• ติช่า กันติชา ได้บทเรียนชีวิตจากความมั่น หากย้อนเวลาได้ก็ไม่ขอเปลี่ยนตัวเอง
  • เจอดราม่าหนักถาโถม ความมั่นใจหายไปจนต้องหนีกลับสวีเดน
  • ไม่ใช่กูรูเรื่องเซ็กซ์ แค่อยากให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา แก้ปัญญาเรื่องท้องก่อนวัยอันควรได้

ติช่า กันติชา ชุมมะ นางแบบสาวสุดมั่น เธอนั้นได้แจ้งเกิดจากการประกวดแข่งขัน เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซั่น 2 เมื่อปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ติช่า ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งในวันนี้ ติช่า ถูกยกให้เป็นตัวแม่ ทั้งเรื่องของความเซ็กซี่ สนุกสนานเฮฮา หรือแม้กระทั่งเรื่องเพศศึกษา ที่เธอนั้นกล้าจะเปิดใจตอบคำถามที่ทำเอาหลายคนตกใจตาโตไปกับคำตอบของเธอจนเรื่องนี้กลายเป็นภาพจำของติช่าในสายตาของใครหลายคน 

วันนี้ เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ ติช่า กันติชา สาวเฮฮาอารมณ์ดีคนนี้อีกครั้งนึง ซึ่งในวันนี้ติช่าได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ไม่ใช่ในฐานะนางแบบสาวเหมือนครั้งแรกที่ในตอนที่เข้ามาประกวด 

...

7 ปีในวงการ เดินมาไกลกว่าที่คิด 

เราตาม ติช่า ว่าเคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะอยู่ในวงการบันเทิงมาจนถึงวันนี้ แต่บทบาทเปลี่ยนไป จากนางแบบสู่การเป็นนักแสดงสาวคอมเมดี้และพิธีกร งานนี้ติช่าพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเองให้เราฟังด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอว่า 

"ติช่าไม่เคยคิดเลยว่าจะอยู่มา 7 ปีแล้ว (หัวเราะ) เพราะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องไม่คิดเลยว่าวันนี้ได้ทำงานเกี่ยวกับการพูดเป็นพิธีกร หรือแสดงละคร ออกรายการต่างๆ

คือช่วงแรกๆ ติช่าทำงานไม่ค่อยได้ ไม่อยากไปทำงานเพราะจำคำพูดไม่ได้ เรียบเรียงคำไม่ได้ เพราะเป็นคนใช้ภาษาไทยไม่เก่ง ทำให้ติช่าเครียดเมื่อต้องมานั่งจำทุกคำ

ตอนแรกๆ ที่เล่นละครก็เล่นแข็ง ทุกครั้งที่มีการคัตก็เป็นเพราะเรา รู้สึกว่าทำให้ทุกคนลำบาก และทุกครั้งที่ตื่นเช้ามาก็ไม่อยากไปทำงานเลย

รู้สึกว่าตัวเองทำให้ทุกคนผิดหวัง แล้วติช่าก็ถามตัวเองเสมอว่าจะมีวันที่จะเก่งขึ้นมั้ย อยากเก่งขึ้นจัง แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่มีงานเข้ามาให้ทำเยอะมาก แต่ติช่าไม่ได้เก่งที่สุดนะ แต่สบายใจขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น (ยิ้ม)"

จากนั้นสาวมั่น ติช่า กันติชา ก็เล่าให้ฟังต่อว่ากว่าการทำงานของเธอนั้นจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ตื่นขึ้นมาแล้วอยากไปทำงานก็ใช้เวลาอยู่เป็นปี 

"กว่าจะปรับตัวได้ ติช่าใช้เวลาอยู่เป็นปีนะคะ มีช่วงนึงติช่าอยากเป็นแค่นางแบบเลย จะได้ไม่ต้องพูดเยอะ แต่ตอนนั้นก็คิดได้ว่าขนาดเราไม่เก่ง เราห่วย ผู้ใหญ่ยังหยิบยื่นโอกาสให้เรื่อยๆ หรือว่าเขาเห็นอะไรในตัวเรา

บางทีเราก็ต้องดูว่ามีคนที่เขาชอบเราอยู่ เวลาไปอ่านคอมเมนต์หรือมีแฟนคลับบอกว่าชอบเรา เราสนุก เราตลก เลยเลือกที่จะเอาสิ่งดีๆ ของเรา และค่อยปรับเปลี่ยนไป

