• เฟม ชวินโรจน์ กับการเล่นซีรีส์วายเรื่องแรก รักนาย My Ride The Series นิยายดังที่แปลมากว่า 10 ภาษาทั่วโลก
  • จากอดีตเด็กผู้ชายอายุ 12 ขวบที่เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก  
  • อยู่ในวงการบันเทิง 12 ปี แต่ได้ประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

โลดแล่นในวงการมา 12 ปี แจ้งเกิดตั้งแต่เป็นพระเอกตั้งแต่เด็กจากหนังเรื่อง "บ้านฉันตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)" จนตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มหล่อ สำหรับ เฟม ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล และยังเดินหน้าในเส้นทางบันเทิงตามความชอบที่มีมาตั้งแต่เด็ก จนมาตอนนี้มีประสบการณ์ไม่ซ้ำ

มาตอนนี้ เฟม ได้เรียนจบปริญญาตรีแล้ว พร้อมกลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากที่หายหน้าไปสักระยะเพื่อมุ่งมั่นเรียนให้จบตามความหวังของพ่อแม่ และกลับมารับงานแสดงในซีรีส์วายเป็นครั้งแรก โดยเป็นพระเอกนายเอกคู่หลักของเรื่อง ใน รักนาย My Ride The Series กับบทของคุณหมอตะวัน แพทย์ประจำบ้าน สาขาอายุรกรรม

โดย เฟม ได้เล่าถึงชีวิตในตอนนี้ให้กับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้ฟังว่า รักนาย My Ride The Series เป็นผลงานซีรีส์วายเรื่องแรก ที่มาเป็นคู่หลักเต็มตัว ซึ่งเขาบอกว่า ที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ เพราะอยากลองเล่นในบทที่หลากหลาย และอยากลองในบทบาทของการเป็นคุณหมอ ซึ่งรู้สึกว่ามันท้าทายตัวเองดี 

...

รักนาย My Ride นิยายดัง แปลมากว่า 10 ภาษาทั่วโลก

"ซีรีส์เรื่อง รักนาย My Ride The Series เป็นเรื่องของคุณหมอตะวัน ก็คือ เฟมนั่นแหละ รับบทเป็นแพทย์ประจำบ้าน สาขาอายุรกรรม กับวินมอเตอร์ไซค์ในเรื่องชื่อ หมอก ครับ กับคนที่เล่นด้วยก็คือ ฟลุ๊ค ครับ ในเรื่องเกี่ยวกับคุณหมอตะวันที่มีแฟนอยู่แล้วก็คือหมอปอ (รับบทโดย ภัทร ฉัตรบริรักษ์) แล้วเรามีปัญหากัน จับได้เขามีคนอื่น

แล้ว หมอก วินมอเตอร์ไซค์ (รับบทโดย ฟลุ๊ค พงศกร วงศ์เพียร) เขาก็โดนแฟนบอกเลิกมาเช่นกัน แล้วเราสองคนเลยมีโอกาสได้มาเจอกัน เพราะเราไปขึ้นวินเขาบ่อยๆ เพราะเขามีวินใกล้โรงพยาบาลเรา พอเราได้มีโอกาสมารู้จักกัน จากคนสองคนที่มีปัญหาเรื่องความรัก พอมาเจอกันก็ก่อตัวขึ้นเป็นความรักครับ แต่ก็ต้องให้คนดูลุ้นเอาว่า ระหว่างวินมอเตอร์ไซค์กับหมอจะเกิดเป็นความรักได้ยังไงครับ

ซีรีส์เรื่องนี้ตอนที่เป็นนิยาย แปลมากว่า 10 ภาษาทั่วโลกเลยครับ ถามว่าผมได้อ่านบ้างมั้ย ก็ตั้งแต่ตอนแรกเลยที่ทางผู้จัดได้ติดตามมา ตามจริงโปรเจกต์นี้มีมานานมากแล้ว ประมาณ 2 ปีกว่าๆ ได้ครับผม ก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านนักแสดง ด้านผู้กำกับ ก็เลื่อนถ่ายยาวมา และตั้งแต่ที่ทางผู้จัดได้ติดต่อมาให้ผมรับเล่นเป็นคุณหมอตะวัน 

เฟม ก็ได้มีโอกาสเจอกับพี่หมอแพท หรือหมอตุ๊ด ที่ใช้นามปากกาว่า รังสิมันต์ ที่เป็นคนเขียนหนังสือ เขาก็ได้ให้หนังสือนิยายมาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เราก็ได้อ่านดูและรู้สึกว่าสนุกครับ"

