• ถ่ายโฆษณาตั้งแต่เด็ก ฝึกร้องเพลงเพราะได้แรงบันดาลใจจากแม่ ก่อนจะเป็นศิลปินแกรมมี่ เจ้าของเพลงดัง “ปลิว”
  • มรสุมชีวิตเมื่อร่วมงานค่ายเพลงมาเลเซีย เข็ดการมีสังกัด ขอเป็นศิลปินอิสระ ลงทุนทำเพลงเอง
  • ยูทูบเบอร์รุ่นบุกเบิก ร้องเพลงคัฟเวอร์ ทำเองมานาน 10 ปี คนกด Subscribe กว่า 3.95 ล้าน

เป็นอีกหนึ่งศิลปินดังที่มีผลงานมาตั้งแต่อายุยังน้อย สำหรับ พลอยชมพู ญานนีน ภารวี ไวเกล ที่เป็นที่รู้จักจากเพลงดัง “ปลิว (Away)” รวมไปถึงอีกหลายเพลง อาทิ อาจเป็นเพราะ (Because of you), แพ้แล้วพาล, ชักดิ้นชักงอ ฯลฯ ซึ่งในเวลานั้นเป็นศิลปินภายใต้สังกัด MBO ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยก่อนที่จะเป็นศิลปิน สาวน้อยหน้าใสวัย 21 ปีคนนี้เข้าวงการจากการเล่นโฆษณา ก่อนจะเริ่มฝึกร้องเพลง โดยมีคุณแม่ นีรญา ไวเกล เป็นแรงบันดาลใจ เพราะคุณแม่เป็นนักแต่งเพลง เคยแต่งเพลงให้นักร้องรุ่นพี่ เจนนิเฟอร์ คิ้ม มาแล้ว

แต่หลังจากที่ออกจากค่ายแกรมมี่ พลอยชมพูต้องเจอมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ เมื่อไปร่วมงานค่ายเพลงที่มาเลเซีย แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ แม้หมดสัญญาแล้วก็ยังมีปัญหาตามมาไม่จบ ทำให้นักร้องสาวตัดสินใจยื่นฟ้องร้องค่ายเก่าจนกลายเป็นประเด็นร้อน และในวันนี้พลอยชมพูจะมาเล่าถึงชีวิตของเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการ มาจนถึงวันที่มีปัญหาจนเข็ดการทำงานกับค่ายเพลง ขอเป็นศิลปินอิสระทำเพลงเอง พร้อมทั้งบอกว่า มรสุมครั้งนี้ทำให้เธอเป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้น

...

แม่คือแรงบันดาลใจ

พลอยชมพูเผยถึงช่วงชีวิตวัยเด็กว่า ชอบร้องเพลงตั้งแต่จำความได้ แต่ร้องเล่นๆ มาตลอด เพิ่งมาจริงจังตอนที่ย้ายจากเยอรมนีมาอยู่เมืองไทยตอนอายุ 10 ขวบ เป็นช่วงที่เริ่มเข้าวงการจริงจัง โดยเริ่มจากเป็นนักแสดงเอ็กซ์ตร้าโฆษณา มีโฆษณาหลายตัว แต่ถ้าเทียบกับคนสมัยนั้น งานไม่ได้เยอะเท่าคนอื่น 1 เดือนมีแค่ 2-3 งาน แต่บางคนมีงานแทบทุกวัน ก็ค่อยๆ ไต่จากเป็นเอ็กซ์ตร้าเป็นตัวรองก่อนจะเป็นตัวเมนโฆษณา และมีประกวดหนูน้อยนพมาศ หลังจากนั้นก็เริ่มลองประกวดร้องเพลงรายการซิงกิ้งคิดส์ เป็นจุดเริ่มต้นจริงจังในการร้องเพลง

