- ทำความรู้จักกับ พร้อม ราชภัทร พระเอกหนุ่มตี๋หน้าหล่อขวัญใจสาวๆ
- จากเดือนคณะวิศวะ ม.ขอนแก่น แจ้งเกิดเป็นพระเอกซีรีส์ เหนือพระราม
- เปรียบชีวิตดั่งฟ้าประทานพร จนทำให้มีวันนี้
เข้าวงการบันเทิงมาเกือบ 2 ปีแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่มตี๋หล่อ พร้อม ราชภัทร วรสาร ขวัญใจแฟนคลับ ที่แจ้งเกิดจากซีรีส์เรื่อง เหนือพระราม หนึ่งในโปรเจกต์ EN of Love รักวุ่นๆ ของหนุ่มวิศวะ กระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักของแฟนคลับสายวาย อีกทั้งยังโด่งดังไปถึงต่างประเทศอีกด้วย
และล่าสุด พร้อม กำลังมีผลงานเรื่องใหม่กับทางค่าย ทีวี ธันเดอร์ ในซีรีส์ตลกเบาสมองดูแล้วอารมณ์ดีกับเรื่อง หน่าฮ่าน เดอะ ซีรีส์ ซึ่งเรื่องนี้ พร้อม รับบทเป็นพระเอกเล่นคู่กับนักแสดงสาว กุ๊งกิ๊ง ปฏิมา ฉ่ำฟ้า
พร้อม เล่าให้ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ฟังว่า การที่ได้เข้ามาเล่น หน่าฮ่าน เดอะซีรีส์ เหมือนได้กลับบ้านเกิดของตัวเองที่ จ.อุบลราชธานี อีกทั้งยังใช้ภาษาอีสานในการแสดงอีกด้วย ซึ่งแฟนๆ จะได้เห็น พร้อม ในอีกมุมที่ไม่เคยได้เห็น เพราะซีรีส์เรื่องนี้มันตลกมาก ต่างจากเรื่องแรกที่เคยเล่นเลย

...
"อันดับแรกเลยต้องบอกว่า สนุกมากๆ ครับ ได้ไปถ่ายโลเกชั่นที่บ้านเกิดของผมที่จังหวัดอุบลราชธานีด้วย แล้วก็เป็นการออกกองถ่ายจังหวัดเลยครับ ได้ไปเจอธรรมชาติ บ้านเกิดของตัวเอง สนุกมากเลยครับที่ได้ร่วมงานกับทีมงานและนักแสดงทุกคนเลยครับ อยากให้ทุกคนได้รอติดตาม เพราะว่าพวกผมอดทนสู้แดดมาอย่างเมามัน เหมือนมาทะเล 15 วัน ตัวดำปิ๊ดปี๋หมดเลย"
"ผมเป็นลูกครึ่งอำนาจเจริญ-อุบลราชธานี แต่ใช้ชีวิตที่อำนาจเจริญบ่อยกว่าครับ ส่วนสถานที่บ้านเกิดจะเป็นจังหวัดอุบลราชธานีครับ ในเรื่องนี้ผมต้องพูดภาษาอีสานทั้งเรื่องเลยครับ เรียกว่าลื่นปรื๊ดๆ ยิ่งกว่ากินยาถ่ายอีก และซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ครับ
เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ กุ๊งกิ๊ง (ปฏิมา ฉ่ำฟ้า) ด้วยครับ นางเอกของเรื่องด้วยครับ เอาจริงๆ นะ กุ๊งกิ๊ง เนี่ยเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของผมเอง ก็เลยอาจจะมีรู้จักกันบ้าง พูดคุยกันบ้าง สนุกดีครับ แต่พี่กุ๊งกิ๊งอะเขินผม (หัวเราะ) ไม่ใช่ผมเขินพี่เขานะ แต่พี่เขาเขินผมซะมากกว่าในช่วงแรกๆ"
"ในเรื่องจะเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ใช่มั้ยครับ ผมก็ได้เอามุกตลกหลายๆ มุกไปขายกับผู้กำกับหลายตอนมาก อย่างเช่น EP.1 ที่ปล่อยไป ก็เป็นครั้งแรกที่เปิดตัวผมเลย ตอนที่มาหา ผอ. ที่โรงเรียน กำลังจะเดินกลับกันแล้ว ผมก็ถามคู่หูของผมว่าเอาเชือกฟางมาทำอะไร ก็นั่นแหละอย่างที่เห็นใน EP.1 เล่นมุกกันสดๆ เลยครับ เอาจริงๆ นะ ซีรีส์เรามันเป็นหนังตลก คือแบบทุกคนที่มาเล่นอะ เขาขายขำกันทุกคน (หัวเราะ)"

