- เวียร์ ศุกลวัฒน์ เริ่มเป็นหนุ่มในวัย 37 ปี รู้สึกว่าชีวิตเพิ่งเริ่มต้น
- อยากมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย แต่ไม่รีบร้อน ปล่อยไปตามธรรมชาติ
- มีความสุขกับการใช้ชีวิต ซุ่มซื้อที่ดินตามต่างจังหวัดเก็บไว้
เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ นักแสดงหนุ่มที่เข้าวงการมาตั้งแต่อายุยังน้อย จากเด็กหนุ่มที่เล่นละครไม่เป็น แต่เวียร์ก็ค่อยๆ พัฒนาฝีมือทางการแสดงของตัวเองจนกลายเป็นพระเอกเบอร์ 1 ของช่อง 7 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวียร์ ศุกลวัฒน์ โลดแล่นอยู่ในวงการมาถึง 16 ปีแล้ว
วันนี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ เวียร์ ศุกลวัฒน์ เพื่ออัปเดตเรื่องราวชีวิตของพระเอกคนนี้หลังจากที่ได้เติบโตและกลายเป็นพระเอกที่มีชื่อเสียง และมีฝีมือเป็นที่ยอมรับของทุกคน ซึ่งเรื่องราวที่เวียร์ได้เล่าจะทำให้เราได้รู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น
ผมโชคดีที่มีทุกอย่างตั้งแต่อายุยังน้อย
เพราะในเดือนนี้ เวียร์ ศุกลวัฒน์ จะมีอายุครบ 37 ปี เราเลยอยากรู้ว่า แพลนชีวิตในวัย 37 ปีของ เวียร์ นั้นมีทำอะไรให้กับตัวเองบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าแพลนชีวิตให้ได้ฟังว่า
...
"ปีนี้อายุครบ 37 (ยิ้ม) วันเกิดทุกปีก็ทำบุญ ปีนี้อายุเยอะขึ้นอีกแล้ว ให้รางวัลตัวเองตลอด ด้วยความที่ทำงานเยอะ เก็บเงินมาก็ใช้ไปตลอด ทำอะไรที่เราชอบ มีความสุข ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว ทำสวนทำไร่ ซื้อรถ ซื้อบ้าน ทำอะไรที่ตัวเองชอบ ไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ทำไปมีเยอะครับ
จริงๆ แล้วมันเป็นวัยที่ ไม่รู้สิแต่มีคนเคยบอกผมไว้ตอนอายุ 30 ว่ามันกำลังเริ่มโต เป็นหนุ่ม พอ 40 มันก็เป็นหนุ่มเต็มตัว เรากำลังจะเข้าใกล้ 40 แล้ว ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องชัดเจนในเรื่องของไลฟ์สไตล์ต่างๆ
ผมโชคดีอย่างนึงคือเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตแรกๆ ของเรา ในวัยที่เรายังเด็กอยู่ 20 ปลายๆ เราโชคดีพอเรามาถึงจุดนี้ก็มีประมาณนึง ไม่ได้ลำบาก
มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ก็รู้สึกว่าเราได้ใช้ชีวิตของเราเร็ว เที่ยวเร็ว ซื้อที่เร็ว สร้างบ้านเร็ว เริ่มมีความมั่นคงประมาณนึง พอมันมาถึงจุดนึง มันก็ทำให้มองว่า เอ๊ะ พอมีทุกอย่างแล้วเรามีความสุขมั้ย
และตอนนี้เป็นวัยที่รู้สึกว่ากำลังหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ว่าพอมีทุกอย่างแล้วจะไปยังไงต่อ ซึ่งก็ไปต่อได้ ก็มีความสุขของผมไปต่อ ก็มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย
ตอนนี้ก็หางานที่อยากทำจริงๆ ก็เลือกงานประมาณนึงเพราะโตแล้ว เล่นมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลือกในสิ่งที่อยากทำจริงๆ หรือบางทีบท หรือละครบางเรื่องเขาก็เลือกเราเอง อยู่ๆ ก็ต้องไปเล่นเรื่องนั้นมันมีหลายๆ อย่างที่เป็นเรื่องท้าทายและสนุกในชีวิตอยู่
ผมเพิ่งได้คำตอบว่า อายุ 37 มันเพิ่งเริ่มมากๆ เมื่อก่อนผมคิดว่า 30 เพิ่งเริ่ม จริงๆ 37 ก็เพิ่งเริ่ม เมื่อก่อนบางคนกลัวว่า 37 ต้องเล่นเป็นพ่อแล้วนะ แต่ไม่ใช่แล้วนะตอนนี้ เหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไป แพลตฟอร์ม หรือช่องทางต่างๆ มันมีให้นักแสดงในวัยผมโลดแล่นมากกว่าเดิม
