้ย ผมค้างคาใจเสมอ แต่ก็จะเดินออกมา เพราะลูกผมยืนตรงนี้ ไม่ขออยากมีประเด็นอะไร เพราะว่าเขาเด็ก 5 ขวบ แต่สิ่งที่เขาบอกคือ เด็ก 5 ขวบรู้เรื่องหมดแล้ว โอเค ผมจะหายใจลึกๆ ไม่พูดอะไรแล้วเดินออกไป.