• ปั้นจั่น ปรมะ ยอมทิ้งชื่อเสียงและเงินทอง หันหลังให้วงการบันเทิง
  • ขอไปทำตามความฝัน เป็นนักกีฬากอล์ฟมืออาชีพ
  • พร้อมพิสูจน์ตัวเอง ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มีเป้าหมายในใจ 

สำหรับนักแสดงหนุ่ม ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย ที่เริ่มเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยเป็นนักร้องวงบอยแบนด์ชื่อดัง วงไนซ์ ทู มีท ยู ก่อนจะเริ่มมีงานอื่นๆ ตามมา 

ตอนนี้เป็นระยะเวลา 15 ปีแล้ว ที่วันนี้ ปั้นจั่น ได้เดินในเส้นทางวงการบันเทิง ที่มีทั้งผลงานเพลง ผลงานละคร ผ่านสู่สายตามาอย่างมากมาย และกลายเป็นที่ยอมรับของทุกๆ คน

แต่ในวันนี้ ปั้นจั่น เตรียมผันตัวไปทำตามความฝันของตัวเองให้เต็มที่อีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจว่าสิ่งที่เขาจะทำนั้นต้องประสบความสำเร็จ เพราะความพยายาม มุ่งมั่น และตั้งใจเกินร้อยของเขานั่นเอง 

อาชีพใหม่ของ ปั้นจั่น ปรมะ

และในวันนี้ เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักกีฬากอล์ฟมือสมัครเล่นของวงการกอล์ฟคนใหม่อย่าง ปั้นจั่น ปรมะ ทั้งที ก็ต้องพูดคุยถึงเรื่องราวความฝันที่ดูยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้กัน ความฝันที่ต้องบอกว่าน้อยคนนักที่จะกล้าไปคว้าฝันนี้เอาไว้ 

ซึ่ง ปั้นจั่น ก็ได้เปิดใจเล่าถึงความตั้งใจของตัวเอง ในการไปเป็นนักกีฬากอล์ฟของเขาให้ฟังด้วยรอยยิ้มและแววตาที่มุ่งมั่นตั้งใจสุดๆ ตลอดการสัมภาษณ์ 

"ตอนนี้ผมไปมุ่งมั่นเล่นกอล์ฟครับ ผมจะลองดู ถ้าผมทำได้ก็จะไปเป็นนักกีฬา ผมให้เวลาตัวเองสัก 2-3 ปี ผมมุ่งมั่นกับกอล์ฟมาก

ผมซ้อมทุกวันถ้าไม่มีละคร แบ่งเวลาไป และตอนนี้ผมได้ไปแข่งในรายการของออลไทยแลนด์ ซึ่งเป็นทัวร์นึงของมืออาชีพในประเทศไทย ที่สะสมอันดับได้หลายๆ รายการ

...

และทางสปอนเซอร์ก็ค่อนข้างซัพพอร์ตผม เพราะเขาเห็นความตั้งใจของผม ว่าผมตั้งใจและอยากจะมุ่งมั่นจริงๆ เขาเลยอยากจะช่วยผมในเรื่องของการเป็นนักกีฬากอล์ฟ ตั้งแต่ผมยังไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะไปได้ไกลถึงแค่ไหน แต่ผมมีความตั้งใจและความมุ่งมั่นมากๆ ที่จะทำให้มันประสบความสำเร็จ และถ้าผมซ้อมเป็นโปรทัวร์ได้ ผมยืนได้ด้วยตัวเองในการแข่งขัน ผมก็อยากจะเลือกทางนั้นเป็นทางหลักของผม จะไปทำตรงนั้น เพราะมีความสนุกและมีความสุขกับการฝึกซ้อมกอล์ฟในทุกๆ วันเลยครับ"

เงินไม่ใช่ปัจจัยหลัก

จากนั้น ปั้นจั่น เล่าต่อถึงการมาเป็นนักกีฬากอล์ฟของตัวเองในวัย 35 ปี สิ่งที่ทำแล้วทำให้เขานั้นมีความสุขในทุกๆ วัน แม้จะต้องตากแดดจนตัวดำก็ตาม 

