การกลับมาของอาโปยอดฟอลไอจี 1.7 ล้านกลับมามีชื่อเสียงโด่งดังสุดๆ จากซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่อง KinnPorsche The Series สำหรับ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ก่อนหน้านี้อาโปเคยเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 มีผลงานให้ได้ติดตามมากมาย ก่อนจะตัดสินใจมาเป็นนักแสดงอิสระ จากนั้น อาโป ได้หายหน้าจากวงการบันเทิงไปเกือบ 2 ปี กระทั่งกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง มีฐานแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จำนวนคนฟอลโลว์ในอินสตาแกรมทะลุ 1.7 ล้านไปแล้วก่อนเข้าวงการบันเทิงชีวิตในวัยเด็กสำหรับ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2537 ปัจจุบันอาโปเป็นหนุ่มหล่อวัย 28 ปี ด้วยสัดส่วนที่สูงกว่า 182 ซม. ทำให้แฟนๆ ได้เห็นหน้าเขาในฐานะนายแบบอยู่บ่อยครั้ง อาโป จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนหัวหินวิทยาลัย มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนโยธินบูรณะ และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะย้าย และจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตในเวลาต่อมาผันตัวเป็นนักแสดงอิสระเลือกทางเดินของตัวเองอาโป ณัฐวิญญ์ เล่นละครเรื่องแรก สุดแค้นแสนรัก ปี 2558 กับทางช่อง 3 ซึ่งเรียกว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดเลยก็ว่าได้ เคยฝากผลงานถูกใจแฟนละครมามากมาย ก่อนจะหมดสัญญากับทางช่อง และผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ เขาขอเลือกเส้นทางของตัวเอง มุ่งมั่นเรียนให้จบ ก่อนที่จะไปบวชเรียนศึกษาพระธรรมในช่วงเวลาหนึ่งและออกมาใช้ชีวิตได้ทำอะไรที่อยากทำหายหน้าไป 2 ปีคิดหันหลังให้วงการในช่วงที่ อาโป ได้หายหน้าไปจากวงการบันเทิงกว่า 2 ปีนั้น เขาได้ตัดสินใจหันหลังให้วงการบันเทิง เพื่อไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ไปอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน แต่เจอสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดหนัก ซึ่ง อาโป บอกว่า ถ้าไม่มีโควิดป่านนี้เขาคงใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบเต็มตัว เลยเป็นจุดที่ทำให้ อาโป ตัดสินใจเดินทางกลับไทยทันที และมารับงานแสดงอีกครั้ง โดยตัดสินใจไปแคสต์ซีรีส์เรื่อง KinnPorsche The Series ซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่องแรกของไทย ที่มีฉากบู๊ แอ็กชันแทบจะทั้งเรื่อง เพราะอ่านบทแล้วรู้สึกชอบ เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่เจ้าตัวและผู้จัดการส่วนตัวได้ลองตัดสินใจเข้ามาแคสต์ จนแทบไม่เชื่อกับกระแสเรตติ้งที่ถาโถมเข้ามา มีทั้งแฟนคลับไทยและต่างประเทศ#KinnPorsche แจ้งเกิดอีกครั้งคู่จิ้น #มายอาโปอาโป ณัฐวิญญ์ ได้แสดงเป็นนายเอกครั้งแรก ในบทของ พอร์ช ประกบคู่กับพระเอกสุดฮอตอย่าง มาย ภาคภูมิ ที่เคมีการแสดงของทั้งคู่ดีต่อใจสุดๆ แม้เพิ่งร่วมงานกันครั้งแรก แต่ทั้งคู่แสดงออกมาได้ดีมาก จนทำให้แฟนๆ จับจิ้น กลายเป็นคู่จิ้น #มายอาโป อีกคู่ของวงการซีรีส์วายไปแล้ว ผลงานชิ้นเอกบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อKinnPorsche The Series เหมือนเปิดโลกการแสดงใหม่ให้ อาโป มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะมีผลงานแสดงที่การันตีฝีมือมาแล้วมากมาย แต่การรับเล่นบทนายเอก ก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับเขามากจริงๆ แถมซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำให้ อาโป กลับมามีกระแสและมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงมากขึ้นเป็น 2 เท่า ต้องบอกว่า KinnPorsche The Series ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกของ อาโป ไปแล้ววันที่ตัดสินใจลาวงการชีวิตเป็นของเราอาโป เคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจมาเป็นนักแสดงอิสระว่า "เราอยากจะได้ทำอะไรเราก็ควรได้ทำครับ หันมามองตัวเอง ผมอายุ 25 ในตอนนั้น ถ้าเราเซ็นสัญญาไปเราก็คงไม่ได้ทำอะไรที่เราอยากจะทำอยากจะเป็นเลย มันเหมือนกับทำให้เราอยู่จุดๆ เดิม ถ่ายละครเรื่องนึงมันก็ใช้เวลาปีครึ่งแล้ว พอถ่ายเสร็จก็รับเรื่องใหม่ วนลูปอยู่แบบนี้ มารู้ตัวอีกทีร่างกายเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เหมือนเราขาดชีวิตในส่วนที่มันควรจะเป็นออกไป โปรู้สึกว่าเราควรจะได้ตัดสินชีวิตด้วยตัวเราเองมากกว่า"เรื่องเจ็บปวดในใจสิ่งที่เกลียดที่สุดอาโป เคยเล่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อยากไปต่างประเทศก็เพราะ "ผมทำงานมานาน มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เจ็บปวดในใจผมมาก มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไปต่างประเทศ คือผมรู้สึกว่าคนเท่ากันหมด และผมจะไม่ชอบเวลาที่ เฮ้ย ทำไมคุณถึงทรีตผมแบบนี้ เหมือนไม่ใช่คน เราไม่ใช่พระเจ้า และผมเคยถูกสอนว่า เราเป็นพระเอกนะ เราพูดได้กับแค่คนนี้ รู้จักได้แค่คนนี้ แต่ตอนนั้นผมเด็ก และเขาโตกว่า ผมก็เลยเชื่อว่าควรทำแบบนั้น และสิ่งที่ผมเกลียดมากคือ "ใครๆ เขาก็ทำกันมา" คำถามคือ "ใครๆ นี่ใครเหรอ? ใครวะ?""เป็นปะเนี่ย" คำถามที่เจอบ่อยมากคำฝังใจที่ผ่านมา อาโป เคยถูกถามบ่อยมากว่าเป็นมั้ย? ซึ่งเขาเคยให้คำตอบไว้ว่า "สมัยก่อนเรื่องการเท่าเทียมทางเพศไม่เยอะขนาดนี้ ทุกครั้งที่ไปเจอใครก็มักจะถูกถามจากทุกคนบ่อยครั้งว่า "เป็นปะเนี่ย" เลยทำให้เกิดคำถามในหัวว่า กูผิดเหรอ ซึ่งตอนนั้นยังเด็กก็ไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิด แต่มันฝังใจ เลยทำให้พยายามทำตัวแมน เพื่อกลบปมตรงนี้ไว้ จนกระทั่งพี่ปอนด์ เขาบอกว่า อยากเป็นอะไรเป็นเลย และการที่คนอื่นมานั่งถามเราว่า เราเป็นรึเปล่า เราเป็นมั้ย เอาจริงๆ คุณไม่ต้องไปเสือกเรื่องของเขาก็ได้ โปรู้สึกว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตาม เขาทำดีกับคุณหรือเปล่าล่ะ แล้วคุณควรทำดีต่อเขา เลยรู้สึกว่าอันนี้เกิดขึ้นในกองและสังคม โปว่ามันเสียมารยาทมากนะ ในการที่ถามว่าคุณเป็นอะไร?"โดนบูลลี่จากคนรอบข้างLGBTQ+ ไม่ใช่คนแปลกการมาเล่นซีรีส์วายของ อาโป นั้น เจ้าตัวได้บอกว่า ซีรีส์วายก็คือซีรีส์ทั่วไปที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ และทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิต ไม่ว่าเราจะชอบเพศอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก "โปไม่ได้มองว่ามันวายไม่วายมองว่า อันนี้มันคือชีวิตมนุษย์ มันคือธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าคนในสังคมเวลาเขาใช้ชีวิต ไม่มีใครบอกว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ โปคิดว่าทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิต LGBTQ+ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่แปลก อย่างโปก็เคยโดนบูลลี่เรื่องนี้มาก่อน และโปรู้สึกว่าการที่เราจะชอบเพศอะไร หรือว่าชอบแบบไหนมันไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วโปก็อยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า มนุษย์ก็คือมนุษย์ รักก็คือรัก ทุกสิ่งต่างๆ ที่ทำไม่มีอะไรผิด"การให้เกียรติกันคือสิ่งที่โปแฮปปี้ทุกคนเท่าเทียมกัน"ผมเชื่อว่านักแสดงคืออาชีพหนึ่ง รู้สึกว่าทุกอาชีพเหมือนกันหมด ในหนึ่งกองมันมีแบบ ช่างไฟ สวัสดิการ ใครๆ ก็ตาม ถ้าเขาไม่เอาของมาให้เรา เราไม่มีกินแน่นอน ทำงานมาเหนื่อย จะเดินไปซื้อเหรอ มันเป็นไปไม่ได้ ทุกหน้าที่ควรให้เกียรติกัน พี่ปอนด์สอนเด็กในค่ายทุกคนว่า ทุกคนเท่ากัน ต่อให้คุณจะมีแฟนคลับเยอะแค่ไหน เพราะคุณมีผลงาน เขาเลยรักคุณ ถ้าคุณไม่มีผลงานคนไม่รักคุณแน่นอน งั้นทุกคนเท่ากัน นี่คือมาตรฐานที่โปแฮปปี้" ขอบคุณทุกการซัพพอร์ตขอบคุณที่รักกันอาโป เผยว่า ในวันที่ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์ แต่รู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่เดินเคียงข้างกันมาตลอด และพวกเขาเหล่านี้ทำให้มั่นใจมากขึ้นไปว่า แฟนๆ คือคนที่อยู่เคียงข้าง และเดินไปพร้อมกับเราจริงๆ"คือจริงๆ ตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์ เขาให้การซัพพอร์ตพวกเราดีมาก ก่อนที่จะทำการถ่ายทำ ก่อนที่เทรลเลอร์จะออกแล้ว จริงๆ พวกเราและทีมงาน ตามแท็กอยู่ตลอด เราเห็นทุกๆ กำลังใจ เห็นทุกๆ การซัพพอร์ตที่แฟนๆ มีให้พวกเรารู้สึกขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่เดินเคียงข้างกันมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันที่ทีเซอร์ออกเป็นวันที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ด้วย มันทำให้พวกเรามั่นใจยิ่งขึ้นไปอีกว่าแฟนๆ เดินอยู่ข้างเราจริงๆ นะ ให้การตอบรับที่ดี ก็ขอบคุณมากๆ ครับ"จากใจ อาโป ณัฐวิญญ์.เรื่อง : โอ้ว...ซาร่ากราฟิก : Jutaphun Sooksamphun