ติช่ารู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าหลายคนมาก มีกี่คนที่เรียนจบนิเทศฯ อยากเป็นดารา อยากเข้าวงการ และเขาก็มีความสามารถเยอะมากเลยนะ แต่บางคนก็ไม่ได้เข้ามา

ทุกวันนี้มีคนเก่งกว่าติช่าเยอะ แต่ว่าเรากลับได้โอกาส ก็เลยคิดว่าเมื่อได้โอกาสมาแล้วต้องทำให้เต็มที่ และตอนที่มาแข่งขันติช่าทำเต็มที่แค่ไหน ทุกวันนี้ก็ยังทำงานเต็มที่เหมือนตอนที่ตั้งใจเข้ามาประกวด เพราะติช่ารู้ว่ามีคนที่เก่งกว่าเราแต่เขาไม่ได้โอกาส เพราะฉะนั้นอย่าทำคนที่เขาให้โอกาสเราต้องผิดหวัง (ยิ้ม)"

ติช่าเล่าให้ฟังต่อว่า ใครจะเชื่อจากคนพูดไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้มีงานเยอะมาก ซึ่งติช่าเราถึงเรื่องนี้ให้เราฟังด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่ยังได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่องว่า 

"ติช่าขอบคุณมากๆ นะคะ และรู้สึกดีใจมากๆ ที่ทุกวันนี้ยังมีงาน ติช่าเข้าใจในวัฏจักรของวงการบันเทิง การประกวดมันยากมากที่จะสานต่องานในวงการบันเทิงได้ ไม่ใช่แค่ที่ประเทศไทยนะคะ แต่หมายถึงทั่วโลก

แต่ติช่ายังได้โอกาสนั้นมาและพยายามทำให้ดีที่สุด วันที่เข้ามาประกวดตอนนั้นติช่าพยายามกับมันมาก แต่มีบางคนเมื่อได้โอกาสนั้นมาก็หมดแล้วซึ่งความพยายาม มองว่ามันโอเคแล้ว

แต่สำหรับติช่าไม่คิดแบบนั้นเลย แต่กลับจำความรู้สึกในวันที่ยังไม่ได้มันมา พยายามแค่ไหน วันนี้ต่อให้ได้มันมาแล้วจะต้องมีเป้าหมายที่ไกลขึ้น พัฒนาตัวเองเรื่อยๆ

ซึ่งในวันนี้ติช่าก็ยังไม่เก่ง พูดยังไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็ยังพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไป พยายามต่อไป จากที่มีงานแค่ 1 รายการ มาเป็น 2 3 4 ติช่าดีใจมาก ดีใจมากๆ รู้สึกว่าเรามาถูกทางแล้วแหละ ก็ทำมันต่อไป คำชมเก็บไว้ได้นะคะ"

...

บทเรียนชีวิตที่ได้จากความมั่นใจของตัวเอง

เพราะขึ้นชื่อเรื่องความเป็นสาวมั่น เราถามติช่าถึงความมั่นจากวันแรกที่มาประกวดจนถึงวันนี้ ความมั่นใจเกินร้อยของเธอนั้นยังเท่าเดิมอยู่มั้ยหรือว่าลดลงบ้าง ซึ่งติช่าหัวเราะเสียงดังก่อนตอบเราว่า 

"ถ้าเกิดมั่นก็มั่นเท่าเดิมค่ะ แต่มีความคิดมากขึ้น คือเมื่อก่อนติช่าไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง เหมือนเรื่องกาลเทศะไม่รู้ว่าทำไมต้องทำ

ตอนนั้นมีคำถามเยอะมาก แต่พอเราโต ถึงจะมั่นแต่รู้ว่าจะมั่นเวลาไหน มั่นแบบที่จะมีประโยชน์ต่อตัวเอง แต่เมื่อก่อนประโยชน์ไม่ประโยชน์ไม่รู้ ขอมั่นไว้ก่อน

ซึ่งติช่าดีใจนะที่ได้เรียนรู้มัน และติช่าก็ไม่คิดอยากจะกลับไปเปลี่ยนเรื่องความมั่นของตัวเองนะ เพราะมันให้ประสบการณ์มันสั่งสอนอะไรติช่าได้เยอะมาก ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่ได้เรียนรู้

ความมั่นก็เลยเป็นบทเรียนที่มีค่าเหมือนกัน ดีใจที่ตัวเองปรับเปลี่ยนได้ ถามว่ามั่นมั้ยก็ยังมั่นเหมือนเดิมค่ะ ยังแซ่บอยู่แต่ก็จะรู้เวลามากขึ้น จะทำงานเป็น อยู่เป็นมากขึ้น (ยิ้ม)"

...