"จริงๆ ความเป็นนักกีฬาของผมมีมาตั้งนานแล้ว สิ่งที่ผมถนัดที่สุดคือการได้แสดง เล่นกีฬา และเวลาที่อยู่ในสนามกีฬาไม่รู้สึกเหนื่อย อยู่ได้ทั้งวัน

ยืนตากแดดได้ทั้งวัน อยู่ในสนามกอล์ฟได้ทั้งวัน รู้สึกเจ็บมือ เมื่อย แต่กลับบ้านไปมีความสุขจังเลย มีสมาธิกับตัวเอง อยู่กับตัวเอง ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องมานั่งฟังคำวิจารณ์ หรือคำตัดสินจากใคร

และในวันที่อายุ 35 ปีแล้ว บางคนอาจจะมองว่ามันช้าไป ทำไมไม่ยึดอาชีพดาราไว้เป็นหลัก เพราะนั่นคือท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ ซึ่งผมจะบอกเสมอว่า เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิตของผม

แต่มันเป็นเรื่องของว่า วันนี้ผมได้ทำอะไร ถ้าผมได้ผ่านมันไป ผมอาจจะมานั่งเสียใจทีหลังได้ วันนี้ผมอยากทำความฝันของผมให้เป็นจริง มันจะไปได้แค่ไหน แต่ขอให้มันเกิดขึ้น ไปไม่ได้ก็คือไปไม่ได้

ซึ่งผมได้ทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว และวันหนึ่งถ้าผมทำได้ขึ้นมา ผมก็จะได้บอกต่อคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำว่า ไม่มีคำว่าสายสำหรับเรา ถ้าเรามุ่งมั่นและตั้งใจจริงๆ มันสามารถทำได้ตามที่เราอยากจะทำ" 

ไม่ได้อยากเป็น someone อีกแล้ว

แต่อาชีพนักแสดง เป็นอาชีพที่หลายๆ คนอยากจะได้ทำและยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเอง เนื่องจากเป็นอาชีพที่ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ซึ่ง ปั้นจั่น ก็ยอมรับว่าอาชีพนี้ให้ชีวิตกับตัวเอง แต่เมื่อถึงวันนี้รู้สึกไม่อยากเป็น someone อีกแล้ว

"ต้องบอกว่าในวงการการแสดงมันให้ชีวิตผมเยอะมาก ถ้าผมไม่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ ก็คงไม่มาถึงจุดนี้ และผมก็คงไม่มีกำลังมากพอที่จะไปเล่นกีฬากอล์ฟ หรือว่ามีคนรู้จัก หรือมีคนช่วยทำให้ผมได้เข้าไปแข่งขันไปทำความฝันในมุมนี้ ซึ่งผมก็ขอบคุณมากๆ

...

แต่ว่า ณ วันนี้ในวงการบันเทิง ผมยังรักในการทำงาน แต่ว่าถ้าพูดตรงๆ ผมรู้สึกว่ายิ่งนับวันมันยิ่งไม่ใช่ที่ของผม มันลดลงไปเรื่อยๆ แต่ถามว่าผมยังทำงานอยู่มั้ย ทุกวันนี้ก็ยังทำงานอยู่ แต่ผมรู้ว่าผมไม่สามารถจะยืนอยู่ตรงนี้ไปตลอดได้ มันไม่ใช่เรื่องของวัย หรือความนิยม

การที่อยู่ในสปอตไลต์นานๆ เราอาจจะรู้ว่า เราไม่ได้อยากเป็น someone อีกแล้ว แต่ผมรู้ว่ามันแยกออกไปไม่ได้ เพราะได้เป็นดาราแล้วมันติดตัวไปแล้ว ต่อให้ไปอยู่ที่ไหน ก็ยังเป็นดาราอยู่วันยังค่ำ คนก็ยังให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องที่ไม่ดี