ถามว่า ตอนเด็กๆ เคยไปเรียนร้องเพลงจริงจังหรือเปล่า นักร้องสาววัย 21 ปีตอบว่า “มีบ้างค่ะ แต่ไม่ได้ไปสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่จะฝึกเองที่บ้านมากกว่าค่ะ บางทีร้องเพลงซ้ำๆ เป็นร้อยรอบค่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นยังไม่ได้ร้องเพลงเก่งนะคะ แต่พยายามฝึกซ้ำๆ ตรงไหนที่ไม่ดีก็พยายามขัดเกลาค่ะ”

ส่วนเหตุผลที่สนใจในการร้องเพลง พลอยชมพูเผยว่า “ถ้าตอนเด็กๆ คุณแม่เป็นคนที่ร้องเพลงอยู่แล้ว เป็นนักแต่งเพลงด้วย แม่เคยแต่งเพลงให้พี่เจนนิเฟอร์ คิ้ม อยู่เพลงนึง ชื่อเพลง “สายไป” พอเพลงหมดสัญญากับทางโน้น แม่ก็ให้หนูเอามาร้อง คนก็ชอบกัน เหมือนความชอบเราก็มาจากคุณแม่ พอคุณแม่เห็นว่าตัวเราก็ชอบร้องเพลง คุณแม่ก็สนับสนุนค่ะ

แต่ว่ามาจริงจังก็ตอนที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยและเริ่มประกวดร้องเพลง พอประกวดทางแกรมมี่ก็เห็นพอดีเลยจับมาเป็นศิลปินฝึกหัดค่ะ ช่วงนั้นก็ได้เล่นเอ็มวี “ไกลแค่ไหนคือใกล้” (ศิลปิน Getsunova) ด้วย ช่วงนั้นหนูย้ายค่ายในแกรมมี่บ่อยมาก ตอนแรกอยู่ค่าย DUCKBAR หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ไวท์ มิวสิก ตอนนั้นก็ปล่อยเพลง “ชักดิ้นชักงอ” หลังจากนั้นหนูถึงไปอยู่ค่าย MBO ค่ะ อยู่มาหลายค่ายเลยค่ะ (หัวเราะ)”

แจ้งเกิดในวงการ

เมื่อมาอยู่ค่าย MBO ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผลงานเพลงที่ดังที่สุดของพลอยชมพูคือ “ปลิว” ซึ่งมีกระแสดีมาก พลอยชมพูบอกว่า “มันผิดคาดสำหรับเรา ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าเพลงมันจะดังนะคะ (หัวเราะ) ก็คิดว่าเหมือนเพลงอื่นๆ ทั่วไปที่มันก็เพราะดี แต่เราไม่คิดว่าคนจะชอบเยอะขนาดนี้ มันก็เซอร์ไพรส์นะคะ เป็นเรื่องที่ดีที่คนชอบเพลงนี้กันค่ะ ถ้าในเรื่องภาพลักษณ์ศิลปิน ก็น่าจะเป็นเพลงปลิวที่เป็นภาพจำ ถามว่าทุกวันนี้คนยังทักถึงเพลงนี้กันอยู่มั้ย ก็มีเป็นประจำ ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วคนก็ยังทักค่ะ”

นอกจากนี้ พลอยชมพูมีโอกาสในด้านการแสดง มีช่วงหนึ่งที่รับงานละครเยอะ ซึ่งพลอยชมพูบอกว่า “ก็มีละคร ซีรีส์หลายเรื่องเลย เคยมีปีนึงที่ถ่ายซีรีส์อยู่ 3 เรื่อง ตอนนั้นแทบจะไม่ใช่นักร้องแล้ว แทบจะเป็นนักแสดงแล้ว (หัวเราะ) ละครเรื่องแรกหนูถ่ายตอนอายุ 14 คือเรื่อง “บัลลังก์เมฆ” ตอนนั้นเขากำลังหานักแสดงหน้าใหม่ที่มารับบท “วิรินทร์” พอดี เขาก็เลยให้หนูลองออดิชันดู ก็เลยได้งานนี้เป็นงานแสดงงานแรก พอมีผลงานการแสดงต่างๆ ก็มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ไปแคสต์อันไหนผ่านก็ได้เล่นค่ะ”

...