เป็นคนตลกที่ได้มาเล่นซีรีส์ตลก
"หน่าฮ่าน เดอะซีรีส์ เป็นซีรีส์คอมเมดี้เรื่องแรกของผมเลยครับ ต้องบอกเลยว่าก่อนที่จะมาเล่นเรื่องนี้นะ ผมก็เครียดเพราะเป็นคนที่ตลกตลอดเวลา ตอนแรกก็เครียดแหละแต่ในพาร์ตที่อยู่คนเดียว ก็จะกังวลว่าจะทำงานได้มั้ย แต่ก็เตรียมตัวมาดีครับ แต่สุดท้ายก็ทำงานได้คล่อง หายกังวลครับ ด้วยความที่เรามีเวิร์กช็อปกันด้วย ก็เริ่มทำงานเข้าขากันได้มากกว่าเดิม"
"ซีรีส์เรื่องนี้ก็จะมีความรักในรูปแบบที่หลากหลายเลยครับ มีทั้งแบบชายหญิง LGBTQ ก็มีครับ เรียกว่าครอบคลุมทุกจักรวาลได้เลย แต่บอกเลยว่าไม่ใช่ซีรีส์ตลกนะพี่ มันเป็นซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ เป็นช่วงชีวิตของวัยรุ่นในช่วงหนึ่งแต่มันติดตลกเฉยๆ (ยิ้ม)"

ได้เผยอีกมุมที่ไม่มีใครเคยเห็น
"ถามว่าการทำงานในซีรีส์เรื่องแรกของผมเป็นซีรีส์วายใช่มั้ย แต่พอมาเรื่องนี้เป็นการทำงานแบบซีรีส์ชายหญิง รู้สึกว่าการทำงานต่างกันมั้ย ผมว่าก็อาจจะต่างหน่อยครับ เพราะว่าซีรีส์วายด้วยความที่ว่ามันเป็นชาย-ชาย ก็จะมีความเขินกันมากกว่าปกติอยู่แล้วกว่าชาย-หญิง ก็ใช้เวลาเวิร์กช็อปนานหน่อย แต่เรื่องนี้ก็ใช้เวลาเวิร์กช็อปนานเท่ากันกับซีรีส์วายที่ผมเล่นมาก่อนหน้านี้เลยนะ เพราะว่าพี่กุ๊งกิ๊งเขิน (หัวเราะ)"
...
"แฟนคลับผมนะ โห พี่ เขาจะได้หลายอย่างมากเลยครับ ทั้งสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นจากผมมาก่อน สิ่งที่เขาตั้งตารอดู อย่างเช่นสำเนียงการพูดภาษาอีสานของผม แล้วก็พูดถึงการแสดงของคู่พระนางคนอื่นด้วย แล้วก็บทด้วยว่ามันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากหนังในเวอร์ชันเก่า เพราะซีรีส์นี้เคยเป็นภาพยนตร์มาก่อน ก็มีการเพิ่มเติมมานิดหน่อย ผลตอบรับดีมากครับ ผู้กำกับยิ้มแก้มปริเลย (หัวเราะ)"

ชีวิตในวัยเด็กก็เหมือนเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง
"ชีวิตในวัยเด็กของผม เป็นเด็กบ้านนอกเลยนะ เหมือนในซีรีส์เลย คือตัวละครบางตัวละครผมก็ทำมาแล้วนะ ขี่ควายบ้าง ไปเล่นกับเพื่อน ไปเล่นน้ำในแม่น้ำบ้าง ชีวิตในซีรีส์เรื่องนี้ก็เหมือนผมตอนเด็กๆ เลยครับ"
"ตัวตนจริงๆ ของผม คือถ้าใครที่ไม่ได้สนิทหรือว่าไม่ได้รู้จักเรามากขนาดนั้น ก็จะเป็นแบบคนทั่วไปเลย มีเฟรนด์ลี่บ้าง ถ้าไม่ได้คุยกันหรือเดินผ่านกันเฉยๆ หน้าก็จะดูนิ่งๆ ดูเย็นชา เป็นสไตล์คนเงียบๆ เลย แต่จริงๆ ผมเป็นคนที่เฮฮามาก พลังชีวิตมนุษย์ขับเคลื่อนด้วยความจริงใจและความสุข ความสุขของผมก็คือแค่ทำให้คนหัวเราะ และก็มีความสุขกับเราเท่านั้นก็พอครับ"
...

