- มุกดา ดังแล้วไม่เปลี่ยน ต้องรักษามาตรฐานในการแสดง
- ไม่เคยคิดว่าตัวเองสวย พร้อมเผยสาเหตุที่ไม่ค่อยยิ้ม
- ตอบสถานะความสัมพันธ์ เข้ม หัสวีร์ คู่จิ้นที่ถูกลุ้นให้เป็นคู่จริง
7 ปีแล้วที่ มุกดา นรินทร์รักษ์ ได้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งเป็น 7 ปีที่เธอทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้
และผลของความพยายามนั้นก็ส่งให้มุกดาก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิง และเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 7 เธอต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมาไม่น้อย และต้องใช้ความพยายามมากมายกว่าจะได้มายืนอยู่จุดนี้
ดังแล้วไม่เปลี่ยนไป
วันนี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์นางเอกสาวสุดฮอตคิวทองอีกคนของวงการบันเทิง ซึ่งตอนนี้มุกดากำลังมีผลงานละครเรื่อง เขยบ้านไร่สะใภ้ไฮโซ ประกบกับคู่อีกครั้งกับ เข้ม หัสวีร์ คู่จิ้นของมุกดาที่ละครออกอากาศเรียกเรตติ้งอยู่ในตอนนี้
เราเริ่มต้นคำถามแรกง่ายๆ กับ มุกดา ว่าจำความรู้สึกก่อนจะได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้หรือไม่ ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร และพอได้เข้ามาแล้ว ความรู้สึกที่เคยมองเข้ามา มันเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ดังแล้วต้องเปลี่ยนตัวเองมั้ย งานนี้ มุกดาถึงกับหัวเราะและเล่าให้เราฟังว่า
...
"ก่อนเข้าวงการบันเทิง มุกไม่รู้ว่าระบบการทำงานมันเป็นยังไง แต่มองด้วยตาคิดว่าเป็นวงการที่สุดยอด อยากเข้ามาก (หัวเราะ)
แต่พอได้เข้ามาจริงๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ได้ทำงาน มันค่อนข้างเหนื่อยและลำบากมาก กว่าเราจะถึงฝันตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้ พอได้เข้ามา โอ้โห มันยาก (ลากเสียง) มันไม่ใช่เราคนเดียวที่อยากจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ ยังมีอีกหลายๆ คนที่อยากจะเข้ามา
ตอนนี้มุกก็ใช้ชีวิตค่อนข้างไม่ต่างจากเดิมมากค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ได้ทำงานมา ก็ทำให้มุกค่อยๆ เติบโตมาทีละก้าวจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งมุกก็ยังเป็นเหมือนเดิม มีระเบียบวินัยเหมือนเดิม แต่มุกกลับไม่ได้คิดถึงอนาคตว่าจะต้องทำตัวอย่างไร วางตัวอย่างไร ก็ทำทุกๆ อย่างเหมือนเดิม แค่ต้องรักษามาตรฐานการทำงานของตัวเองให้ได้แบบนี้ไปตลอด
ต่อให้วันนี้มุกจะมีแฟนๆ ที่คอยซัพพอร์ตมากขึ้น ได้รับความคาดหวังจากแฟนๆ มากขึ้น แต่ทุกๆ ผลงานมุกก็ตั้งใจทำงาน ยังรักแฟนๆ ทุกคนเหมือนเดิม"
แบกความคาดหวังและเครียด
พอได้เข้ามาทำงานในวงการแล้ว และวันนี้ต้องก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 7 ความคาดหวัง ความกดดันในอาชีพมันมีมากแค่ไหน ซึ่งมุกดาเล่าให้ฟังว่า
"ความกดดันมันมีนะคะ แค่ทุกๆ โอกาสที่มุกได้รับ มุกก็อยากทำให้ทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด แต่ความกดดันนั้นมุกเก็บเป็นแรงผลักดันให้ทำงานให้ดีขึ้นมาให้ได้
มุกเครียดนะ แต่ก็รู้ตัวว่าทำได้แค่ไหน แต่ก็ต้องทำให้เต็มที่เท่าที่ตัวเองทำได้ คนเราทุกคนไม่มีใครเก่งที่สุด เราต้องมีข้อผิดพลาดในตัวเอง