ตัวตนที่แท้จริง ติช่า ไม่ใช่คนตลก

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ภาพลักษณ์ของติช่าเป็นผู้หญิงเฮฮา ตลก ทำให้คนมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ จึงทำให้คนที่เจอติช่าคาดหวังว่าเจอเธอแล้ว จะทำให้เขาสนุก หัวเราะได้ ซึ่งติช่ายอมรับว่าเจอเหตุการณ์นี้บ่อยมากๆ และอยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆ เธอเป็นคนสันโดษ  

"ติช่าเจอคนทักบ่อยมากที่ถามว่า ทำไมชีวิตจริงไม่ตลกเลย เวลาเจอคำถามแบบนี้บ่อยๆ ติช่าก็ไม่ตกใจนะ เพราะว่าเรารู้ว่าคนที่ไม่รู้จักเราจริงๆ เขาแค่รู้จักเราผ่านทีวี ดูจากสื่อต่างๆ เขาก็คิดว่าเราเป็นแบบนั้นไง ในจอเราดูเป็นคนตลกใช่มั้ย

แต่เอาจริงๆ นะ ชีวิตจริงของติช่าเป็นคนสันโดษ พูดแทบจะไม่เก่งเลยเวลาเจอคนใหม่ๆ จะเงียบเลย ไม่รู้จะคุยอะไร

แต่พอต้องทำงานก็จะทำได้เพราะมันคือการทำงาน ทำงานตั้งใจและมันจะมีพลัง ก็ทำออกมา แต่ชีวิตจริงเราก็ต้องคิดนิดนึงเวลาจะพูดอะไรกับใครเพราะเราก็คือคนธรรมดา

ตอนไปภูเก็ตเจอคนเข้ามาทัก ดูในรายการตลกมาก แต่ชีวิตจริงไม่เห็นตลกเลย ติช่าก็งงมากจะให้เราเล่นตลกอยู่ตลอดเวลาเหรอ มันไม่ใช่

เป็นสิ่งที่เจอทุกครั้ง และบ่อยมาก อยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าออกรายการทำงานก็คืออีกคาแรกเตอร์นึง แต่พอชีวิตจริงจะให้มาพูดตลกไปทำตัวตลก เราก็กลัวว่าจะพูดผิดเล่นผิดที่ผิดทางหรือเปล่า

เพราะในรายการติช่ารู้ว่าทำได้เต็มที่ ไม่เสียหาย แต่พออยู่ในชีวิตจริงจะไปพูดตลกไปขำแบบในการทำงานไม่ได้ ซึ่งบางคนชอบ บางคนไม่ชอบ ก็เลยไม่ทำ นอกจอติช่าก็ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป

คนเรามันก็ต้องมีชีวิต 2 โหมด โหมดการทำงานและโหมดการใช้ชีวิตจริงๆ ของเรา จะให้ติช่าไปเล่นอยู่ตลอดเวลามันก็คงไม่ไหว

เวลาเจอคนถามแบบนี้ก็จะตอบไปว่า ตอนนั้นเราทำงาน ตอนนี้อายๆ นิดนึงถ้าจะให้ทำแบบในจอ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้หยิ่งนะ แต่เขาแค่คิดว่าเราต้องคุยแบบตลกมากๆ เพราะเอาจริงๆ ติช่าไม่ได้เป็นคนมีมุกเยอะ แต่แค่เป็นคนเล่นใหญ่แค่นั้นเอง (ยิ้ม)"

...

