เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งที่ดีกรีความแซ่บไม่เคยแผ่วเลยจริงๆ สำหรับนักร้องลูกทุ่งเจ้าของฉายาสั้นเสมอหู ใบเตยสุธีวัน กุญชร หรือ ใบเตย อาร์สยาม ย้อนเล่าถึงเบื้องหลังความสำเร็จกับตัวตนที่ชัดเจน จนถึงเรื่องราวดราม่าถาโถม เป็นซึมเศร้า หมดหวังในชีวิต จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เธอก้าวผ่านได้อย่างไร พร้อมเปิดอกในรายการ WOODY HELP ME PLEASE
ภาพที่เห็นมาตลอด มั่นใจ สวย เซ็กซี่ รู้สึกว่าเรายังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม?
"อินเนอร์ยังเป็นแบบนั้นอยู่ทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย ถึงแม้จะมีลูกแล้วก็ตามค่ะ มันคือข้างในของเรา มันคือตัวฉัน ความเป็นฉันที่ต่อให้กาลเวลาเปลี่ยนไปแค่ไหน ก็จะยังเป็นแบบนี้แหละ เป็นคนที่มีพื้นฐานคิดว่า I AM WHO I AM มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เริ่มประกวดร้องเพลง รู้สึกว่าการเป็นตัวตนการเป็นตัวเรามันแฮปปี้ที่สุดแล้ว"
จำได้ไหมว่าเจอตัวตนของตัวเองตั้งแต่ตอนไหน?
"ตั้งแต่ 6 ขวบแล้วมั้งคะ เพราะว่าที่บ้าน ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานที่บ้านอย่างคุณแม่คือเหมือนใบเตยชัดเจน เป็น Confident girl เป็น Working women พอเรามาเป็นใบเตย เป็นศิลปิน ฉันแค่เป็นเด็กปกติ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเราอย่างดีมากๆ
หนูยังบอกที่ค่ายเลยว่า ก่อนที่หนูจะเป็นศิลปิน หนูใส่สั้นกว่านี้อีกเยอะมาก ใบเตยเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีโฟกัสตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตเลยอยากเป็นนักร้อง มากรุงเทพฯ ต้องได้ออกอัลบั้มแน่นอน ปรากฏว่าก็ได้ออก เพราะว่าเราร้องลูกทุ่งได้ เขาก็เลยอยากโยกเราไปร้องลูกทุ่ง
รุ่นใบเตยจะมี พี่ลีเดีย โฟร์-มด มีน้องหวาย คือในวันที่เซ็นสัญญาอีก 2 เดือนทุกคนได้ออก แต่หนูหลังจากน้องๆ พวกนี้อีก 4 ปี ณ วันนี้น้องๆ ทุกคนบอกว่าดีใจมากๆ ดีใจแทนพี่เตย เพราะเขารู้ว่าเราอดทนแค่ไหน เห็นเรามาตลอดว่าเราเป็นเด็กใต้ที่เข้ามาแล้ว เหมือนโดนเขม่น โดนด่าตลอด ดำมากๆ เลยนะเธอ ไปฝึกให้ทำยังไงก็ได้ให้ขาวขึ้น สวยขึ้น ต้องผอมลง เยอะมาก"
...
โลกวันนี้เรื่องของสีผิว มันไม่เหมือนสมัยก่อนเลย รู้สึกยังไงบ้าง?
"รู้สึกดีใจมาก เพราะใบเตยรู้สึกว่าความแตกต่างมันคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนเหมือนโดดเด่นออกมา มันคือเสน่ห์ของแต่ละคน ใบเตยรู้สึกว่าคนที่มีสีผิวแบบนี้แล้ว มันยิ่งทำให้เรามั่นใจ ยิ่งทำให้เราโดดเด่น แตกต่างและสมบูรณ์แบบ"
ชินแล้วถูกไหม?