ผมแค่อยากถอยออกมาแล้วเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องมานั่งแคร์ว่าเป็นคนนี้ได้เพราะใคร ถ้าผมยืนในอาชีพนักกีฬากอล์ฟได้ มันเป็นเพราะตัวผมเองล้วนๆ เลย เป็นเพราะผมที่ตั้งใจทำ

ผมไม่ต้องนั่งรอเรตติ้งว่าจะมีใครมานั่งดูผมมั้ย หรือต้องมานั่งเสี่ยงกับความรู้สึกของใคร อาชีพนักกอล์ฟผมทำด้วยตัวเองล้วนๆ ความรับผิดชอบ ความขยัน มันจะเกิดจากตัวผมเองทั้งหมด ไม่มีใครมาข้องเกี่ยวทั้งนั้น จะไม่มีใครมานั่งพูดกับผมว่า ที่มีวันนี้ได้เพราะฉันนะ (หัวเราะ) ทุกอย่างมันมีส่วนได้ส่วนเสียหมด"

...

นักกอล์ฟมือสมัครเล่น

ต้องยอมรับว่า ปั้นจั่น ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเล่นกอล์ฟมา 2 ปีแล้ว และในวันนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักกอล์ฟมือสมัครเล่นของวงการนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่ขอบอกว่ามีเป้าหมายในอาชีพนี้เป็นอะไร 

"ตอนนี้ผมยังเป็นนักกอล์ฟมือสมัครเล่นที่ใกล้จะเป็นโปรก็แล้วกัน (ยิ้ม) เพราะกีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ไม่ได้เก่งภายในเวลาปี หรือ 2 ปี แต่เป็นกีฬาที่ต้องหาประสบการณ์ให้เยอะๆ มากๆ

ซึ่งผมอยู่กับมันมาแล้วประมาณ 2 ปี และกว่าผมจะขึ้นไปยืนได้ด้วยตัวเองก็น่าจะอีก 2-3 ปีที่จะแข็งแรงและเก่งขึ้นกว่านี้มากๆ เพราะความฝันของผมมันยิ่งใหญ่พอสมควร แต่ไม่อยากพูด เดี๋ยวคนจะหัวเราะเอา

เอาจริงๆ ผมอยากจะทำให้สำเร็จก่อน แล้วพูดตอนนั้นมันจะมีพลังมากกว่าพูดตอนนี้ เพราะพูดตอนนี้ไปก็อาจจะยังไม่มีคนเชื่อ เดี๋ยววันนึงผมจะมาบอกทุกคนเองว่าความฝันของผมคืออะไร ถ้าผมทำได้ผมจะบอก

แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมก็จะบอกว่าเป็นเพราะอะไรผมถึงทำมันไม่สำเร็จ มันน่าจะเป็นเรื่องราวที่สนุกมากๆ เพราะผมได้ลงมือทำมันแล้วครับ (ยิ้ม)" 

...

จากเคยเป็นที่โหล่...วันนี้ไม่รั้งท้าย

และเพราะความพยายาม และฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน จากที่เคยไปแข่งขันได้อันดับสุดท้ายของกลุ่ม แต่วันนี้ ปั้นจั่น ปรมะ ยิ้มด้วยความดีใจกับอันดับล่าสุดที่ไปลงแข่งขันให้ฟังด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้รู้สึกอายกับผลงานของตัวเองที่ทำไป

"ครั้งแรกที่ไปแข่ง ผมตกรอบได้ที่โหล่ (ยิ้ม) ผมมือสั่นยิ่งกว่าตอนแสดงละครครั้งแรก ผมทำตัวไม่ถูก ทั้งๆ ที่ผมซ้อมมาอย่างดีแล้ว มันตื่นเต้นมาก แต่มันสนุกมากๆ

ในการไปแข่งเพราะผมได้แข่งกับตัวเอง ซึ่งกีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ผมได้เห็นคนให้กำลังใจกัน มันเป็นกีฬาของสุภาพบุรุษจริงๆ ผมก็ได้เพื่อน ได้พี่ ได้คนดีๆ มากขึ้นจากการที่ผมได้เข้ามาอยู่ในแวดวงของกอล์ฟ