ในวันที่ชีวิตต้องเจอดราม่าถาโถม 

ในวันที่เจอดราม่าในโซเชียลอย่างหนักหน่วงเมื่อปี 2564 จากผู้หญิงเฮฮา อารมณ์ดี ซึ่งดราม่านั้นมันค่อนข้างหนักหน่วง เราถามติช่าว่ารับมือกับเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างไร

งานนี้ทำเอาติช่าถึงกับอุทานก่อนจะเล่าย้อนไปถึงเมื่อครั้งต้องเจอดราม่านั้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้นให้ฟังว่า

"เอาจริงๆ นะ ติช่าเจอดราม่าตั้งแต่เข้าวงการมาแล้ว แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยหนักเท่าไร อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งจะย้ายกลับมาจากสวีเดน เกราะยังหนาอยู่

แต่พอมาเจอดราม่าเมื่อปีที่แล้ว ต้องยอมรับว่ามันหนักสุดเลย ตอนนั้นติช่าเสียใจมาก เวลาที่เจอดราม่าแล้วได้พักใจ ให้เรื่องมันซาไป มีเวลาให้เราได้พักใจ ดูและรักษาหัวใจของตัวเอง

แต่ช่วงนั้นเจอแล้วเจออีก เหมือนคนจะจมน้ำแต่ดีดตัวขึ้นมาได้แล้วก็กลับจมลงไปอีก ไม่มีโอกาสได้หายใจเลย จึงมีช่วงนึงที่ทำให้ติช่าดาวน์ลงเยอะเหมือนกัน เพราะปกติจะไม่ค่อยฟังคำคนอื่นเยอะ

แต่ครั้งนั้นมันมีบางคำที่เซนซิทีฟกับเรา ใครว่าติช่าไม่สวยติช่าไม่แคร์เลยนะ เพราะติช่าไม่ได้สวยจริงๆ แต่ถ้ามาบอกว่าติช่าเป็นคนไม่ดี มันก็แอบรู้สึกเหมือนกัน

เพราะเราก็เป็นมนุษย์คนนึง มีหัวใจเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักกันดีมากพอแต่มาวิจารณ์ว่าเรามีนิสัยแบบนั้นแบบนี้เพราะเอาจริงๆ บางเรื่องติช่าก็ไม่สามารถที่จะมานั่งอธิบายได้ ซึ่งเราก็อยากจะพูดบ้างนะแต่ว่ามันพูดไม่ได้ ก็เลยรู้สึกขัดใจนิดนึง

ช่วงที่เจอหนักๆ ติช่าก็ใช้คำสอนของวิถีพุทธเข้าช่วย แต่ไม่ได้นั่งสวดมนต์ตลอดเวลา เป็นการทำความเข้าใจและอยู่กับปัจจุบัน บอกตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องบาลานซ์ชีวิตเราให้ได้

ถ้าไปนั่งแคร์ความรู้สึกทุกคนก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เราจะทำให้ทุกคนบนโลกนี้แฮปปี้กับตัวเรามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน บางวันที่มีคนชมเราก็อย่าลอยตัวว่าคนจะชมจะรักจะชอบแบบนี้ตลอดไป

เพราะสักวันมันก็อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยกับเรา ไม่ชอบเรา มันเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงชีวิต ถ้าเราเรียนรู้ตรงนี้เราจะเอาตัวเองออกมาได้ไง ถ้าไปนั่งรับฟังคำทุกคำแล้วเอามาใส่ใจให้หมด มันอยู่ลำบากนะ" 

โดนด่าหนักจนเครียดกลายเป็นคนกลัวและรู้สึกระแวง

ใครจะเชื่อว่า จากสาวมั่นใจเกินร้อย เมื่อต้องเจอดราม่าใหญ่ ทำให้ ติช่า กันติชา ถึงกับกลายเป็นคนกลัวและรู้สึกระแวงคนรอบข้างว่าเขากำลังตัดสินเธอจากสิ่งที่เจอไม่ใช่การสัมผัสหรือรู้จักจริงๆ

"ตอนนั้นติช่าเศร้าและเครียดกับดราม่านั้นเป็นครึ่งปีค่ะ เศร้าจริงๆ นะ จะทำอะไรก็รู้สึกกลัว รู้สึกระแวง ตอนแรกไม่เชื่อว่าคนเราจะมีความรู้สึกวิตกกังวลไปก่อนที่จะทำอะไร ซึ่งติช่าไม่เคยเป็นนะเพราะเป็นคนที่มั่นใจมาก