มันไม่ใช่เมื่อก่อนที่พอผมอายุ 35 เดี๋ยวต้องเล่นเป็นพ่อพระเอก โถ่ ชีวิต (หัวเราะ) คิดอยู่เลยว่าจริงเหรอเนี่ย ซึ่งมันไม่จริงอีกต่อไปแล้ว ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ
แล้วถ้าเรายังเป็นคนที่มีความสนุกในการทำงาน มีความสามารถ พัฒนาตัวเองแล้วก็เข้าใจตัวเองว่าทำอะไรอยู่ อยู่ในจุดไหน มันยังมีทางให้ไปอีกเยอะเลย มีทางให้สนุกอีกเยอะเลย
ที่เขาบอกอายุ 35 เดี๋ยวจะได้เล่นเป็นพ่อ ผมได้ยินเขาพูดกัน ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะจริงก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว มันเปลี่ยนแล้ว ผมไม่อยากใช้คำว่าพระเอกแล้ว ผมอยากจะเปลี่ยนให้ตัวเองนักแสดงที่อยู่ในละคร เพราะตัวละครอื่นๆ ก็มีความสำคัญเหมือนกันหมด"
เราถาม เวียร์ ศุกลวัฒน์ ต่อว่า เมื่อไม่ยึดติดกับคำว่าพระเอก ทำให้เวียร์เจอเส้นทางในการทำงานในวงการบันเทิงไปได้อีกไกลเลยใช่หรือไม่ งานนี้พระเอกหนุ่มตอบเราว่า
"ไปได้อีกเป็นร้อยๆ ปีเลย (หัวเราะ) ทุกคนไปได้หมด แต่เราก็ต้องมีวิธีการของแต่ละคน จะมาบอกว่าให้ดูแบบเวียร์ บางทีก็ทำเหมือนกันไม่ได้ แต่ละคนก็มีวิธีของตัวเอง ส่วนเรื่องเกษียณ จริงๆ ผมพูดกับตัวเองว่าผมเกษียณไปตั้งนานแล้วนะ ผมทำงานสบายๆ
ไม่ได้ทำงานแบบร้อนเงิน สบายๆ ทำที่อยากทำ เงินก็อยากได้นะ (หัวเราะ) ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายก็คือไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้มีภาระอะไร แต่ว่ายังเป็นอาชีพที่เราสนุก ละครก็อยากเล่น พักก็อยากพัก (หัวเราะ)
พอพักนานๆ ก็คิดถึง พอเล่นเยอะๆ ก็เหนื่อยอยากจะพัก เป็นปกติ แต่พอเจอละครที่สนุก ทีมงาน นักแสดง ก็ไม่อยากปิดกล้องนะ อยากทำยาวๆ เป็นซีรีส์ไปเลย
ขอแบบมีสัก 100 ตอนได้มั้ย (หัวเราะ) เอาแบบซีรีส์ต่างประเทศมีแบบ 8 ซีซั่นอะไรอย่างนี้ ไม่ต้องเล่นอะไรอีกแล้ว แบบนี้มีมั้ยอ่ะ"
...
ตั้งใจอยู่ทำงานจนอายุ 60 ปี
ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา เคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะทำงานในวงการมาได้นานขนาดนี้ จากที่เวียร์บอกว่าได้เข้ามาแบบงงๆ แบบที่ไม่ได้อยากทำ เวียร์ ศุกลวัฒน์ เล่าให้ฟังว่า
"เอาจริงๆ เมื่อก่อนคิดไว้สองแบบคือ คิดว่าระยะเวลาในการทำงานของนักแสดงสั้น คิดว่า 5 ปี 7 ปี ด้วยความที่เมื่อก่อนเห็นไงว่าบางคนก็รีไทร์เร็ว เออรี่เร็ว
แต่เราก็มีความคิดอีกครึ่งหนึ่งว่า ถ้ามองว่ามันคืออาชีพๆ นึงมันต้องยาวสิ มันจะสั้นได้ยังไง ในเมื่อเลือกทำอาชีพนี้แล้ว จบวิศวะมา ถ้าเป็นวิศวะก็ทำถึง 60
เพราะฉะนั้นถ้าเลือกเป็นนักแสดง ทำไมไม่ทำจนถึง 60 ปีล่ะ ทำได้แค่ไม่กี่ปีจะเป็นทำไม แล้วชีวิตเรามาอยู่ตรงนี้ ก็ทิ้งหน้าที่การงานตัวเองมา มาอยู่ในวงการบันเทิง 7 ปีแล้วจะไปทำอะไรต่อ มันกลับไปทำอาชีพเดิมไม่ได้แล้ว
ผมเลยมองว่ามันก็ต้องอยู่ให้ได้ยาวๆ ที่สุด แล้วประจวบเหมาะกับทุกอย่างเหมือนพัฒนา มันเปลี่ยนไป ถ้ายังเป็นเหมือนเดิมก็คงแย่เหมือนกันนะ ตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้วก็ได้"
...
อยากมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย
นักแสดงหลายคนเขาไม่ได้ตั้งเป้าความสำเร็จของชีวิตไว้ที่งาน หรือชื่อเสียง แต่เป็นเรื่องของชีวิตที่มีครอบครัวดี การสร้างครอบครัวที่ดี ส่วนเวียร์เองมองความสำเร็จตัวเองไว้ที่ตรงไหน ซึ่ง เวียร์ ศุกลวัฒน์ ตอบว่า
"ชื่อเสียงก็ดีนะ ก็เป็นอะไรที่ต่อเนื่องนั่นแหละอย่างผมเอง เรื่องเป้าหมายมันคงพูดลำบาก ถามว่าชอบจะทำอะไรมากกว่า ในวัยที่โตแล้วผมก็แค่อยากจะมีความสุข อยากจะให้คนอยู่รอบข้างผม อยู่กับผมแล้วมีความสุข
ผมแค่อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข คนอื่นก็มีความสุข มันเหมือนกับว่าอยู่ในวงจรของความสุขความสนุกให้ได้ตลอดเวลา
มีความสุขที่ได้เป็นตัวของตัวเอง พอโตขึ้นมันคัดทุกอย่างเลย เหลือแค่ไม่กี่อย่างที่จะทำ เหลือเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่เราคบ หรืออะไรแค่ไม่กี่อย่าง แต่มันก็มีความสุขตลอดเลย ไม่รู้เพราะอะไร
อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นคนมองแง่บวกด้วยมั้ง สบายๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ถามว่าชื่อเสียงอ่ะมันก็คงได้มาเป็นรางวัลจากการที่ตั้งใจทำงานนั่นแหละ พัฒนาตัวเอง
อยากให้งานมีคุณภาพ มันเลยมีชื่อเสียง เงินทองก็ตามมา แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักๆ เป้าหมายหลักคืออยากมีความสุข"
เราถาม เวียร์ ศุกลวัฒน์ ต่อทันทีว่า เคยตั้งเป้าไว้บ้างมั้ยเรื่องการสร้างชีวิตครอบครัว คำถามนี้พระเอกหนุ่มตอบเราเอาไว้ว่า
"ผมอยากจะมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย มีความสุขเหมือนกัน พูดง่าย แต่ว่ามันก็ยากอยู่นะ หลายๆ ครอบครัวชีวิตคู่มันก็เป็นเรื่องปกติ มันก็ชีวิต ผมก็เลยไม่ค่อยได้มองตรงนั้นแบบตั้งใจจริงจังกับมัน
ให้มันไปตามธรรมชาติ แต่ก็ต้องปรับนะ เพราะบางทีด้วยความที่ตัวเราเองก็เป็นวันแมนโชว์มาตั้งแต่เด็ก อยู่คนเดียว โตมาคนเดียว ก็ต้องเรียนรู้การที่จะอยู่แบบครอบครัว"
...