ซึ่งผมก็ขอบคุณที่ทุกคนเอาใจช่วยผม และเห็นความตั้งใจของผม ซึ่งผมก็จะมุ่งมั่นทำมันต่อไป ผมไปแข่งมา 4 แมตช์ ผมก็ยังอยู่ท้ายๆ มาเรื่อยๆ มันขาดนิดขาดหน่อย ผมไม่อายใครด้วยที่จะบอกว่าตัวเองอยู่อันดับสุดท้าย

แต่แมตช์ล่าสุดที่ผมไปตี มันดีขึ้น มันไม่ได้ที่สุดท้ายแล้ว (ยิ้ม) แต่ก็ได้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเองและกลับมาแก้ บางทีผมเตรียมตัวไปอย่างดี แต่พอไปถึงสภาพอากาศเป็นอีกแบบ มันก็ทำให้วิธีการเล่นเปลี่ยนไป

เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยเจอ มันเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับผม ยากสำหรับผม ไม่เคยเตรียมตัวมา ไม่เคยฝึกจิตใจมา การกินการนอนมันสำคัญไปหมดกับกีฬากอล์ฟ เพราะมันมีผลต่อร่างกายและจิตใจเรา

เลยทำให้ผมต้องวางแผนดีๆ และในปีนี้ผมจะแข่งค่อนข้างเยอะ ถ้าใครติดตามผมจะเห็นว่าผมทำอะไรอยู่ ซึ่งผมจะอัปเดตให้ดูเรื่อยๆ ว่าผลงานของผมมันเป็นยังไง

แต่คิดว่ามันน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าผมก็ได้คนแนะนำระดับชั้นครูค่อนข้างเยอะอยู่หลายคน คอยสอนคอยบอก ทุกคนสอนและให้คำแนะนำผม ผมเรียนรู้จากทุกคน และคิดว่าตัวเองจะต้องเก่งขึ้นเรื่อยๆ"

พิสูจน์ตัวเองให้คนที่ดูถูกเห็น

ต้องยอมรับว่า เพราะ ปั้นจั่น ปรมะ เป็นนักแสดงที่ไปเล่นกอล์ฟ งานนี้จึงทำให้หลายคนมองว่าเขาคงมาแค่เล่นๆ ลองเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอย่างที่พูด วันนึงก็คงท้อและกลับไปเล่นละครเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนเดิม ซึ่ง ปั้นจั่น ก็ยอมรับว่าหลายๆ คนคิดแบบนั้นจริงๆ 

"ผมเชื่อว่าหลายคนคิดแบบนั้น แต่ถ้าใครได้สัมผัสจะรู้ว่าผมเอาจริงแค่ไหน ดูจากผิวของผมได้ (หัวเราะ) มันไม่แปลกที่เขาจะคิดแบบนั้น ผมถึงบอกว่า คนไม่สนหรอกว่าการเดินทางของเราเป็นแบบไหน

ส่วนใหญ่คนจะมองที่ผลลัพธ์ เพราะฉะนั้นเมื่อผลลัพธ์มันสำเร็จ ผมจะพูดอะไรก็ได้ถ้าผมทำสำเร็จขึ้นมา มันยากลำบาก มันเหนื่อยมากจริงๆ แต่มันคือความสนุก ความท้าทายในอีกเรื่องหนึ่งของชีวิตผม ผมจะต้องเอาชนะคำเหล่านั้นให้ได้ เชื่อว่าในมุมของคนทั่วไปมองแบบนั้น

คนที่เป็นนักกีฬาบางคนก็ต้องมีมองแบบนั้นแน่นอน มองว่าผมเข้ามาแข่งกีฬากอล์ฟได้เพราะว่าผมเป็นดารา สปอนเซอร์ส่งเข้ามาอะไรแบบนี้ มันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าผมทำหน้าที่ของผม และมีความสุขกับคนที่เขาให้กำลังใจผม และสนุกกับการที่ออกไปเล่น ไปซ้อมในทุกๆ วัน มันมีความสุขมาก"