แล้วพอมาทำงานในวงการบันเทิง เป็นที่มีคนจับตามองเยอะ โดนคนที่ไม่รู้จักมาคอมเมนต์ทุกวันๆ ก็เลยทำให้รู้สึกวิตกกังวลเวลาจะทำอะไร

และตอนช่วงเวลานั้น เวลาไปร้านอาหารก็จะรู้สึกว่าคนนั้นเขามองเรารึเปล่า เขากำลังคิดอะไร กำลังตัดสินเราอยู่รึเปล่า แล้วก็จะมีอาการเหงื่อออก ตอนที่เป็นอาการแบบนั้น ติช่ารู้สึกไม่ดีมากๆ 

แต่พอผ่านไป ไม่มีคนมาว่าอะไรแล้ว พอทำงานก็มีคนเริ่มกลับมาให้กำลังใจก็ช่วยเราได้เยอะเลย ซึ่งเป็นเรื่องในโซเชียลที่ติช่าอยากจะย้ำเตือนว่าคนที่อยู่ในวงการบันเทิงเขาก็มีความรู้สึกเหมือนกัน

คนพิมพ์ก็แค่พิมพ์ด่าๆ ในโซเชียล ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบอะไร อยากจะพิมพ์อะไรก็พิมพ์ เอาสะใจตัวเองไว้ก่อน แล้วคนที่มานั่งอ่านกลับรู้สึกแย่มากๆ นะ

ไม่มีใครอยากจะเป็นคนที่ไม่ดี ไม่มีใครอยากจะเป็นคนที่ถูกว่า มันก็มีบางครั้งที่มนุษย์ไม่ได้เพอร์เฟกต์ ก็เลยอยากจะให้คนวิจารณ์กันแรงๆ ถ้าจะวิจารณ์ในเชิงติเพื่อก่อให้คนลุกขึ้นมาได้ก็ไม่ว่า

แต่ถ้าจะวิจารณ์เพื่อความสะใจปากขอบอกว่าอย่าทำอย่างนี้เลย คุณก็รู้ว่าคำพูดที่พิมพ์มาไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบ ก็เลยพิมพ์เต็มที่ด่าแบบไม่ให้มีที่ยืนกันเลย ไม่ไหวนะถ้าทำแบบนี้กับพวกเรา"

หนีไปพักใจก่อนกลับมาใหม่ด้วยความมั่นเหมือนเดิม

เพราะดราม่านั้นค่อนข้างหนัก จึงทำให้ ติช่า กันติชา จมอยู่กับมันถึงครึ่งปี ถึงกับหนีกลับสวีเดนเพื่อไปพักใจ เพื่อรักษาใจของตัวเองว่า

"ตอนนั้นติช่าพักเลย หนีกลับไปสวีเดน ไปเติมพลังบวกให้กลับตัวเอง กลับมาก็มั่นเหมือนเดิม (หัวเราะ) เพราะกลับไปเจอคนที่รักเราจริงๆ

ไปเจอคนที่รักเราตอนที่เราไม่มีอะไรเลย คนที่นั่งฟังเราคุยและคนที่เขาเป็นเพื่อนกับเราจริงๆ เรียนด้วยกันตั้งแต่เรายังจนๆ มันคือชีวิตจริงโลกจริงๆ ที่เราเคยอยู่

แต่สำหรับวงการบันเทิงมันก็เป็นอีกโลกหนึ่งของเรา มันทำให้ติช่าคิดได้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิต ทำไมต้องไปนั่งฟังคำพูดของคนที่เขาไม่หวังดีกับเรา

และมาใส่ใจกับคนที่เขาหวังดีกับเราดีกว่า ซึ่งมันมีตั้งมากมาย ทำไมเราไม่แคร์คนที่เขารักเรา ก็เลยทำให้ติช่ามีกำลังใจขึ้นมาเยอะมากเลย ตอนนี้ก็เริ่มชิลๆ (ยิ้ม)"

ไม่ใช่กูรูเรื่องเซ็กซ์

นอกจากภาพความเป็นสาวสนุกสนานเฮฮาจะกลายเป็นภาพลักษณ์ติดตัว ติช่า แล้ว แต่เธอยังมีภาพของความเป็นสาวที่กล้าพูดเรื่องใต้สะดือแบบไม่เขินอาย