นิยามความรักของชายวัย 37 ปี
แล้วนิยามความรักในวัย 37 ของ เวียร์ ศุกลวัฒน์ เวียร์มองเอาไว้เป็นแบบไหนบ้าง กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านประสบการณ์อะไรที่ทำให้ได้บทเรียน หรือตกตะกอนความคิดในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบคำถามนี้ว่า
"ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องให้ และได้รับพอดีๆ มันเหมือนเราโตขึ้น แสดงว่าเราต้องใจเย็นขึ้น จะมองภาพที่มันใหญ่ได้มากกว่าเดิมเพราะโตขึ้น เราจะรู้สึกว่ายอมรับผิด ให้อภัยได้มากกว่าเมื่อก่อน เพราะว่าเราอายุ 37 แล้ว (หัวเราะ)
จริงๆ แล้วระยะเวลาที่ผ่านเรื่องราวสิ่งต่างๆ ที่มันผ่านเข้ามา จริงๆ ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะตกตะกอนกับเรื่องราวพวกนี้ได้ บางคนก็แก่ขึ้นมาโดยที่ไม่มีอะไรด้วยซ้ำ
แต่บางคนก็โตขึ้นมาด้วยความที่เหมือนเขาเคารพสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมาในชีวิตว่ามันคือบทเรียน บางคนเขาไม่ได้สนใจ แต่ผมก็สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง
ก็เอาสิ่งพวกนี้แหละเข้ามาเป็นถ้าเป็นบทเรียน เวลาเจอเหตุการณ์อะไรขึ้นมาก็จะมองว่ามันเล็กลง เมื่อก่อนดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทุกวันนี้ก็รู้ว่าจัดการได้แค่ใจเย็นๆ"
เจอความสุขของชีวิตแล้ว
หลังจากที่ฟัง เวียร์ ศุกลวัฒน์ พูดถึงชีวิตของตัวเอง เวียร์ดูโฟกัสและพูดถึงแต่ความสุขของชีวิตที่จะได้มาด้วยความเรียบง่ายมากๆ งานนี้เวียร์ยอมรับพร้อมกับรอยยิ้ม
"ใช่ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำได้ทุกคน ผมโชคดี อย่างที่บอกว่าจะมาพูดให้สวยหรูว่าผมมีชีวิตต้องการความสุขง่ายๆ คนก็บอกมีหมดแล้วไง ก็พูดได้
แต่จริงๆ ไม่จำเป็นนะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าหรอก หาให้เจอว่าความสุขเราอยู่ตรงไหน แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
บางคนก็บอกว่ายังทำต้องทำงานหาเงิน แล้วบอกตัวเองว่าไม่มีความสุขเพราะเหนื่อย ก็ลองหาว่าตรงไหนคือความสุข มันต้องมีบ้างแหละ เราจะปิดกั้นตัวเองไม่ให้ไปเจอความสุขเลยเหรอ"
เราถามพระเอกหนุ่มต่อทันทีว่า ทุกวันนี้เวียร์เจอความสุขของตัวเองแล้ว อิ่มไปทั้งหัวใจเลยหรือเปล่า ทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวเราะ และตอบคำถามนี้ว่า
"ผมเจอมาตลอดเลย (ยิ้ม) มันก็อยู่ได้ ความทุกข์มันก็มีแทรกมาบ้างแหละ แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไป อะไรอย่างนั้น"
การรับมือกับคำวิจารณ์
อยู่ในวงการบันเทิงมาก็นาน เวียร์ มีวิธีรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร เพราะทุกวันนี้โลกเปิดกว้าง โซเชียลต่างๆ เข้าถึงตัวดารานักแสดงเร็วมากขึ้น งานนี้พระเอกหนุ่มตอบเราว่า
"ผมจะเล่าให้ฟังนะ ว่าสมัยก่อนน่ากลัวกว่าตอนนี้อีก ในความรู้สึกผมนะ เดี๋ยวนี้ผมว่า ไม่รู้สิ ผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลย สมัยก่อนข่าวน่ากลัวกว่าสมัยนี้อีก ในยุคที่ไม่ใช่ยุคโซเชียล ผมว่ามันดูตื่นเต้นมากเลยนะยุคนั้น
แต่ยุคนี้ถามว่าผมจะรับมือยังไงกับคำวิพากษ์วิจารณ์ คือแต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะมีความคิดเห็นของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เรามองว่าให้มันพอดี มันก็พูดยาก แต่ละคนก็มีเหตุผลในสิ่งที่ตัวเองทำไม่เหมือนกัน
