• แพทริเซีย กู๊ด ก้าวผ่านดราม่าหนักในชีวิต เป็นบทเรียนที่ดีที่ทำให้โตขึ้น
  • รักต่างวัยกับไฮโซโน้ต วิเศษ ที่ไม่คาดหวัง แต่เป็นรักที่ทำให้โตขึ้น
  • กลัววัยเบญจเพส ตระเวนทำบุญ พร้อมมีสติและไม่ประมาทในการใช้ชีวิต 

ถ้าพูดถึงนักแสดงสาวลูกครึ่งลุคสวยแบ๊ว แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด หลายๆ คนคงจะมีภาพจำของความเป็นสาวน้อยน่ารักกับลักยิ้มแก้มบุ๋มของเธอ แต่วันนี้ แพทริเซีย โตเป็นสาวสะพรั่งในวัย 25 ปี 

วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ แพทริเซีย หลังจากที่ไม่ได้เจอกับเธอมานาน เพื่ออัปเดตเรื่องราวชีวิตของนางเอกสาวหลังจากที่ผ่านดราม่าสุดแซ่บเมื่อปี 2562 ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรทั้งเรื่องราวชีวิต ความรักที่หลายๆ คนยังจับตามอง 

บทเรียนชีวิต

เข้าวงการมาก็เป็น 10 ปีแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เด็กสาวลุคแบ๊วๆ เหมือนที่ใครๆ เคยเห็น แพทริเซียในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวยิ้มก่อนจะเล่าให้เราฟังว่า 

...

"แพทอยู่ในวงการมาน่าจะ 10 ปีแล้วมั้งคะ รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นเยอะ และช่วงนี้ทำงานเยอะที่สุดแล้ว ถ่ายละครเยอะมาก เอาจริงๆ แพทไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาได้ไกลขนาดนี้

เหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ตั้งเป้าชัดว่ามีจุดมุ่งหมายคืออะไร หรือว่าทำไปเพราะรัก หรือทำเพราะสนุกหรือชอบ พอโตขึ้นก็รู้ตัวว่านี่คืออาชีพที่ชอบและทุ่มเทกับมันได้จริงๆ ก็เริ่มมีเป้าหมายในชีวิต อยากจะลองเล่นบทนั้นบทนี้ ก็อยากพิสูจน์ฝีมือตัวเองค่ะ 

อยู่ตั้งแต่เป็นน้องแพท จนตอนนี้เป็นพี่แพท โดนยกมือไหว้แล้ว เศร้ามาก (หัวเราะ) รู้สึกแก่ ไม่ชินเลย แต่ในเวลาเดียวกันก็ภูมิใจที่เราอยู่มาได้นานขนาดนี้ แต่แพทยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ เส้นทางชีวิตของแพทยังอีกยาวไกลค่ะ"

เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนัก แต่แพทริเซียก็ก้าวผ่านเรื่องราวดราม่าครั้งนั้นมาได้ เราถามนางเอกสาวคนสวยว่า รู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าให้เราฟังว่า 

"เรื่องราวที่ผ่านมา มันไม่ได้มีเอฟเฟกต์กับการทำงานเท่าไร แต่ทำให้แพทได้รู้ว่าชีวิตไม่ได้สวยงาม และยังมีอะไรที่หนักๆ บนโลกนี้อีกเยอะ

ทำให้แพทเข้าใจโลกมากขึ้นว่าคนมีหลายรูปแบบมาก เมื่อก่อนแพทเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่ดี จะไม่ค่อยคิดเยอะ ทำอะไรตรงๆ พอโตขึ้นรู้สึกว่าทุกอย่างมันต้องคิดเยอะกว่านี้

จะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับแพทมันคือสิ่งที่ดี และแพทก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะถ้าจะยังอยู่ในวงการบันเทิง ก็ค่อยๆ เติบโตและเรียนรู้ไป 

การทำงานในวงการที่มีการแข่งขันมันเยอะ แพทจะทำยังไงให้อยู่ได้และเป็นที่จดจำ ทุกอย่างมันสอนแพทหมด และแพทโชคดีมากที่ยังมีโอกาสทำงานตรงนี้อยู่และได้รับบทดีๆ อยู่เสมอ"