ร่วมงานกับ ฟลุ๊ค พงศกร ครั้งแรก ยกให้เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี

"ร่วมงานกับ ฟลุ๊ค ครั้งแรกเลยครับ คือเราก็ช่วยกันครับ เขาก็เกร็งๆ เราครั้งแรกที่เจอเลยครับ แต่ว่าด้วยการที่เรามีเวิร์กช็อป มีทำกิจกรรมด้วยกัน มีซ้อมต่างๆ เยอะแยะ พอเราได้อยู่ด้วยกันตอนที่ถ่ายทำ มันค่อนข้างที่จะไม่ได้ดูเกร็งหรือยากเกินไป เพราะเราก็อายุเท่ากัน มีความสนใจอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน ก็เป็นเพื่อนกัน ฟลุ๊ค เขาก็ช่วยผมได้เยอะครับในเรื่องของการทำงาน อย่างตอนที่เราเหนื่อยหรือเรามีปัญหา เราก็ปรึกษากันครับ ถือว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีครับ" 

รับบทพระเอกในซีรีส์วายแบบเต็มตัวเรื่องแรก 

"ถามว่าเป็นซีรีส์วายเรื่องแรกของผมเลยมั้ย คือผมเคยเล่นมาแล้ว แต่ไม่ได้เป็นตัวหลัก คือผมเคยไปแจมด้วยนิดหน่อย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมได้รับบทนำเป็นพระเอกนายเอกเลยครับ ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่เป็นซีรีส์วายเต็มตัวครับ"

"ถามว่าทำไมผมถึงตัดสินใจเล่น อย่างแรกเลยคือ ผมเห็นความตั้งใจของทางผู้จัดเป็นอย่างแรกเลยครับ เขาอยากให้เรามารับบทนี้จริงๆ ติดต่อมาแล้วก็มีการนัดไปคุยตั้งแต่ตอนโน้น พอเราได้ลองอ่านบทและเขาก็เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าพล็อตเรื่องมันเป็นยังไง

ผมก็เกิดความรู้สึกว่ามันน่าสนใจนะ มันก็มีความท้าทายตัวเองดี และยังไม่เคยได้เล่นเป็นบทหมอ ตัวละครในเรื่อง หมอตะวัน ก็โตกว่าเราด้วยครับผม ผมก็อยากรู้ด้วยว่า ถ้าสมมติว่าเราเป็นตัวละครนี้ เราจะถ่ายทอดออกมาได้ยังไงในรูปแบบของซีรีส์ เราก็เลยตัดสินใจรับครับผม ก็เหมือนเป็นการท้าทายตัวเองด้วย

...

และก็อยากลองดูว่า ถ้าเราลองมาเล่นบทบาทนี้ดู เราจะทำออกมาได้เป็นยังไงนะ แล้วอีกอย่างแฟนคลับหลายๆ คน ช่วงก่อนหน้าที่ผมยังไม่ได้รับเนี่ย เขาก็บอกว่าอยากเห็นผมเล่นซีรีส์วาย ก็มีเชียร์กัน แต่จริงๆ ก็มีติดต่อมาหลายเรื่อง พอผมได้มาเจอพล็อตเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจจริงๆ เลยลองรับดูครับ"

"ถามว่า มีฉากกุ๊กกิ๊กมั้ย มีครับ แต่ว่าคือเรื่องนี้มันจะไม่ได้เน้นฉากหวือหวา หรือว่ามีเลิฟซีนอะไรเยอะแยะมาก แต่จะมีสัญญะในการทำกระทำบางอย่าง อย่างเช่น จูบกัน กอดกัน ก็เชื่อว่าคนดูจะได้ลุ้น มีความฟินแน่นอนครับแต่ละซีน เพราะว่ามันดูมีความหมายครับ

ในเรื่องอาจจะมีฉากกอด จูบกับ ฟลุ๊ค ก็เขินแหละครับ ถึงเราจะเวิร์กช็อปกันแล้วแต่พอไปถึงหน้ากองจริงๆ พอถ่าย เราก็ผู้ชายทั้งคู่แหละเนอะ ก็แมนๆ เหมือนเราก็คุยกันพอเราเช้าซีนก็จะเหมือนไม่ใช่ตัวเรานะ เราจะเป็นตัวละคร แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี ก็มีหลุดยิ้มบ้าง พอคัตปุ๊บก็เขิน แต่ว่าทางผู้กำกับก็มีช่วยเยอะครับ มีแอ็กติ้งโค้ชมาช่วยทำให้เราผ่อนคลายขึ้นครับ"