ไม่อยากจะทิ้งโอกาสเป็นครั้งที่ 2 

อาชีพนักแสดง การทำงานในวงการบันเทิง เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนสูง ซึ่ง ปั้นจั่น ยอมรับว่าหลายๆ คนรู้สึกเสียดายแทนเขาไม่น้อยที่จะทิ้งโอกาสนี้ไป แต่ ปั้นจั่น ก็บอกกับตัวเองว่า เขาก็ไม่อยากจะทิ้งโอกาสนี้ไปเป็นครั้งที่ 2 

"เรื่องของรายได้มันเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ที่ทุกคนจะรู้สึกเสียดายแทนผม และผมเดินไปบอกแม่เองว่า ถ้าหลังจากนี้รายได้มันอาจจะลดลงหน่อยนะ เพราะว่าผมไม่ได้ไปมุ่งทางนั้นมากนัก

ผมอยากจะทุ่มเทให้กีฬากอล์ฟ รถ บ้าน ที่ดินผมมีแล้ว ซึ่งผมโชคดีที่มีครอบครัวไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือย ทุกคนอยู่ง่ายกินง่าย ผมเลยสบายใจกับการมีเงินเท่านี้ มีรายได้เท่านี้

ผมสามารถออกไปทำความฝันของผมได้ รายได้อาจจะลดลงหน่อย ซึ่งตอนนี้อยากจะขายรถซื้อรถกระบะแล้ว เพราะมันขับไปได้ทุกที่ (หัวเราะ)

แม่ก็บอกผมว่า ทำอะไรแล้วมีความสุขทำเลย และแม่ก็พูดประโยคนี้ว่า ทำแทนแม่ด้วย มีความฝันอะไรถ้าทำแล้วลูกมีความสุขก็ทำ เพราะเดี๋ยวมันจะไม่ได้ทำ

เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะพ่อแม่ผมเป็นข้าราชการ และเขาเซฟมากกับการใช้ชีวิต เขาไม่ค่อยเสี่ยง และผมเคยทิ้งโอกาสของตัวเองมาแล้ว เพราะผมกลัวแค่คำพูดไม่กี่ประโยค แล้วก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ

ซึ่งไปตอนนั้นมันอาจจะไม่ดีก็ได้นะ แต่มันเหมือนชะตามันลิขิตไว้แล้วว่าผมจะต้องมาเป็นนักแสดงก่อน มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ ผมเป็นนักแสดงมันทำให้ผมมีบ้าน มีรถ มีชีวิตที่ดีขึ้น

แล้ววันนี้มันก็มากพอที่จะได้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ถึงเวลาทำตามความฝันแล้ว แม้จะค่อนข้างเสี่ยง ซึ่งหลายคนก็เป็นห่วง กลัวแทนผม

ซึ่งถามว่าผมกลัวมั้ย ผมก็กลัวแหละ แต่ผมก็อยู่ได้เพราะผมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป กินข้าวข้างทางได้ ไม่ได้กินอยู่ใช้ชีวิตหรูหรา เพราะฉะนั้นเงินไม่ใช่ปัจจัยที่จะมาที่ 1 ว่ามันจะต้องสำคัญที่สุด

แต่ถ้าหลังจาก 2-3 ปีผ่านไปแล้ว ผมทำมันได้ไม่สำเร็จ แต่ผมมั่นใจว่าการที่ผมไปอยู่ตรงนั้นมันก็ทำให้ผมมีรากฐานความมั่นคงนะ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นในทิศทางไหน

แต่ ณ วันนี้ผมยังไม่ได้มองว่ามันจะไม่สำเร็จ ก็เลยยังไม่ได้คิด ผมมองแค่ว่ามันจะต้องสำเร็จอย่างเดียว มีแต่พลังบวก มีแต่มุมบวกในความคิด"

ซ่อนกลิ่น ผลงานล่าสุดของ ปั้นจั่น ปรมะ

แม้จะไปเป็นนักกอล์ฟมือสมัครเล่น ทุ่มเทเวลาในการฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ แต่ ปั้นจั่น ปรมะ ก็ยังมีผลงานละครให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอยู่ในปีนี้ถึง 2 เรื่องด้วยกันคือ สร้อยสะบันงา และ ซ่อนกลิ่น