พักเรื่องเรียนมาลุยงาน

ก่อนหน้านี้ แพทริเซีย มีแพลนจะไปเรียนจบปริญญาโทที่ต่างประเทศ ถึงขั้นขอพักงานในวงการบันเทิงเพื่อไปเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยกลับมาลุยงานใหม่ แต่ดูเหมือนแพลนชีวิตของเธอจะเปลี่ยน ซึ่งแพทเล่าให้ฟังว่า 

"ก่อนหน้านี้แพทมีแพลนเรียนต่อ แต่ก็ต้องพักไปก่อน ตั้งแต่มีโควิดก็ยกเลิก ซึ่งแพทได้รับการตอบรับจากทางนั้นมาแล้วนะคะ

แต่ก็แอบเสียดายที่จะต้องไปนั่งเรียนออนไลน์ที่นู้นๆ ทั้งๆ ที่จ่ายเงินทุกอย่างไป เลยไม่เอาเงินไปเสียกับตรงนั้น และประจวบเหมาะที่ช่วงนั้นก็ได้ไปรับเล่น เด็กใหม่ 2 เลยทำให้รู้สึกเอนจอยกับการแสดง

หลังจากนั้นก็บอกช่องว่าแพทไม่ไปเรียนแล้วนะคะ ส่งงานมาได้เลย และแพทก็เลยกลับมาลุยงาน ซึ่งแฮปปี้มาก รู้สึกตัดสินใจถูกที่เลือกทำงาน"

จากนั้น แพทริเซีย เล่าให้ฟังต่อว่า ในช่วงที่เธอมีความมุ่งมั่นที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศนั้น ทำให้เธอมีโฟกัสที่เรื่องเรียนมากจนไม่มีโฟกัสกับการทำงาน 

"ในช่วงที่ยังตัดสินใจว่าจะไปเรียน โฟกัสของแพทไปอยู่ที่เรื่องเรียน แพทรู้สึกว่าเราเรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 1 มาก็ต้องเรียนโทให้จบเร็วที่สุด

ซึ่งจริงๆ มันอาจจะไม่จำเป็นก็ได้ เรียนในไทยก็ได้ มันไม่ได้จำเป็นต้องเรียนในตอนนั้น พอได้มีโอกาสทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ก็รู้สึกว่าเราก็ทำตรงนี้ก่อนดีกว่า" 

...

ความภูมิใจของแพทริเซีย 

อย่างที่หลายคนรู้กัน แพทริเซีย นั้นได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเด็ก จนตอนนี้เธอเรียนจบและกำลังเตรียมพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งแพทเล่าถึงความภูมิใจในเรื่องนี้ของเธอให้ฟังว่า 

"ด้วยความที่แพททำงานเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ก็รู้สึกภูมิใจนะคะที่ช่วยเหลือในบ้านได้ตั้งแต่อายุยังน้อย น้องชายแพทก็ช่วยส่งเรียน แต่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้อยากให้แพทรับผิดชอบเต็มๆ ขนาดนั้น

แต่ว่าอีกไม่นาน ถ้าคุณพ่อเกษียณ แพทก็คงต้องดูแลและเป็นผู้นำครอบครัว และแพทก็พร้อมที่จะดูแลครอบครัว รับไม้ต่อจากคุณพ่อค่ะ (ยิ้ม)"

ความกดดันจากการทำงาน 

เพราะยังมีความสุขและสนุกที่ได้ทำงานในวงการบันเทิง งานนี้ แพทริเซีย จึงมีความตั้งใจที่จะทำงานในวงการบันเทิงต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้บางครั้งการทำงานของเธอจะต้องได้รับแรงกดดันจากการทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา 

"แพทอยากจะทำงานในวงการไปเรื่อยๆ ทำไปจนกว่าจะรู้สึกไม่อยากทำ ตอนนี้ก็มีความสุขกับการทำงาน รู้สึกว่าเราเต็มที่

...