หรือว่าอาจไม่ได้ทำได้ดีมากแต่ก็ตั้งใจทำให้เต็มที่และวันนึงมันจะค่อยๆ ดีขึ้น มุกคิดแบบนี้เสมอ เลยไม่ค่อยเครียดกับอะไรมากมาย เพราะรู้ตัวว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ ในอนาคตอาจจะทำได้ดีกว่านี้ ก็เป็นเรื่องของอนาคตต่อไป
และมุกมีจุดยืนค่อนข้างชัดเจนคือจะไม่กดดันตัวเอง เพราะว่าเคยเป็นคนที่กดดันตัวเองมากแล้วมันไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้น มันทำให้มุกเหนื่อยกับตัวเอง
ซึ่งมุกกดดันตัวเองตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะมาปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่ว่า เราสามารถมาอยู่ตรงนี้ได้แบบไม่ต้องเครียด ทำงานไปเรื่อยๆ เวลาที่ได้รับโอกาสมามุกเลยทำงานให้เต็ม
ถ้ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงก็ยอมรับมันไปเลยจะได้ไม่เครียด ไม่มีใครเก่งเต็มร้อย แต่ค่อยๆ ทำตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็พอ มันเลยทำให้มุกไม่ค่อยเครียด
แต่เห็นมุกบ้าๆ บอๆ แบบนี้ มุกก็มีความติสต์มากนะคะ บางครั้งมันก็จะมีช่วงนึงของชีวิตที่เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ มุกจะมีความรู้สึกเบื่อๆ ทุกอย่าง แต่พอทำงานผ่านไปสักพักอาการแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้มันก็จะหายไปเอง (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่มุกเรียกว่าความติสต์ละกันค่ะ (หัวเราะ)"
แต่แม้วันนี้จะก้าวขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของวงการบันเทิงแล้ว มุกดาคิดว่าตัวเองมีอะไรต้องปรับอีกมั้ยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ซึ่งนางเอกสาวคนสวยตอบเราว่า
"ยังมีค่ะ ทั้งเรื่องของการพูด เรื่องการแสดง ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เก่งมากมาย เพราะบางบทบาทมุกยังไม่เคยเล่น ก็ต้องค่อยๆ ปรับจูนไป ต้องเรียนรู้ตลอด จะคิดว่าตัวเองเก่งแล้วไม่ได้
...
ถามว่ามุกอยากเล่นบทแบบไหน มุกอยากเล่นแบบแอบร้าย หรือใช้อารมณ์มากๆ อยากเล่นดราม่าโหดๆ อยากลองเล่นบทที่ต้องใช้อารมณ์แรงๆ ในทางแย่ๆ
คือมุกไม่ยึดติดกับบทนางเอก ถ้าถึงเวลาที่สมควรและมีบทบาทที่ดีๆ ที่ผู้ใหญ่ยื่นมา ถ้ามีโอกาสดีๆ เข้ามามุกก็อยากลองเล่นนะคะ"
อีกความฝันของมุกดา
และอีกหนึ่งความฝันของนางเอกสาวคนสวย มุกดา นรินทร์รักษ์ นั่นก็คือการเป็นผู้จัดละคร หรือการทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งมุกดาเล่าถึงความฝันเรื่องนี้ของตัวเองให้ฟังว่า
"มุกอยากเป็นผู้จัดละคร อยากทำงานเบื้องหลัง อยากลองไปทำดูบ้าง เพราะมุกก็ได้คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาพักหนึ่งแล้ว ก็พอทำให้ได้เห็นและรู้อะไรบ้าง เลยทำให้มุกรู้สึกสนใจอยากลองทำดู
ถ้าโตมากๆ ก็อยากจะมาทำในทางนี้ ซึ่งตอนนั้นมุกคงแก่แล้ว (หัวเราะ) ถ้าได้เป็นผู้จัดอยากทำละครแนวโรแมนติกดราม่า ดราม่าตบจูบ เพราะตัวเองชอบเล่นดราม่ามากกว่าคอเมดี้ ก็เลยเข้าใจพาร์ทนี้ง่ายกว่าพาร์ทอื่น อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวค่ะ ตอนนี้ก็ขอสะสมประสบการณ์ไปก่อน (ยิ้ม)"
...
อยากลองโกอินเตอร์
เพราะมีผลงานที่ได้เผยแพร่ที่ประเทศจีนและมีกลุ่มแฟนคลับอยู่ไม่น้อย งานนี้เราเลยถามมุกดาตรงๆ ว่า มีความคิดอยากจะลองโกอินเตอร์ไปทำงานที่ต่างประเทศบ้างมั้ย เพราะไหนๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยไปทำงานที่ญี่ปุ่นมาแล้ว งานนี้เราได้รับคำตอบจากนางเอกสาวคนสวยว่า
"ถ้ามีโอกาสเข้ามา มุกก็อยากลองนะคะจะเป็นประเทศไหนก็ได้ อยากจะลองสักครั้งขอแค่มีโอกาสเข้ามาก่อน เพราะอย่างที่รู้ๆ กัน ตั้งแต่มีโควิดเข้ามาอะไรหลายๆ อย่างก็ค่อนข้างจะสะดุดและหยุดกันทุกคน หลายๆ คนก็โดนผลกระทบเหมือนๆ กันไปหมด ตอนนี้ก็รอเวลาและโอกาส ถ้าเข้ามา มุกไม่พลาดที่จะขอลองทำดูสักครั้งค่ะ"
...
ลูกเป็ดขี้เหร่
ครั้งนึงมุกดาเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองสวย เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ด้วยซ้ำ ในวันนี้มุกดาได้ขึ้นเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 7 แล้ว แต่ความรู้สึกนี้ยังมีอยู่หรือไม่ ซึ่งเราได้คำตอบจากปากของเธอว่า
"มุกคิดมาตลอดว่าตัวเองไม่ได้สวยหรือน่ารัก จนมาถึงตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้น เพราะคิดว่าตัวเองก็ยังมีมุมที่ไม่มั่นใจอยู่ นั่นคือการยิ้มของตัวเองเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สวย
ทุกวันนี้ก็ยังเขินที่จะยิ้มอยู่เหมือนเดิม (หัวเราะ) ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยขึ้นหรือยังไง ที่ไม่กล้ายิ้มเพราะฟันมุกมันไม่เท่ากัน ทำให้เวลายิ้มเยอะๆ ปากมันจะเอียงๆ ซึ่งมันเป็นมานานแล้ว เรารู้ตัวเลยเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม เพราะยิ้มแล้วมันเอียง
ซึ่งมุกก็ดัดฟันนะคะ ดัดเพราะให้มันเท่ากันซึ่งมันแก้ยากมาก ถ้าไม่ใส่รีเทนเนอร์ก็จะกลับมาเหมือนเดิม ต่อให้ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกก็เป็นอะไรที่แก้ไม่ได้ ยิ้มทีไรทำให้รู้สึกว่ารอยยิ้มมันไม่เท่ากัน เหมือนคนยิ้มไม่สุดค่ะ
แต่เวลาคนชมว่าสวยมุกก็ดีใจค่ะ (ยิ้ม) ที่เขามองว่าเราดูดี ดูสวย คือเมื่อก่อนมุกก็ไม่ได้เป็นคนดูแลตัวเองมาก เป็นคนห้าวๆ ชิลๆ ปัจจุบันก็ยังชิลอยู่ แต่ก็ดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ"
คุณแม่คนที่ 2 ของมุกดา
สำหรับคนที่ติดตาม มุกดา นรินทร์รักษ์ ก็จะเห็นว่า สาวมุกนั้นสนิทสนมกับ หนิง ปณิตา ไม่น้อย จนถึงขั้นเรียกหนิงว่า แม่ เลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสนิทสนมและความน่ารักของแม่หนิงให้ฟังว่า
"พี่หนิงเป็นคนน่ารัก ช่วยดูแลมุกตลอด สิวขึ้นไม่ได้เลยนะจะถามทันทีว่าไปทำอะไรมา (หัวเราะ) มีอะไรพี่หนิงจะช่วยตลอด ขอแค่บอกเขา สนิทจนเรียกแม่บ้าง
ที่สนิทสนมกันเพราะคลุกคลีกันเยอะตอนเล่นละครโซ่เวรีค่ะ และนิสัยเราก็ใกล้ๆ กัน พอคุยกันมันถูกคอกัน เลยทำให้เราสนิทกัน คือพี่หนิงเขาเป็นคนตั้งใจ เวลามุกทำงานมุกก็เป็นคนตั้งใจ เพราะไม่อยากให้ทีมงานที่ทำงานกันรู้สึกไม่สบายใจ
พอพี่หนิงเป็นคนตั้งใจทำงาน ยิ่งทำให้มุกรู้สึกว่าต้องทำคืนให้เขาให้มาก เพราะมุกเห็นว่าเขาทุ่มเทและเราก็ทุ่มเทเพื่อให้ทุกอย่างมันออกมาดี ไม่อยากให้เขาผิดหวังไม่อยากให้ใครผิดหวังเลย พอเขาเห็นว่าเราตั้งใจทำงาน เขาก็เลยเอ็นดูและอยากช่วยซัพพอร์ต น่าจะเป็นแบบนี้มากกว่าถึงทำให้เราสนิทกันค่ะ"
คู่จิ้นเป็ดน้อย-หมาน้อย
ส่วนกระแสความจิ้นของ มุกดา และ เข้ม หัสวีร์ ก็ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เข้มและมุกมีฉายาน่ารักๆ เกิดขึ้น นั่นก็คือ เป็ดน้อย หมาน้อย นั่นเอง งานนี้สาวมุกขำๆ ก่อนจะอธิบายถึงที่มาของฉายาดังกล่าวให้เราฟังว่า
"ฉายานี้มาจากพี่หนิงค่ะ คือแฟนคลับจะเรียกมุกว่าเป็ดเพราะว่ามุกชอบทำปากเป็ด ตาโตๆ ปากจู๋ๆ แฟนๆ ก็จะเรียกเป็ดแบบนี้
ส่วนหมาน้อยของเข้มคือนางชอบทำตัวให้น่าเอ็นดูเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ ก็เลยถูกเรียกว่าหมาน้อย นางจะขี้อ้อน นางชอบอ้อนพี่หนิงในบางครั้ง และมีความซนๆ ก็เอ็นดูนางนะคะ ก็เลยได้รับยศนั้นไป น้องหมาน้อย
แต่เข้มไม่กล้าอ้อนมุกนะคะ (หัวเราะ) เพราะเวลาอยู่กับมุกเขาไม่กล้าเด็ก เพราะบุคลิกของมุกเป็นคนนิ่งๆ คนจะกล้าเข้ามาหามุกมันยากมาก เพราะมุกนิ่งมาก ถ้าไม่สนิทกับใครก็จะไม่แกล้งหรือว่าคุยเลย
ตอนแรกมุกกับเข้มไม่คุยกันเลย เข้มไม่กล้าเข้ามาหา แต่มุกไม่ได้หยิ่งนะคะ แต่มุกเป็นคนเริ่มคุยก่อนไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มอะไร ซึ่งเป็นอะไรที่แก้ยากมาก และปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่
แต่พอมาทำงานกับพี่หนิง พี่ต่อ เขาก็พยายามชวนคุย จนเข้มก็เริ่มกล้าเข้ามาเล่นด้วย เริ่มแกล้งหนักมาก จนกลายเป็นเราเริ่มรู้นิสัยกันโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย เราคุยกันเยอะ ไปไหนด้วยกัน ก็เลยสนิทกันโดยอัตโนมัติ
กับเข้มเราไม่มีอะไรต้องปรับหรือจูนเข้าหากัน แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเขามีอารมณ์แบบไหนอยู่ เวลาเขามีปัญหาเราก็จะรับรู้ได้ว่าเขามีอะไรในใจก็จะถามเขาว่าทำงานหนักเหรอ สู้ๆ นะ เราไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะ เราค่อนข้างรู้กันประมาณนึงอยู่แล้ว"