"การดราม่าในชีวิตใบเตย มันเป็นตั้งแต่ก่อนเข้ามาในวงการที่มีซิงเกิล หรืออัลบั้มของตัวเองอีก ไปร้องเพลงเคยโดนแบบว่ามาแย่งถ้วยรางวัล มันมาอีกแล้วเหรออีใบเตย เหมือนโดนกระชากมงฟีลนั้นเลย ก่อนที่จะเข้ามาเป็นศิลปินด้วยซ้ำ มันเลยทำให้เราค่อนข้างสตรองตรงนี้มากๆ คุณพ่อคุณแม่ก็จะสอนแบบไม่เป็นไรลูก เวทีนี้แพ้เดี๋ยวกลับไปฝึกใหม่ เวทีต่อไปต้องชนะ ต้องได้"
ผู้หญิงคนนี้ความสามารถไม่มี มีแต่ความเซ็กซี่ ร้องไม่ได้ ขายแต่เซ็กซี่อย่างเดียว ใจตอนนั้นเราคิดยังไงถึงผ่านมันมาได้?
"เรารู้สึกว่าการเป็นนักร้องมันไม่ใช่แค่มองว่า อุ๊ย! เต้นอย่างเดียว ดูในเอ็มวีอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหน้าเวที คุณคอนโทรลคนทุกงานได้ยังไงในชีวิต The Show Must Go On ได้ ไม่ว่าต้นทางเราจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม"
ช่วงเวลาที่ผ่านมาในการเป็น ใบเตย อาร์สยาม ช่วงไหนที่เสียศูนย์ที่สุด?
"คือเรื่องงานที่เยอะมากๆ จนเจ็บปวดบ่อยมาก เราค่อนข้างก้าวกระโดดความเป็นนักร้องที่ดังภายในปีเดียวเอง จากค่าตัว 5 พัน ภายในปีเดียวค่าตัว 3 แสน คือจำได้ว่าซิงเกิลแรกๆ ออกครึ่งปีแรก เพลงแน่นอก ออกช่วง มิ.ย.-พ.ค. หลังจากนั้นชีวิตพลิกเลย
ตอนนั้นเราตั้งตัวอะไรไม่ค่อยทัน รู้แค่ว่าฉันต้องไปขึ้นคอนเสิร์ตวันไหนบ้างแค่นั้นเอง ตอนนั้นงานเยอะจนเบลอ บอกได้เลยว่าขึ้นเวทีร้องเพลงเบลอมากๆ เต้นๆ อยู่ตอนนั้นมีพายุโซนร้อน ป้ายล้มลงมาทับขา ขาหัก เราต้องนั่งวีลแชร์ร้องเพลงอยู่ 1 เดือน ไม่มีอะไรที่สุดกว่านี้แล้ว"
เจอกับเรื่องอะไรที่หนักหนาบ้างกับช่วงที่ผ่านมา และก้าวผ่านได้อย่างไร?
"ปัญหาซึมเศร้าหลังจากการมีบุตร Mama Blue นั่นเอง ตั้งท้องและน้องเวทมนต์คลอดเป็นช่วงโควิดทั้งหมด ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามันก็เลยออกไปไหนไม่ได้ คือชีวิตเปลี่ยนมากๆ เลย จากที่ต้องตื่นไปร้องเพลง ไปโชว์ตัว กลายเป็นต้องมานั่งเลี้ยงลูกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมให้นม
ตอนนั้นชีวิตเหมือนมืดแปดด้าน ร้องไห้ทั้งวัน รู้สึกหมดหวังในชีวิต มีบางช่วงที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ตอนที่เป็นครั้งแรก พี่แมนก็พยายามจับมือ แล้วบอกพี่แมนว่าต้องจับมือกันให้แน่นนะ ก็เพิ่งรู้ว่ามีคนแมสเสจมาใน Facebook ว่าเป็นอย่างนี้เยอะมากหลังคลอด เลยรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่คนเดียว ก็เป็นกำลังใจให้ก้าวผ่านได้".
...