อยากให้ทุกคนลองเปิดใจได้ชมกัน

"ในส่วนของตัวผมกับนักแสดงทุกคน ในส่วนของทีมงาน เราทำกันอย่างเต็มที่แล้ว คือผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราเสียดายหรืออะไรแล้ว เพราะว่าเราได้ทุ่มให้กับมันอย่างเต็มร้อยแล้ว ทีนี้ก็อยากให้คนดูลองเปิดใจดีกว่า สำหรับคนที่อาจจะเป็นแฟนซีรีส์วายเรื่องอื่นๆ และอาจจะไม่ใช่แฟนซีรีส์วายเลยก็ได้ครับ ก็อยากให้ลองเปิดใจดู

เพราะซีรีส์เรื่องนี้มันเหมือนเป็นหนัง ที่เล่าถึงมุมมองความรัก นอกจากคู่ของผมแล้ว ยังมีเรื่องของคู่บาริสต้า และเรื่องของหมอๆ กับวินมอเตอร์ไซค์ คือมันมีความรักหลากหลายรูปแบบ แล้วเราอยากจะถ่ายทอดออกไปให้คนเห็น แล้วอยากให้คนมีมายด์เซตที่ดีขึ้น ว่าความรักมันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของฐานะ หรือว่าอาชีพอะไร เพศไหนก็ได้ สามารถที่จะรักกันได้ ผมอยากให้คนเห็นตรงนี้ และอยากให้คนดูอินไปกับตัวละครและประทับใจในบทบาทที่ผมเล่นด้วยครับ อยากให้แฟนๆ ได้ลองเปิดใจดูกันครับ"

...

แจ้งเกิดจากหนังดัง "บ้านฉันตลกไว้ก่อนฯ"

"ตอนนั้นผมไปเรียนเต้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่แถวๆ แกรมมี่นี่แหละ แล้วพี่ชมพู่เขาอยู่โรงเรียนสอนเต้น เขาก็แนะนำให้แม่พาผมไปลองแคสต์ดู เพราะรู้สึกว่าน้องน่าจะตรงกับคาแรกเตอร์นี้ที่ GTH เขาประกาศรับสมัครนักแสดงเด็กอยู่ ตอนนั้นผมก็ไม่อยากไปหรอก คิดว่าไม่น่าได้ เพราะตอนนั้น GTH มีแต่หนังดังๆ ทั้งนั้นเลย เป็นช่วงยุคกำลังบูมของเขาเลย

ผมก็ลองไปแคสต์ดูก็ได้ แล้วจำได้เลยว่าพอไปถึงมีคนมาเยอะมาก ตอนนั้นไปบริษัท ทวิน แคสติ้ง สตูดิโอ แต่ตอนนี้ปิดไปแล้วนะ ไปเจอเด็กรุ่นๆ ผมนี่แหละนั่งกันอยู่ คือวันที่ไปแคสต์ผมคิดว่าเขาให้ไปทำบทโน่นนี่นั่น ปรากฏว่าพอไปถึงเข้าห้องแคสต์ ทีมงานบอกว่า ให้ลองเล่นมุกที่คิดว่าฮาที่สุดในโลกให้พี่ดูหน่อย

ผมก็ยังไงๆ อะไร แต่ก็เล่นมุกแบบแพรวพราวเลย พอเสร็จก็ได้ยินแต่เสียงแอร์ คือทุกคนเงียบกริ๊บ วันนั้นก็คิดว่าผมคงไม่ได้แล้ว มั่นใจมาก ขำอยู่คนเดียว พอออกมาก็บอกแม่ว่าไม่น่าได้ กลับเหอะ แล้วสุดท้ายเขาก็ติดต่อมาบอกว่า ผู้กำกับอยากเจอนะ เดี๋ยวมาเล่นอีกรอบหนึ่ง ผู้กำกับเขาอยากดูด้วย ก็เป็นพี่บอล วิทยา กับพี่เมษ ธราธร พี่เขาเป็นคนให้โอกาสผมคนแรกเลย ที่ได้มาทำงานในวงการบันเทิง จนได้มาเป็น ล้อต๊อก ในบ้านฉันฯ"

...