เพียงแต่เราต้องมองว่าทุกคนมีเหตุผล แต่ละคนทำแบบนี้เพราะเขามีเหตุผลของเขา ทำแบบนี้เพราะรู้สึกแบบนี้ ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
พอมองแบบนี้ก็ไม่เห็นจะต้องไปรู้สึกอะไร เพราะว่าไม่มีใครเหมือนกันหรอก แม้แต่คนในครอบครัวยังทะเลาะกันเลย แต่เราไม่สามารถตัดสินใครได้ เขาอาจจะทำผิดแต่เขามีเหตุผล ถ้าเขาไม่มีเหตุผลก็ค่อยไปว่ากันทีหลัง
แต่เราไม่ตัดสินใครเลย เพราะเดี๋ยวนี้คนเราตัดสินกันง่ายมาก ก็เลยทำให้พิมพ์อะไรกันไปก็ไม่รู้ ผมอยู่ด้วยความเข้าใจ ทุกวันนี้เพื่อนยังมาถามเลยว่าจริงมั้ย ก็บอกมีจริงบ้าง ไม่จริงบ้างแหละ ก็ผสมผสานกันไป ก็เลือกๆ เสพเอา ก็มองอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสินใคร ไม่โกรธเขา"
ยูทูบน้องใหม่ของวงการ
เพราะตอนนี้ เวียร์ ศุกลวัฒน์ หันมาทำรายการในช่องยูทูบของตัวเอง และกระแสของรายการที่ทำอยู่ตอนนี้ แฟนๆ เริ่มรู้จักและติดตามมากขึ้น ว่าที่ยูทูบเบอร์มือใหม่ถึงกับหัวเราะก่อนจะตอบคำถามด้วยรอยยิ้มว่า
"จริงๆ มันเริ่มต้นจากสนุก ปัจจุบันก็ยังสนุกอยู่นะ ผมไม่รู้หรอกว่าคนดูจะชอบรายการมากแค่ไหน แต่ผมชอบ (ยิ้ม) ชอบไปเที่ยว ก็แค่เก็บบรรยากาศที่ไปเที่ยวมากลับมาฝากทุกคนที่ชอบไลฟ์สไตล์เหมือนกับผม
บางคนอาจทำงาน ไม่ค่อยได้ไปไหน ก็เปิดดูเวียร์เคชั่นก็เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกัน ผมก็ไม่ได้มีคอนเทนต์ที่น่าติดตาม หรือสนุกขนาดนั้น ก็แค่ดูเป็นความบันเทิง ดูเรื่อยๆ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันกับเวียร์แค่นั้นเอง
ใครอยากดูรายการท่องเที่ยวแบบสบายๆ คือเที่ยวจริงๆ ไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรให้มากด้วย (หัวเราะ) เหมือนไปเที่ยวด้วยกัน พักที่ไหนก็ยังไม่รู้ ราคาเท่าไรไม่มีข้อมูล
คือแค่อยากให้ไปเที่ยวด้วยกันแค่นั้นเอง ง่ายๆ มีมุกขำๆ อะไรกันไป ก็คือเป็นตัวของตัวเองครับ ฟีดแบ็กจากแฟนๆ คือเขาชอบไลฟ์สไตล์ของเรา เพราะไม่เชื่อว่าพระเอกจะเป็นแบบนี้ อยู่ง่าย กินง่าย (ยิ้ม)"
เศรษฐีที่ดิน
ถ้าใครที่ติดตาม เวียร์ ศุกลวัฒน์ จะรู้ว่าพระเอกหนุ่มคนนี้ชอบซื้อที่ดินเก็บเอาไว้ และล่าสุด เวียร์ก็ได้เล่าถึงการลงทุนทางด้านนี้ให้เราฟังว่า
"จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบดูที่มาก จะขับรถไปทั่วเลย เวลาไปถ่ายละคร หรือเวลาไปไหน ผมก็จะขับรถวนเข้าซอยโน้นซอยนี้ เพื่อไปดูว่าตรงนั้นตรงนี้สวยจังเลย เราถึงชอบซื้อรถยนต์ที่มันลุยๆ
อย่างเขาใหญ่ไปมาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว ก็ไปซื้อมาหลายรอบ บางทีซื้อปั๊บไม่ได้ไปอยู่ จู่ๆ มีคนมาอยากได้ ก็ขายได้กำไรอีกนะ (หัวเราะ)
นอกจากเขาใหญ่ก็มีอีกหลายที่ แอบไปซื้อไว้เล็กๆ ไม่ได้เยอะ เวลาเจอที่ที่น่าสนใจ หรือมีคนบอกว่าตรงนี้อยากขาย เราก็ซื้อเก็บไว้นิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าบางแปลงก็ยังไม่ได้ทำอะไรนะครับ ก็ซื้อเสียภาษี (หัวเราะ) แล้วเราก็ไปปลูกโน่นปลูกนี่
ล่าสุดที่สุราษฎร์ธานี ก็เป็นสวนทุเรียน จริงๆ ได้ผลผลิตมาหลายปีแล้ว แต่ว่าเราเพิ่งมาเป็นเจ้าของในปีนี้ เพราะว่าเพื่อนเขามีหลายแปลง แล้วเขาบอกว่ามีปัญหานิดหน่อย เขาดูแลไม่ไหวด้วย
ก็เลยแบ่งให้ส่วนหนึ่ง ก็เลยมีสวนทุเรียน มีทั้งหมด 8 ไร่ แต่ไม่ได้เป็นทุเรียนล้วนๆ มันก็แซมด้วยเงาะบ้าง แล้วก็มีลองกอง มีมะม่วงเบา แล้วก็มีพวกไม้ตะเคียน ไม้พะยูง ที่เขาปลูกแซมๆ ไปด้วย".
ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Varanya Phae-araya, Chonticha Pinijrob