ถ้ารู้สึกเหนื่อย ไม่โอเค หรือมีความสนใจอย่างอื่น ก็อาจจะถึงเวลาที่จะเฟดออกไป แต่บอกไม่ได้นะว่ามันจะเป็นเมื่อไหร่ แต่ทุกวันนี้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และโชคดีที่ทำแล้วได้เงินด้วย 

เวลาที่เจอแรงกดดัน แพทจะโฟกัสในสิ่งที่มันจำเป็น พวกคอมเมนต์ที่ไม่เกี่ยวกับงานแพทจะไม่ให้ความสำคัญเท่าไร

เพราะหน้าที่ของแพทคือมาทำงาน ทำการแสดงเล่นเป็นบทบาทนั้นๆ นอกเหนือจากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติมาก ไม่ได้ให้อะไรมากระทบจิตใจเราได้ เลือกที่จะเสพข่าว อ่านแค่พอประมาณ"

 

รักต่างวัยที่ไม่คาดหวัง 

ต้องยอมรับว่ารักของ แพทริเซีย และ ไฮโซโน้ต วิเศษ นั้นค่อนข้างจะถูกจับตาไม่น้อยเพราะตอนที่เริ่มคบกันก็เป็นเรื่องราวดราม่าอยู่ไม่น้อย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ความรักของทั้งคู่ก็ยังแฮปปี้ ซึ่งแพทริเซียเล่าถึงความรักต่างวัยให้ฟังว่า 

"ความรักก็ดีค่ะ เร็วเหมือนกัน แป๊บๆ ก็จะสามปีแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกกับความรักครั้งนี้ แต่ดีกว่าที่เราคิด ทุกวันนี้ยังเรียนรู้กันอยู่ ทุกๆ สถานะความสัมพันธ์มันมีอุปสรรค นี่เป็นสิ่งที่แพทได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรัก ซึ่งมันทำให้แพทรู้สึกโตขึ้น

...

เอาจริงๆ แพทไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมันจบไปแล้วนะคะ เพราะว่าคนก็ยังเพ่งเล็งความรักของเราอยู่ และยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันก็ดูหนักหนาสาหัสจริงๆ

แพทก็แค่รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วถ้ามันจะใช่เดี๋ยวมันก็ใช่ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แพทไม่ค่อยลงรูปในโซเชียลเยอะแยะ แพทถึงอยู่แบบเงียบๆ ก็มีความสุข ถ้าวันหนึ่งต้องเลิกกันจริงๆ ก็ค่อยว่ากัน (หัวเราะ) 

ส่วนเรื่องสร้างครอบครัว เอาจริงๆ เขาก็มีคิดเพราะด้วยวัยของเขา แต่แพทเพิ่ง 25 เอง เขาคงไม่อยากกดดันอะไร แต่ก็มีเกริ่นๆ บ้าง บอกว่าอยากมีครอบครัวนะ ด้วยวัยของแพท เขาก็ไม่ได้อยากมาเร่งอะไรมากมาย

แต่จริงๆ แพทว่าอายุไม่ใช่ปัญหา แต่เราก็ต้องชัวร์ มันคืออีกชีวิตของเราที่ต้องไปอยู่กับคนคนหนึ่งทั้งชีวิต ซึ่งไม่รู้เลยว่าเราจะ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ยังไง แต่เขามีความเสมอต้นเสมอปลายนะ เขาทำให้เราสบายใจในทุกๆ เรื่อง" 

กลัวเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นในวัยเบญจเพส

เพราะปีนี้ แพทริเซีย ก้าวเข้าสู่วัย 25 ปี เป็นช่วงเบญจเพส ซึ่งต้องบอกเลยว่า หลายๆ คนมักจะมีความกลัวและต้องระวังตัวให้มากๆ ในช่วงวัยนี้ ซึ่งแพทก็เป็นอีกคนที่มีความกลัวและใช้ชีวิตอย่างมีสติมากๆ 

"ปีนี้แพทอายุ 25 เอาจริงๆ แพทกลัวเรื่องเบญจเพสนะ เรียกว่ากลัวเลย ช่วงเข้าเบญจเพสก็จะขยันทำบุญ ระมัดระวังตัว พยายามมีสติไม่เผลอ ไม่ลืมตัว แพทกลัวเรื่องอุบัติเหตุ ก็พยายามมีสติมากๆ

แพทไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่อยากจะคิดร้าย ไม่อยากมีความคิดว่าจะมีอะไรแย่ๆ เข้ามา ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ก็มีทำบุญภาวนาให้ทุกอย่างโอเค

คือก็มีคนบอกคนเตือนให้แพทระวังไว้ช่วงเบญจเพส เขาบอกว่ามันน่ากลัวนะ และเราไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีเรื่องอะไรก็รอดูต่อไปค่ะ"

ปมเสน่หาพลิกบทบาทครั้งสำคัญ 

ต้องบอกว่าละครเรื่องปมเสน่หา ของผู้จัด เมย์ ปทิดา เป็นละครอีกเรื่องที่ แพทริเซีย ต้องพลิกบทบาทครั้งสำคัญ ซึ่งละครเรื่องนี้แพทค่อนข้างเปลืองตัว ซึ่งเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า 

"ในเรื่องนี้แพทต้องเปลืองตัวมากค่ะ ไม่เคยเล่นเลิฟซีนขนาดนี้เลย ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเล่นอะไรแรงขนาดนี้ แต่พี่เมย์เชื่อในตัวเรา และคงเห็นอะไรในตัวแพท ด้วยหุ่น หน้าตา คือทำได้ ที่เหลือคืออินเนอร์ จะถ่ายทอดออกมายังไง

เอาจริงๆ ตอนแรกก็กดดันนะคะ เพราะบทนี้คนก็คาดหวัง คนรู้จักเวอร์ชันเก่า หลังจากนั้นเราก็มากดดันต่อว่าเราจะทำออกมาดีเท่าที่ทุกคนคิดหรือเปล่า

ก่อนเล่นก็ขอลองอ่านบท ขอไปเวิร์กช็อปก่อน ไม่อยากรับปาก เพราะถ้ารับปากแล้วไปถ่ายจริง แล้วเฟลขึ้นมามันก็จะเสียพี่เมย์ด้วย เลยไปเวิร์กช็อปสองสามครั้ง มันเหมือนเราสงสารตัวละครนี้แล้วรู้สึกอยากเล่นจริงๆ อยากถ่ายทอดทุกอารมณ์ของเขาออกมา" 

เรียกว่าการแสดงครั้งนี้เป็นการสลัดลุคเก่าของเธอไปเลย ซึ่งแพทเล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้มที่ได้โอกาสพิสูจน์ฝีมือทางการแสดงของตัวเองไปอีกขั้น 

"เรื่องนี้เป็นการสลัดลุคเก่าของแพท ครั้งนี้เป็นการก้าวกระโดดจริงๆ รู้สึกโตมากๆ กับบทที่ได้รับ ที่ผ่านมาคือจะดูเด็กมากๆ ครั้งนี้ก็พยายามผลักตัวเอง ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ รู้สึกว่ามันท้าทายดี 

ถามว่าอะไรที่ทำให้เรากล้าฉีกบทบาท ด้วยความที่พี่เมย์เชื่อมั่นในตัวเรา ไปดูผลงานพี่เมย์มาก่อนก็จะมีความแซ่บๆ ฟาดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทไม่เคยทำ ก็เลยอยากมาชาเลนจ์ตัวเอง

บวกกับคิดว่าเราโตแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องโชว์ศักยภาพให้คนดูรู้ว่าเราจริงจังกับงานเราแค่ไหน ไม่ใช่ว่าทำเล่นๆ หรือเป็นงานอดิเรก แต่นี่คืออาชีพเราที่เราก็จริงจัง

และแพทเต็มที่กับละครเรื่องนี้มาก รวมไปถึงพี่เมย์ นักแสดงคนอื่นๆ และทีมงานทุกๆ คน เราเต็มที่และตั้งใจกับละครเรื่องนี้มาก ก็อยากฝากให้ทุกคนช่วยติดตามและซัพพอร์ตพวกเราด้วย เนื้อเรื่องสนุก เข้มข้นและน่าติดตามมากๆ ค่ะ". 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Chonticha Pinijrob