"แต่ก็จะมีช่วงที่หายไปบ้างนะครับ หายไปประมาณปีสองปี ช่วงมหาวิทยาลัยก็จะไม่ได้มีงานอะไรที่หวือหวามาก ผมไปเรียนด้วย เพราะช่วงนั้นเรียนยากมากครับ ที่ มศว แล้วพอเรียนจบผมก็เริ่มรับงานมากขึ้นครับ ปีนี้จะมีให้ชมแน่นอน 3 เรื่องครับ"

ชีวิตในวงการบันเทิง 12 ปี แต่ได้ประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

"ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กซนทั่วไปเลย ชอบวาดรูป วิ่งเล่น เตะบอล เป็นนักกีฬาวิ่ง มีกิจกรรมทำเยอะ หลากหลายมาก"

"จากหนังเรื่องแรก ถ้านับแล้วก็ประมาณ 12 ปีได้ครับ ตั้งแต่หนังเรื่อง บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ครับ ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา สอนอะไรผมหลายๆ อย่างครับ เรื่องของความอดทน คืออย่างผมมีโอกาสที่ดีในตอนนั้น จากเด็กคนหนึ่ง เรียนชั้น ป.6 เป็นเด็กซนๆ มาเล่นหนังเป็นพระเอกที่อายุน้อยมากๆ ในตอนนั้นถือว่าเข้ามาเร็ว เราก็ได้อยู่กับพี่ๆ ทีมงาน คนเบื้องหลัง และเราก็รู้ว่าการทำงานมันยาก มันมีอุปสรรค ความเหน็ดเหนื่อย ก็สอนให้เรารู้จักคุณค่าต่างๆ ของเงินด้วยครับว่ามันหายากนะ

ที่บ้านผมก็อยากให้เราลองใช้ชีวิต ลองหาประสบการณ์ ตอนเด็กๆ คุณแม่ก็เหมือนแม่ทั่วๆ ไป อยากให้ลูกเป็นนักแสดง พาไปแคสต์ ไปเต้น ไปร้องเพลง ก็ได้เจอมิตรภาพดีๆ ได้ฝึกพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ ครับ เพราะผมรู้สึกว่า ผมได้มีโอกาสลองหลายๆ อย่าง คุณแม่สนับสนุนเรามาตลอดเหมือนเขาก็ส่งเสริมในสิ่งที่เราชอบ อย่างน้องผมก็เป็นนักกีฬา และผมก็ชอบทางด้านนี้ เขาก็สนับสนุน ก็โอเคกับมัน เขาไม่ได้ปิดกั้นอะไรเรา"

"ตอนแรกมาเล่นหนังปุ๊บ ผ่านไป 2-3 ปี ผมได้มีโอกาสเล่นซิตคอมเรื่อง ลูกพี่ลูกน้อง มา 2-3 ปี เราก็ได้ประสบการณ์การทำงานหลายๆ รูปแบบ ทั้งซีรีส์ ทั้งละคร ทั้งหนัง ซิตคอม เพื่อที่ว่าอนาคตเราจะใช้ทำงาน เผื่อเราเป็นผู้จัด เราอยากทำหนัง เราก็สามารถทำได้ เพราะเราพอรู้แล้วว่าเราต้องจัดการยังไง

และอีกอย่างหนึ่งคือมันสอนให้ผมเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะตั้งแต่เด็กๆ จนโต เราจะไม่ได้มีเวลาเท่าเพื่อน เราต้องไปทำงาน คือเราก็เที่ยวตามประสาเด็กทั่วไปแต่เราก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่ที่เราต้องทำ ต้องแบ่งเวลา"

"ชีวิตในวัยเด็กหายไปมั้ย ผมรู้สึกว่าเราต้องแลกครับ ถ้าเราอยากได้อะไรสักอย่างหนึ่ง เราต้องยอมเสียอะไรสักอย่างไป ผมคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นนะ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือผมก็ไม่รู้สึกเสียดายเลยเพราะว่าสิ่งที่เราได้รับกลับมา เรามีคนรู้จักมากขึ้น เรามีกลุ่มน้อยๆ แฟนคลับที่คอยติดตาม ผมรู้สึกว่ามันเป็นพลังบวกให้กับผมมาก 

อย่างหลายๆ คนที่อยู่ด้วยกันมา ติดตามกันมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ จนบางคนเรียนจบแล้ว บางคนทักมาแสดงความยินดีกับเรา เราก็ไปแสดงความยินดีกับเขา เหมือนเราเติบโตไปพร้อมๆ กัน แล้วเวลาเราได้ไปให้กำลังใจเขาตามช่องทางต่างๆ แล้วเขารู้สึกดีขึ้น เขาส่งข้อความกลับมา มันทำให้ผมรู้สึกว่าเรามีคุณค่า มีคนที่คอยซัพพอร์ตเราอยู่ มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้เสียอะไรไป เพราะเราเลือกที่จะทำตรงนี้แล้ว"