จากเดือนคณะวิศวะสู่พระเอกซีรีส์
"ถ้าจุดเริ่มต้นจริงๆ ผมเป็นเดือนของคณะวิศวะ ที่ ม.ขอนแก่น มาก่อน แล้วก็มาเล่นซีรีส์วายเรื่อง EN OF LOVE รักวุ่นๆ ของหนุ่มวิศวะ เป็นเรื่องแรกในชีวิตครับ
ถามว่าจากเด็กวิศวะมาเป็นนักแสดงต้องปรับตัวเยอะมั้ย ก็เยอะครับ มีทั้งการวางตัว การพูดคุยกับคนที่เราไม่รู้จัก หรือว่าเรื่องการใช้เงิน มันต้องวางแผนหลายๆ อย่าง แล้วก็มีเรื่องการที่เราต้องมานั่งทำการบ้าน ตั้งใจทำอย่างจริงจัง เรียกว่าต้องปรับตัวใหม่ในทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ครับ"

...
น้ำตาตกเมื่อจำเป็นต้องย้ายที่เรียน
"ตอนนี้ผมยังไม่จบครับ พอดีมีปัญหาหลายอย่างทั้งครอบครัว ทั้งการทำงาน ในพาร์ตการดูแลต่างๆ ที่ผมมีภาระหลายๆ อย่างที่ต้องดูครับ ก็เลยต้องเปลี่ยนที่เรียน จากเดิมเรียนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น พอเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ก็ย้ายจากที่นั่นมาเรียนที่กรุงเทพฯ ครับ แบบต้องเริ่มเรียนใหม่หมดเลย เพราะผมเรียนกันคนละคณะครับ พอผมรู้ว่าผมต้องย้ายที่เรียน ผมน้ำตาตกเลยแต่ก็ไม่เป็นไรครับ ก็เริ่มใหม่กันได้ ยังไม่มีใครแก่เกินเรียน"
"ถ้าย้อนไปช่วงแรกๆ ตอนที่ผมมาทำงานในวงการบันเทิงใหม่ๆ ผมต้องเดินทางมาทำงานที่กรุงเทพฯ และกลับไปเรียนที่ขอนแก่น ช่วงนั้นก็หนักเอาการอยู่ครับ ด้วยความที่วิศวะฯ มันเรียนยากอยู่แล้ว และมหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ติดอันดับท็อปเทนของประเทศอยู่แล้ว และด้วยความที่สาขาที่ผมเรียนเขาได้รางวัลมา เขาก็เปลี่ยนแผนการสอนใหม่เกือบทั้งหมด เลยกลายเป็นว่ายากขึ้นมาก
ตอนนั้นผมต้องเลือกระหว่างเรียนกับทำงาน เลยเลือกที่จะแบบว่าถ้าเราทำงานได้ เราก็ค่อยหาที่เรียนใหม่ก็ได้ ไม่แก่เกินเรียนหรอกถ้าเรามีจิตใจที่มุ่งมั่น ผมย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯได้ประมาณปีนึงแล้วครับ มาเรียนคณะนิเทศศาสตร์ครับ แต่ก็ไม่ต้องปรับอะไรใหม่มากนะ เพราะเราเริ่มใหม่จากศูนย์เลย"
"ตอนที่ผมต้องย้ายสถานที่เรียน พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ เขาซัพพอร์ตทุกอย่าง เราก็บอกเหตุผลที่เรามีและสิ่งที่เราต้องเจอ เขาก็เข้าใจในปัญหาและสิ่งที่เราต้องเจอครับ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะตอนนี้ผมก็ดูแลตัวเองได้แล้ว พ่อแม่เขาก็ไม่ได้บังคับอะไร ก็เห็นด้วย เพราะน้องสาวของผมก็เรียนอยู่ในกรุงเทพฯเหมือนกัน"

เปรียบชีวิตตัวเองดั่งฟ้าประทานพร
"การปรับตัวในวงการบันเทิง อันดับแรกเลยคือต้องปรับตัวให้มีเอนเนอจี้ อันดับที่สองคือการปรับตัวเรื่องการถ่ายเซลฟี่ให้ดีขึ้นครับ เพราะเดินไปไหนใครก็ขอถ่ายรูป (หัวเราะ) ก็มีความสุขดีครับ สนุก รู้สึกดีใจที่มีคนรู้จักเรา"
"ก็รู้สึกดีใจครับ ที่ตอนนี้มีคนรู้จักเราเยอะมาก แบบ World Wide เลยครับ ก็เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจในระดับหนึ่ง เพราะมีคนรู้จักเราไม่ใช่แค่คนในประเทศของเราเอง โอกาสในชีวิตผม ผมไม่รู้ว่าจะได้ไปต่างประเทศรึเปล่า แต่ว่าเขาก็รู้จักเราจากสิ่งที่เราทำจากผลงาน ก็รู้สึกดีใจครับ"
"ก่อนที่ผมจะได้มาเล่นซีรีส์เรื่องแรกของผมอะ ตัวผมไม่ได้ติดตามซีรีส์วายด้วยตัวเองมาก่อนครับ ส่วนใหญ่จะมีเพื่อนเล่าให้ฟัง ผมก็นั่งฟังเขาพูดกันไป ก็ไม่มีอะไร แต่พอได้มาเล่นเอง รู้สึกท้าทายแล้วก็เป็นสิ่งที่ถ้าเราทำได้ มันก็เป็นผลดีของเรา ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพราะโอกาสนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ผมเรียกว่า พระเจ้าประทานพร เลยครับ"
"ส่วนเรื่อง หน่าฮ่าน อันนี้ผมเข้ามาแคสต์ครับ จริงๆ ก็มีนักแสดงหลายคนที่เขาวางไว้เหมือนกันว่าบทนี้มีใครบ้างที่จะเข้ามาแคสต์ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเตะตาอะไรในตัวผม ผมก็ได้เข้าไปเล่น มันก็คือฟ้าประทานพรรอบที่ 2 ครับ (ยิ้ม)"