เราเลยถามติช่าตรงๆ ว่า ความเป็นคนที่กล้าพูดเรื่องเซ็กซ์ เคยเจอคนหื่นๆ หรือคนเข้ามาทำตัวไม่สุภาพต่อหน้าบ้างมั้ย งานนี่ติช่าปรับโหมดให้เป็นน้ำเสียงให้ดูจริงจังในการเล่าถึงเรื่องนี้ให้เราฟังว่า

"รู้มั้ยคะว่าผู้ชายไทยไม่กล้ากับติช่าเลย เพราะติช่าไปขั้นสุดแล้ว ถ้าติช่าเป็นคนเซ็กซี่และคุยเรื่องนี้นิดๆ หน่อยๆ ผู้ชายก็จะมาล้อ

แต่เพราะติช่ากล้ามากขนาดนี้ผู้ชายไทยเขากลัวจ้ะ แต่เอาจริงๆ ติช่าไม่ได้คุยแบบลามกนะ แต่คุยแบบเปิดเผยให้มันเป็นเหมือนเรื่องธรรมดา ถ้ากล้าคุยก็จะถามต่อคุยจริงจังแบบซีเรียสนะ จะเป็นแนวนั้นมากกว่า

และการที่พูดเรื่องเซ็กซ์ ติช่าไม่ได้คิดว่ามันเป็นการพูดเรื่องลามก แต่มองว่ามันเป็นเรื่องดี อยากให้คนเปิดกว้างในเรื่องของเพศศึกษา

และตอนนี้ติช่าได้มาทำช่องเกี่ยวกับเพศศึกษา อยากให้คนมองเรื่องให้มากขึ้น อย่าไปเขินอายที่จะพูด เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติมาก

แต่เพราะสังคมบ้านเราทำให้มันเป็นเรื่องที่น่าอาย ทำให้คนในสังคมไม่รู้เรื่องเพศศึกษาที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เด็กๆ นะ แต่รวมไปถึงผู้ใหญ่ด้วย

บางเรื่องมันควรรู้ อย่างเช่นเรื่องที่ว่าผู้หญิงมีกี่รู ซึ่งมีคนมาขอบคุณติช่าที่ช่วยบอกให้รู้ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อน ผู้หญิงหลายคนมากไม่เคยคิดแม้แต่จะดูน้องสาวของตัวเองเพราะถูกปลูกฝังมาว่าการไปดูน้องสาวมันคือเรื่องน่าอาย ไม่ควรพูดถึง ไม่ควรดู

แต่อย่างน้อยๆ ควรรู้ร่างกายตัวเองนะ วิธีการดูแลว่าควรทำยังไง ไม่สงสัยบ้างเหรอ เจอคำขอบคุณแบบนี้ยิ่งตอกย้ำว่าเราต้องทำ

และติช่าก็รู้ว่าถ้าทำแบบนี้ต่อไปคงจะโดนกระแสตีกลับบ้าง โดนด่าว่าแรงไปบ้าง แต่เรามีจุดประสงค์ที่ดี เพราะถ้าไม่พูดซะทีคนก็จะไม่เปิดใจ

ซึ่งติช่าไม่ใช่กูรูเรื่องนี้นะ เพราะบางเรื่องติช่าก็ไม่รู้ แต่ก็ไปค้นหาข้อมูลมาได้ เวลาเราไปหาข้อมูลได้ เราก็อยากจะแชร์ เพราะติช่ามีจุดประสงค์ที่ดีที่นำเสนอไปเพราะอยากให้เรื่องนี้มันได้รับการยอมรับ ถูกเปิดเผยมากขึ้น

อยากให้มองเรื่องเพศศึกษามันเป็นเรื่องธรรมดา อย่างความรู้ที่ว่า ถุงยางอนามัยมีที่ไหนแจกฟรีบ้าง ไปขอได้ที่ไหน และเด็กอายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถไปฝังเข็มยาคุมกำเนิดได้ฟรีนะ

ซึ่งเรื่องแบบนี้หลายคนไม่รู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ควรรู้เพราะมันจะช่วยในเรื่องของการลดการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้นะ อยากจะคุยเรื่องนี้มากๆ เพราะติช่ามองว่าเรื่องนี้มันเป็นปัญหาของบ้านเราเหมือนกันนะ และเราก็สามารถป้องกันมันได้ (ยิ้ม)". 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun