ใครที่ชมภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง แดง พระโขนง ของ เอ็ม พิคเจอร์ส และ บั้งไฟ ฟิล์ม ไปแล้ว คงจะเห็นโฉมหน้าของ 2 นักแสดงร้อยล้านคู่แรกของวงการหนังไทยอย่าง ทราย เจริญปุระ และ เมฆ วินัย ไกรบุตร จากภาพยนตร์ นางนาก มาร่วมแสดงใน แดง พระโขนง ด้วย
โดย 2 ผู้กำกับเพื่อนซี้ เอ็กซ์ วัชรพงษ์ ปัทมะ และ แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ หรือ แจ็ค แฟนฉัน ตั้งใจที่จะเซอร์ไพรส์แฟนหนัง นางนาก และเพื่อให้เกียรติภาพยนตร์ระดับตำนานเรื่องดังกล่าวที่กวาดรายได้ 100 ล้านบาทเป็นเรื่องแรกของประเทศไทย
นอกจากจะเชิญ 2 นักแสดงร้อยล้านมาร่วมงานแล้ว ทีมงานยังแฝงเซอร์ไพรส์ในโปสเตอร์ แดง พระโขนง เวอร์ชันที่มีพระจันทร์ 3 แบบด้วย เพราะได้ใส่หน้าของ ทราย เจริญปุระ ฝังลงไปในดวงจันทร์ โดยแววตาของทรายได้มองมาที่แดงด้วยความรักและความห่วงใย ใครที่เห็นโปสเตอร์นี้แล้ว แต่ไม่ทันได้สังเกต หาโอกาสกลับไปมองใหม่อีกครั้ง

และบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ทราย เจริญปุระ ถึงการยอมมาร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง แดง พระโขนง ว่าเพราะอะไรถึงยอมมาเล่น เพราะออกมาแค่ฉากเดียว ซึ่งทรายบอกกับเราว่า
...
“พี่หม่ำชวนค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ เป็นความฝันของทรายที่อยากจะเล่นหนังกับ น้าค่อม โก๊ะตี๋ ซึ่งทรายได้เล่นแล้ว ก็เหลือพี่หม่ำที่ยังไม่ได้ร่วมงาน
ก็คิดว่าจะต้องทำตัวอย่างไรให้เหมาะกับการที่จะได้เล่นหนังพี่หม่ำ จนวันหนึ่งทีมของพี่หม่ำติดต่อมาว่ามีโปรเจกต์นี้ แต่มานิดเดียวนะ ซึ่งทรายก็รับเล่นทันที
และไม่ได้รู้สึกว่าต้องเล่นเยอะๆ ในหนังเรื่องนี้ ทรายเข้าใจไอเดียหนังว่าอยากให้เป็นภาพครอบครัวในตอนจบ มันเป็นการตีความใหม่ ตอนนั้นมองว่าเป็นหนังรักที่จบด้วยความเศร้า
พอได้รับการติดต่อให้มาแสดงเรื่องนี้เวอร์ชันที่มีลูกโต ก็รู้สึกว่าน่าสนใจตรงที่ไม่อิงกับหนังเวอร์ชันอื่นๆ ที่เคยมีมา เป็นไอเดียที่ฉีกไปเลย
ตอนที่เล่นก็รู้สึกความเป็นนางนากกลับมา เพราะตอนนั้นเล่นเราไม่ได้เห็นหน้าลูก แต่พอมาเล่นอีกครั้งมันซึ้ง ทรายชอบไอเดียนี้ แม่ไปแล้ว พ่อไปแล้ว แล้วลูกล่ะ
และตอนที่เล่นนางนากนั้น พี่อุ๋ย นนทรีย์ จะบรีฟทรายตลอดว่าที่กลับมาไม่ได้อยากจะฆ่าใคร แค่อยากจะกลับมาหาผัว อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ครอบครัวสมบูรณ์ และพอได้มาต่อยอดในหนังเรื่องนี้มันก็คือภาพที่สมบูรณ์พ่อแม่ลูกที่ได้มาเจอกัน
ทรายรู้สึกอยากดูนะ น่ารักดี สำหรับการร่วมงานกับ เอ็กซ์และแจ็ค ในฐานะผู้กำกับ การได้เห็นคนในวงการบันเทิงเติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง เป็นเกียรติที่เราได้ร่วมงานกัน ได้ทันรุ่นของเขา ได้ทำงานกับ แจ็ค ในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ค่ะ
สิ่งที่ดีในการได้มาเล่นหนังเรื่องนี้คือทรายได้เจอพี่เมฆค่ะ (ยิ้ม) หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าพี่เขาป่วย เวลาที่นักแสดงป่วยระหว่างทางที่รักษาตัวจะมีความคิดอยู่ตลอดว่าจะกลับมาได้อีกมั้ย