"ผมบอกเลยว่า ผมไม่มีจุดมุ่งหมายเลยว่าเราจะไปสุดที่ไหน หรือจะไปตันที่ไหน ผมรู้สึกว่าผมสามารถทำได้เรื่อยๆ และก็พัฒนาไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าวันไหนที่เราทำไปแล้วมันไม่ใช่ มันไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละเป็นจุดที่เราควรพอ ร่างกายและจิตใจเราจะตอบเองว่า วันนี้เราไม่ไหวแล้วนะ ต้องพักแล้วนะ แต่เราไม่เคยคิดว่าเราจะมาหยุดที่ไหนสักทีหรือเราจะยอมแพ้"
"งานอื่นๆ ในปีนี้ที่ผมวางแผนไว้ ก็จะมีเพลงที่จะทำประมาณ 3-4 ซิงเกิลครับ และก็วางแผนไว้ว่าจะไปฟีเจอริ่งกับใคร แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดตัวได้ครับ ส่วนงานแสดงก็ยังรับเหมือนเดิมครับ แต่ด้วยปีนี้เป็นปีที่ซีรีส์ออนแอร์ ผมก็เลยวางไว้ว่า จะทำงานเพลง หรืองานอะไรที่ผมอยากจะทำไปด้วย เพราะผมรักในเสียงดนตรีด้วย เป็นความใฝ่ฝันอีกอย่างหนึ่งของชีวิตเลยที่อยากเป็นนักร้องครับ"

ฝากอ้อนแฟนคลับถึงผลงานชิ้นล่าสุด
"ผมได้มีโอกาสไปร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วยครับ ชื่อเพลง เธอคือแสงสว่าง ทุกคนไปฟังได้ทุกสตรีมมิงเลย ทุกช่องทาง ก็สามารถเข้าไปฟังได้ครับ และก็ตั้งใจร้องเพลงนี้ออกมามากๆ ครับ อยากให้ทุกคนไปฟังดูครับ แล้ว หน่าฮ่าน เดอะซีรีส์ สามารถดูได้ที่ AIS Play และช่อง 3 กด 33 ครับ เวลา 23.00 น. ทุกวันจันทร์ครับ อยากให้ทุกคนไปดูเยอะๆ ครับ"
ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตมาตลอด
"ขอบคุณที่เดินทางมาด้วยกันนะครับ อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่ยาวมาก ขอบคุณจริงๆ นะครับ ขอบคุณจากใจเลย แล้วก็อยากให้ทุกคนอยู่ติดตามผลงานไปเรื่อยๆ นะครับ มีอะไรมากมายที่อยากให้ทุกๆ คนได้เห็นและได้ติดตามกัน ส่วนหนึ่งผมบอกเลยว่าที่ชีวิตผมมาถึงจุดๆ นี้ได้ ก็คือพวกคุณ"
ก่อนจะจบการสนทนา ทางเราได้ถาม พร้อมว่า คิดว่าตัวเองโชคดีมั้ยที่มาถึงจุดนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าตัวก็บอกว่า "จริงๆ ผมรู้สึกมันไม่ได้โชคดีครับ ผมรู้สึกว่าเกิดจากความพยายามและการเอาชนะตัวเองของผมนั่นแหละ แล้วก็ที่มาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะโอกาสและแฟนคลับ ขอบคุณทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตผมนะครับ อย่างที่ผมบอก ผมรู้สึกว่าชีวิตผมฟ้าประทานพร และผมก็รับความโชคดีนั้นไว้ครับ".
เรื่อง : โอ้ว...ซาร่า
กราฟิก : Sathit Chuephanngam