ซึ่งในเรื่อง ซ่อนกลิ่น นั้น ปั้นจั่น รับบทพระเอกของเรื่อง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เล่าถึงการทำงานและความสนุกของละครเรื่องนี้ให้แฟนๆ ไปติดตามให้ฟังว่า 

"สำหรับละครเรื่องซ่อนกลิ่น คาแรกเตอร์ไม่ได้ต่างจากที่ผมเคยเล่นมาก เป็นตำรวจที่รักษาความดี มีความกวนๆ หน่อย คาแรกเตอร์เรื่องนี้ไม่ได้หวือหวา เพราะคนที่ฉีกคาแรกเตอร์คือน้องพรีม (พรีม รณิดา)

แฟนละครดูแล้วจะต้องร้องอุ๊ย เพราะไม่เคยเห็นพรีมเล่นแบบนี้ เรื่องนี้น้องจะโลดโผน เป็นอีกบทที่ทุกคนไม่เคยได้เห็นแน่นอน 

แม้เรื่องนี้ผมจะได้บทคล้ายๆ เดิมที่เคยเล่นมา แต่มันไม่ได้น่าเบื่อนะ เพราะบทที่ได้รับมันก็มีสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เลยทำให้ผมไปทำงานเรื่องนี้สนุกมาก เพราะต้องปะทะกับนางเอกตลอดเวลา ตัวนางเอกและคนที่แวดล้อมนางเอกมันคอมเมดี้มากๆ แต่ผมต้องทำหน้านิ่งๆ

ยิ่งบางซีนเข้ากับพี่จตุรงค์ที่ต้องเล่นเป็นผี บางทีผมก็อดขำไม่ได้ บรรยากาศกองสนุกมากๆ ทำให้ผมสนุกมากกับการไปกอง บางฉากถ่ายนานมาก แต่พอมาดูก็รู้สึกคุ้มที่ถ่าย (หัวเราะ) ฉากบู๊ตอนเริ่มต้น ผมถ่ายอยู่ 3 วัน โอ๊ย จะร้องไห้

ร่วมงานกับพรีม ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ได้เจอน้องตามงานช่องบ่อยนะ แต่ไม่เคยได้พูดคุย หรือว่าสนิทกันเลย พอได้มาทำงานร่วมกันกับเขา เขาเป็นเด็กน่ารัก ไม่ได้อวยน้องนะ แต่คนนี้ผมชมจากใจเลย

น้องทำงานง่าย ติดดิน ไม่เรื่องมาก แล้วพอมาอยู่ในตัวนางเอกคนนึง มันโอเคเลย (ยิ้ม) ยิ่งผมได้เห็นมุมที่เขาดูแลแม่ ดูแลพี่ชาย เป็นผู้หญิงที่เป็นผู้นำครอบครัว ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกภูมิใจในตัวน้อง และรู้สึกที่ได้เป็นพี่เขา ได้รู้จักกับเขา 

ผมอยากให้ทุกคนได้ดูละครเรื่องนี้ มันเป็นละครสนุก เบาสมอง แต่เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของพวกเรา เป็นเรื่องความเชื่อที่อยู่ในสังคมไทย หวย เล่นพนัน เป็นเรื่องราวที่เอามาผูกไว้ในเรื่องนี้ เป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ที่มีผีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่มันจะถูกดำเนินเรื่องด้วยความสนุกตลก

และดูได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเอฟเฟกต์ซีจีดีมากๆ ผู้จัดฯ หมดเงินไปกับละครเรื่องนี้เยอะมาก (หัวเราะ) ก็เลยอยากจะขายตรงนี้เยอะๆ ผู้จัดฯ ทำเอาหน้าไม่เอากำไร ยังไงก็ฝากละครเรื่องนี้ด้วยนะครับ ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. รับรองสนุกแน่นอน".

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟฟิก : Varanya Phae-araya