มันไม่ใช่เรื่องของความอยากดัง แต่มันคือการทำงาน มันคือความคิดถึง ทรายก็เคยประสบอุบัติเหตุหนักต้องรักษาตัว ก็มีความคิดถึงการทำงาน
วันที่ได้เจอพี่เมฆวันนั้น ทรายรู้สึกว่าแกแฮปปี้กับการได้กลับไปกอง ได้อยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ที่เขาสบายใจกับมัน และไม่มีใครมานั่งพูดคุยกับเรื่องอาการเจ็บป่วยของเขามากเกินไป
ได้เห็นหน้ากันแล้วมีความสุข มันดีจังเลย ใจมันมากับการที่ได้เห็นอีกคนที่เขาผ่านช่วงเวลานั้นมาด้วยกันกับเรา แม้เขาจะป่วย แต่เขาได้กลับมามีชีวิตชีวาในกอง ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ
พอหนังเข้าโรงไป ทรายไม่คิดว่าคนที่ไปดูจะว้าวกับการที่ได้เห็นทรายกับพี่เมฆในหนังเรื่องนี้ คนรู้จักก็อินบ็อกซ์มาคุยเยอะมาก บอกว่าตอนที่เห็นทรายในหนัง น้ำตามาเลย เขาบอกว่ามันฟิน เห็นภาพครอบครัวครบ
คนทักเยอะมากกับฉากที่ทรายออกมา รู้สึกดีใจที่ไอเดียเริ่มต้นของเขามันถูกใจแฟนๆ เพราะตอนแรกทรายก็กลัวว่าออกมาน้อยๆ แล้วจะดูเขินๆ หรือเปล่า เหมือนจับยัดเข้าไป แต่สรุปมันไม่ใช่แบบนั้น พี่หม่ำเก่งที่คิดกิมมิกนี้ขึ้นมาได้
สำหรับคนที่ยังไม่ได้ไปดู แดง พระโขนง อยากให้ไปดูนะคะ เป็นหนังน่ารักๆ ยิ่งในช่วงแบบนี้การไปดูหนังที่มันสบายๆ กำลังดีกับจิตใจ เลยอยากให้ไปดูกัน ไม่ได้ไปดูทรายนะ แต่อยากให้ไปดูน้องๆ และนักแสดงทุกคนด้วย เพราะทุกๆ คนเต็มที่และตั้งในกับหนังเรื่องนี้มากค่ะ ยังไงก็ฝากกันด้วยนะคะ”

...
ในส่วนของ เมฆ วินัย กล่าวว่า “ตอนที่ได้รับการติดต่อให้มาแสดงก็คิดอยู่ว่าเราจะกลับมาเจอกับน้องทรายในรูปแบบไหน เพราะทรายก็เป็นวิญญาณ จะมาเจอกันยังไง พอทราบว่าผมเล่นเป็นพระ ก็รู้สึกว่าเป็นไอเดียที่ลงตัวมาก แต่อาการป่วยของผมก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ผมต้องคำนึง
ตอนนั้นถึงร่างกายจะดีขึ้นประมาณ 90% แต่มีแต่งเอฟเฟกต์ที่เราต้องแต่ง เนื่องจากเราเป็นพระ ก่อนรับงานก็ลองไปวิ่ง ตากแดด ตีกอล์ฟ ว่าเรารู้สึกคันอะไรตรงไหนไหม ผมกลัวว่าจะไปเป็นภาระของทีมงาน
แต่พอร่างกายเรารับได้ก็ตัดสินใจรับงานนี้ และได้มีโอกาสกลับมาร่วมงานกับ น้องทราย ในรอบหลายปี ก็ดีใจมากครับ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันในฐานะนางนาก และ พ่อมาก อีกครับ
การทำงานกับแจ็คและเอ็กซ์ ยินดีมากครับ เขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ เอาเรื่องราวเก่าๆ มาตีความใหม่ที่แตกต่างออกไป น่าสนใจมากเลยครับ”


...