สถานะความสัมพันธ์ เข้ม-มุกดา
อย่างที่บอก เข้ม-มุกดา เป็นคู่จิ้นที่มีแฟนคลับคาดหวังและลุ้นให้เป็นคู่จริงนอกจอ งานนี้เราก็ถามมุกดาตรงๆ อีกสักครั้งว่าสถานะความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีโอกาสจะพัฒนาเป็นคู่จริงได้หรือไม่ ซึ่งมุกดาตอบเราว่า
"มุกชัดเจนกับสิ่งที่พูด วันนี้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราสนิทกัน สถานะนี้ไม่มีวันเสื่อมคลาย ต่อให้วันนี้เราตีกัน เราโกรธกัน เราก็กลับมาคุยกันได้ เพราะเรากลับมาเคลียร์กันได้เสมอ
มุกรู้สึกว่าสถานะนี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับเรา ซึ่งการร่วมงานกับเข้มมันดีมาก เพราะเขาเป็นคนตั้งใจทำงาน ร่วมงานด้วยแล้วสบายใจ เราโตมาด้วยกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าเข้มเป็นเพื่อนที่ดี
ส่วนเรื่องสถานะความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เราคือเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน มันเป็นสิ่งที่เราทั้งคู่สบายใจแล้ว อยากให้แฟนๆ มีความสุขกับงานของเราทั้งคู่ดีกว่า
ในฐานะที่เราเป็นบัดดี้ที่ดีกัน ถามว่าห่วงอะไรเข้ม บางทีเข้มก็ติสต์ (หัวเราะ) แต่เข้มเขาดูแลตัวเองดีขึ้นมาเยอะมาก
เขาเริ่มรู้แล้วว่าอะไรที่เขาควรจะต้องดูแลมากขึ้น เขาก็เริ่มเข้าที่เข้าทางดูแลตัวเองได้ดี แต่ถ้ามีอะไรมุกก็บอกเขา เรามีความหวังดีให้กันค่ะ ถ้าเข้มจะมีแฟน คงต้องผ่านแม่หนิงก่อน ไม่ใช่มุก (หัวเราะ)"
เขยบ้านไร่สะใภ้ไฮโซ
และอย่างที่แฟนๆ รู้กันว่าตอนนี้ มุกดา นรินทร์รักษ์ กำลังมีผลงานละครเรื่องล่าสุด เขยบ้านไร่สะใภ้ไฮโซ ประกบคู่กับคู่จิ้น เข้ม หัสวีร์ ที่โกยเรตติ้งมาไม่น้อย และจะลาจอในวันนี้แล้ว ซึ่งมุกดาชวนแฟนๆ ดูละครโค้งสุดท้ายและฝากผลงานเรื่องต่อไปให้แฟนๆ ได้ชมว่า
"ตอนนี้มีละครเรื่องเขยบ้านไร่สะใภ้ไฮโซก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้ว หลังจากที่ต้องเจอตัวละครที่เข้ามาทำให้โฉมและนิลเข้าใจผิดกัน มาช่วยลุ้นและติดตามกันว่านิลและโฉมจะปรับความเข้าใจกันได้อย่างไรและจะกลับมารักกันหวานกว่าเดิมหรือเปล่า ยังไงก็ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ
และนอกจากเขยบ้านไร่สะใภ้ไฮโซมีละครที่กำลังถ่ายทำอยู่ 2 เรื่อง คือ บ่วงวิมาลา และเภตรานฤมิต ฝากติดตามทุกๆ ผลงานของมุกด้วยนะคะ"
ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Varanya Phae-araya, Sathit Chuephanngam