มีเป้าหมายในใจ อยากทำงานที่หลากหลาย

"คือตอนนี้ผมอยากโฟกัสเรื่องงานที่กำลังจะฉาย เหมือนกับว่าเป็นงานชิ้นแรกที่ผมได้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วย ผมทุ่มเทกับมันเยอะมาก แล้วในปีนี้อยากจะลองท้าทายบทมาก เพราะซีรีส์ 3 เรื่องที่ผมรับมาแล้วกำลังจะฉาย คาแรกเตอร์มันไม่ซ้ำกันเลย 

คือ ต้นปีผมได้เล่นเป็นหมอ ส่วนเรื่องที่สองเกี่ยวกับนักศึกษาฝึกงาน เป็นหนุ่มเพลย์บอย เจ้าชู้ เป็นเรื่องที่ผมสนุกกับมันมาก ส่วนอีกเรื่องเป็นซีรีส์เพลง และเราได้มีโอกาสร้องเพลง ทำเพลงด้วย มีเต้นเป็นแดร็กควีน ใส่ลีลาเข้าไป ยากพอสมควร 3 เรื่อง 3 รส ผมก็อยากทำให้ดีที่สุดครับ"

"ส่วนจะปังมั้ย อันนี้ก็ต้องรอดูกระแสเนอะว่าจะยังไง แต่ผมต้องขอบคุณทางผู้จัดทุกๆ คนครับที่นึกถึงและเรียกเรามา ช่วงก่อนที่ผมจะเรียนจบ ป.ตรี ก็ไม่ได้รับงานอะไร แต่พอหลังเรียนจบก็เข้ามาพร้อมกันหมด ก็ขอขอบคุณ และขอโทษหลายๆ คนด้วยที่เราไม่ได้รับงานเขา ปฏิเสธไปก็เยอะ อย่างซีรีส์วาย ผมก็ไม่ยากให้มันทับซ้อนเนอะ อยากให้มันเป็นทีละเรื่องไปก่อน แล้วก็งานอื่นๆ ด้วยครับ"

"ผมตั้งเป้าอยากรับงานที่หลากหลาย อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ ถ้ามีโอกาสอยากทำงานเบื้องหลัง อยากลองเป็นผู้จัดดู คิดว่าอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยครับ"

หัวใจยังโสด อยากโฟกัสงานเป็นหลัก

"ส่วนเรื่องแฟน ตอนนี้ผมยังไม่รีบครับ ก็ค่อยๆ มีเป็นเพื่อนกัน เพราะว่ามันยุ่งจริงๆ ครับ ก็มีคนคุยเป็นเพื่อนกัน เพราะว่าผมเป็นคนเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว ตอนนี้ขออยู่กับงานก่อน อย่างช่วงปลายปีที่ผ่านมาแทบจะไม่ว่างเลย 3 เดือนที่ผ่านมามีงานเกือบทุกวันเลยครับ ผมก็อยากโฟกัสเรื่องงานก่อนด้วยครับ เพราะว่าเพิ่งจะเรียนจบมาครับ"

ขอบคุณแฟนคลับที่ซัพพอร์ต ไม่เคยปล่อยมือ

"ขอบคุณแฟนคลับทุกคนนะครับ ที่ติดตาม เฟม มาตั้งแต่บ้านฉันฯ หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ได้ดูแล้วมีความประทับใจในตัวเรา แล้วก็ติดตามผลงาน เฟม ก็อยากขอบคุณมากๆ เพราะมีความหมายกับ เฟม มาก เหมือนกับเป็นกำลังใจที่สำคัญในการทำอะไรก็แล้วแต่

คิดว่าอยากทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดนะครับ เพื่อเป็นการขอบคุณทุกคน เชื่อว่าหลายๆ คนบ่นคิดถึงเรา เราก็หายหน้าหายตา แล้วอีกอย่างไม่ค่อยเจอกันด้วยเพราะว่างานก็ไม่ได้ออกอีเวนต์

ยังไงก็ฝากเชียร์ เฟม ด้วย ในซีรีส์วาย รักนาย My Ride The Series เป็นการประเดิมซีรีส์วายครั้งแรกของ เฟม อยากให้ช่วยเชียร์ แล้วเดี๋ยวมีเพลงประกอบด้วยครับ ก็ลองฟังดูนะครับ เชื่อว่าแฟนคลับจะหลงรักคาแรกเตอร์นี้แน่นอนครับ เพราะ เฟม ก็รู้สึกผูกพันและหลงรักคาแรกเตอร์ หมอตะวัน ด้วยครับ ติดตาม เฟม ได้ทางโซเชียลมีเดีย ทั้งอินสตาแกรมและทวิตเตอร์ เฟม ชวิน ครับ".

ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun