สร้างเสียงหัวเราะและเรียกน้ำตาท่วมจอเลยทีเดียว เมื่อเหล่านักแสดงจากละคร “เบญจา คีตา ความรัก” ทางช่อง 7 มารวมตัวพร้อมหน้าอีกครั้งในรอบ 19 ปี ทั้ง ซี ศิวัฒน์, น้ำ รพีภัทร, บิ๊ก ภุชิสสะ, ไผ่ พาทิศ, อู๋ นวพล, เชียร์ ฑิฆัมพร, เมี่ยง อติมา, เจี๊ยบ ชมพูนุช, จิ๊บ คีตภัทร, รุ้ง รุ้งเฑียณ, อิม เฟี้ยวฟ้าว และมาพร้อมกับรูปของนักแสดงสาว แตงโม ภัทรธิดา หรือ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแสดงละครเรื่องนี้
โดยในคลิป “SING WITH ME ร้องกับซี EP.9 | ประวัติศาสตร์ 19 ปี เบญจา คีตา ความรัก” ทางยูทูบแชนแนล AmyC Channel เหล่านักแสดงได้ย้อนวันวานเมื่อตอนถ่ายทำละครเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน แถมมีเรื่องลับที่แฟนๆ ไม่เคยรู้ แต่วันนี้ได้รู้กันทั้งประเทศ ทั้งเรื่อง บิ๊ก-ซี เคยตามจีบเชียร์ เรื่องไผ่เม้าท์น้ำว่านอนไม่ยอมตื่น กองต้องโทรหาไผ่ และไผ่ไปรับน้ำที่ห้อง ฯลฯ ทำเอาเหล่านักแสดงขำหนักมาก ก่อนจะพูดถึงความดังของละครเรื่องนี้ เพลงละครก็ดังมาก ด้านเชียร์บอกว่าพี่โมตั้งใจจะเอาเพลงในละครมาร้องอีกครั้ง
...
จากนั้นซีบอกว่าละครเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นของพวกเรา คิดมาตลอดว่าอยากให้กลับมารวมตัวอีกครั้ง จริงๆ มันน่าเสียดายที่ไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นถึงมารวมตัว หลังจากนี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มาเจอกันเดือนละครั้งหรือ 2 เดือนครั้งก็ยังดี วันนั้นที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเรารู้สึกคิดถึงขึ้นมาทันที เราอาจมีชีวิตอยู่ 70-80 ปี ความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่รู้หรอก เรื่องนั้นเราควบคุมไม่ได้ แต่เราก็อยากมีประสบการณ์ดีๆ มารักกันมาเจอกัน เลยเกิด EP นี้ขึ้นมา
หลังจากนั้นทุกคนก็ได้เล่าถึงความประทับใจในตัวแตงโม ด้านอู๋บอกว่าแตงโมเป็นคนสวย ขาว ผู้ชายในเรื่องชอบโมกันหมด หลังจากนั้นก็มาร่วมงานกันอีกหลายเรื่อง เริ่มเห็นตัวตนมากขึ้นจนบอกว่าน่าจะเกิดเป็นผู้ชาย คุยกันสนุกมาก ด้านไผ่บอกว่าเคยไปแข่งรถกับแตงโม สัมผัสได้ว่าเป็นคนจริงใจ ตั้งใจ จิตใจดี น่าคบหา บิ๊กบอกว่าเล่นละครกับโมครั้งแรกก็เล่นเป็นแฟนกัน ทุกคนชอบโมเพราะคาแรกเตอร์ผู้ชายมาก
ด้านน้ำเสริมว่าโมเหมือนเด็กผู้ชาย ตอนแรกที่เจอในละครเบญจาฯ ยังไม่สนิทกัน โมชอบหลับที่กอง แต่เราก็ชอบไปแกล้ง พอเริ่มสนิทกัน หลังจากนั้นไปเจอกันอีกตอนเล่นละครตลาดน้ำดำเนินรัก ไปถ่ายละครต่างจังหวัดด้วยกัน มีแตงโม พิงกี้ พ่อโส (โสภณ พัชรวีระพงษ์) ก็สนิทกัน ตอนหลังๆ พ่อโสก็บอกว่าไม่ต้องเรียกพ่อ ให้เรียกเพื่อนโส
เจี๊ยบบอกว่าในขณะเดียวกันน้องโมเป็นคนอ่อนไหวง่าย ต้องการความรัก เจอทั้งเรื่องดีและไม่ดีสลับกันตลอด ด้านรุ้งบอกว่ามีความทรงจำที่ดีกับโมในเรื่องความเป็นเพื่อนที่น่ารัก ตอนนั้นรุ้งใหม่มาก ได้บทนำครั้งแรก ไม่มั่นใจเพราะเจอคอมเมนต์ว่าไม่สวยเลย มาเล่นละครได้ยังไง รุ้งเสียใจ เราก็ไปนั่งคุยกับเขา เขาก็ให้กำลังใจเรา นางขับรถพาเราไปหาหมอ
เมี่ยงเล่าบ้างว่าหลังจากละครเบญจาฯ ได้ร่วมงานกับแตงโมอีกครั้งในเรื่องห้องสมุดสุดหรรษา โมเป็นคนน่ารัก เป็นคนตรง จิตใจดี เจอกันอีกทีตอนเขามีลูกและเจอกันที่ห้าง ก็ยังคุยกันเรื่องเบญจาฯ เดี๋ยวเอาลูกมาเล่นด้วยกัน แล้วเจอกันอีกบนเครื่อง เราเป็นพนักงานต้อนรับ เขาเป็นผู้โดยสาร ตอนนั้นไปเมลเบิร์น ก็ถ่ายรูปกันและถามกันว่าเป็นไงบ้าง
ด้านจิ๊บเผยเรื่องประทับใจโมที่สุด ตอนนั้นพ่อไม่สบายและเสียชีวิต เราไม่ได้บอกใครเรื่องงานศพ แต่วันนั้นโมกับพ่อมาร่วมงาน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ได้ยังไง เขามาหาในวันที่เราแย่ เขายื่นมือมาหาเรา วันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุด แววตาเขา การกอด สิ่งที่เขามี เขามอบให้เราในวันที่เราแย่ที่สุด รู้สึกประทับใจ วันนั้นเราดาวน์ที่สุด โมมาไม่ได้พูดอะไรเยอะเลย มองหน้าแล้วกอด เป็นพลังรัก ฉันมาโอบกอดเธอ
...
ส่วนเชียร์เสียงสั่น บอกนั่งดูรูปยังรู้สึกว่าจริงเหรอวะ และเริ่มน้ำตาไหล ก่อนจะเล่าว่าเคยเจอพี่โมตั้งแต่ประกวดมิสทีนฯ ด้วยกัน เราเข้าวงการยุคเดียวกัน ถูกจับแข่งขันมาตลอด แต่โคตรโชคดีที่คนที่ถูกจับเปรียบเทียบมากที่สุดเป็นคนที่โคตรสบายใจที่สุด ย้อนวันประกวดมิสทีนฯ คนมาประกวดต้องสวยเป๊ะ แต่มีคนหนึ่งที่มองไปแล้วโคตรเหมือนเราเลย ไม่คิดว่าจะมาแข่ง จะไปแต่งหน้าก็แต่งไป กูจะนอน จะกิน ชิลมากๆ คนนั้นคือพี่โม
เราไม่ได้สนิทกันมากเพราะเพื่อนคนละกลุ่มกัน ก็มารู้ทีหลังตอนได้ตำแหน่ง คนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนเราแต่มายินดีกับเราก็คือพี่โมเหมือนกัน เราก็รู้สึกว่าเจ๋งดี พอมาอยู่ในเบญจาฯ ก็สนิทกันมากขึ้น เล่นกันได้มากขึ้น จัญไรเหมือนกัน มึงตดกูก็ตดกับมึง จะเรอก็เรอใส่ ทุกวันนี้มีไม่กี่คนที่เจอกันแล้วจะจกตูดได้เลย ไม่ใช่แค่เบญจาฯ จะเจอกันกี่ครั้งพี่โมก็ยังเหมือนเดิม
เรื่องที่ใจหายและเสียใจที่สุด เชียร์ทำละครกระสือลำซิ่ง จะมีตัวละครที่ฟาดฟันกันตลอด เชียร์จะนึกถึงพี่โม เลยโทรหาเขา อยากให้เขามาเล่น ก็ถามว่าพี่เป็นไงบ้างสบายดีไหม คำแรกที่เขาตอบมาคือไม่สบายว่ะ เราฟังตอนนั้นก็ยังเสียดายว่าทำไมเราไม่ตื๊อเขาให้หนักกว่านี้ หลังจากนั้นมารู้ว่าเป็นช่วงที่เขาหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพ่อ เรื่องความไม่มั่นใจ ถูกบูลลี่ เพิ่งมารู้ไม่นานมานี้ว่าเขาไม่มั่นใจว่าคนในวงการบันเทิงอยากคุยกับเขาไหม เขาไม่กล้าไปคุยกับคนอื่น มันโดนกระทำจนบอบช้ำมาก เรารู้สึกเสียดายว่าทำไมเราไม่อยู่กับเขาในช่วงที่เขาบอบช้ำขนาดนี้ เราเสียดายมาก
...
พอวันที่เกิดเรื่อง เราก็ได้แต่หวังว่ามันจะเหมือนครั้งนึงที่เขาเคยรถคว่ำ ตอนนั้นปาฏิหาริย์ยังมี เชียร์ไปเจอเขาที่ รพ. ในจังหวะที่เขาหน้าบวม แต่เจอกันครั้งแรกเขาบอกอยากกินเยลลี่ เราไปป้อนเขา เขายังหัวเราะอยู่เลย ก็หวังว่าครั้งนี้เขาจะกลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งได้มั้ย รอดได้มั้ยพี่ แต่กลายเป็นว่าพี่โมไม่ได้กลับมา เราก็ยังใช้ชีวิตกันต่อไป แต่เชียร์อยากบอกว่าการมาของผู้หญิงคนนี้ บางคนอาจมองว่าเหมือนหนังสือเล่มนึง แต่พี่โมเหมือนหนังสือหลายเล่มเลย เชียร์ว่าเป็นความโชคดีที่พวกเราได้เจอเขา
ด้านอิมบอกว่ายังทำใจไม่ได้ เมื่อก่อนเคยอยู่อพาร์ตเมนต์ใกล้คอนโดของโม ห่างกัน 5-6 นาที จะขับรถไปรับไปส่งทุกวัน ได้เห็นความอ่อนโยนของเขา เขาพยายามแสดงออกให้คนเห็นว่าเขาโอเค แต่จริงๆ โมไม่ต้องเข้มแข็งมากก็ได้
ส่วนซีบอกว่าโมเคยไลน์มาหาให้ไปเยี่ยมคุณพ่อ เราจะไปเยี่ยม แต่คุณพ่อน็อกยา ก็เสียดายที่ไม่ได้ไปอยู่ข้างโม โดยเฉพาะวันสุดท้ายที่เราอยู่กับอิมและเขา ทุกครั้งที่เจอโม เราเหมือนเด็กได้ของเล่น เราดีใจที่ได้เจอเขา เรากอดเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร วันนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอโมแล้ว เราพูดได้เต็มปากว่าคนที่อยู่ตรงนี้รักและคิดถึงโม ดีใจมากที่ชีวิตนึงได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ คนที่มีความสุจริตในหัวใจทุกมิติและทุกเวลาของชีวิต
...
ปิดท้ายด้วยการร้องเพลง “จากนี้ไปจนนิรันดร์” ศิลปิน เอ๊ะ จิรากร ซึ่งแตงโมเคยร้องคัฟเวอร์ไว้เป็นเพลงประกอบละคร “สาวน้อยร้อยเล่มเกวียน” และเมื่อปล่อยเสียงช่วงที่แตงโมร้องเพลงนี้ทำเอาแก๊งนางเอกร้องไห้หนักมาก ด้านลูกผู้ชายอย่างไผ่ยังกลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้โฮเหมือนกัน.