ถามว่าชอบงานแสดงหรือร้องเพลงมากกว่า พลอยชมพูเผยว่า งานแสดงจะชอบเป็นบทๆ ไปมากกว่า อาจจะมีบางเรื่องที่อาจชอบน้อยหน่อย พอได้เล่นไปก็รู้สึกว่ายังไม่อินมากเท่าไร แต่ก็มีบางเรื่องที่รู้สึกอินมาก มีแพชชันในการเล่นมาก

“มีเรื่องนึงที่หนูรู้สึกประทับใจมากๆ คือเรื่อง “รุ่นพี่” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของหนู ด้วยเนื้อเรื่อง คาแรกเตอร์ตัวละคร ทำให้รู้สึกว่าเป็นบทบาทที่อยากเล่นมากๆ ยิ่งพอมาเป็นหนังผีแนวไซไฟ เป็นแนวที่เราชอบดูอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ ทีมงานทุกคนก็น่ารักมากๆ รู้สึกประทับใจในการเล่นภาพยนตร์เป็นพิเศษ คือจะชอบเล่นภาพยนตร์มากกว่าซีรีส์นิดนึง แต่ยังไงแพชชันอันดับ 1 คือการร้องเพลงค่ะ ตอนนี้ถ้ามีคนติดต่อให้เล่นละครก็ได้หมดนะคะ แต่อาจจะต้องดูบทบาทว่าเหมาะกับหนูมั้ย น่าสนใจมั้ย แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น ถ้ามีโอกาสก็อยากทำค่ะ”

ทำเพลงที่มาเลเซีย

เราถามถึงวันที่หมดสัญญาแกรมมี่ และไปร่วมงานกับค่ายเพลงที่ประเทศมาเลเซีย ถามว่าไปร่วมงานกันได้ยังไง พลอยชมพูบอกว่า “ก่อนหน้านั้นหนูเคยทำอีกค่ายนึงซึ่งเป็นหุ้นส่วนของค่ายนี้ แล้วช่วงนั้นหนูเพิ่งมีข่าวว่าจะกลับไปเยอรมัน จะไปเรียนต่อ เขาก็ทาบทามมาว่าจะเปิดค่ายใหม่ อยากทำงานร่วมมั้ย พอเราชั่งน้ำหนักดูว่าโอกาสอันไหนน่าจะคุ้มค่ากว่ากัน เราก็คิดว่าทำงานร่วมกับเขาดู เพราะคิดว่าเราสามารถกลับไปเรียนที่เยอรมันตอนไหนก็ได้ โอกาสคงจะไม่หนีไปไหน เราก็เลยเข้ามาเข้าค่ายนี้

แต่พอเอาจริงๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ในหลายๆ เรื่องตามสัญญา หนูก็เลยทนอยู่จนสิ้นสุดสัญญา ตอนนั้นหนูเซ็นสัญญาไว้ประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งมันก็เห็นสัญญาณหลายๆ อย่างตั้งแต่เริ่มต้น แต่ด้วยความที่เราเพิ่งเริ่มต้นทำงาน ก็เลยลองให้โอกาสเขาดูว่าเขาจะทำผลงานยังไง แต่ยิ่งนานไปรู้สึกว่ามันไม่ใช่ค่ะ ซึ่งในตอนนั้นที่ทำเพลงกับที่นั่นก็ยังอยู่ที่เมืองไทย เขาติดต่อมาตั้งแต่กลางปี 2019 เริ่มเซ็นสัญญา ธ.ค. 2019 เริ่มต้นทำงานจริงๆ ก็ ม.ค. 2020 ตอนนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่มาเลเซีย 9 เดือน ถึงได้กลับมาเมืองไทยค่ะ”

...

เมื่อทุกอย่างผิดแผนไปจากที่วางไว้ ถามว่ารู้สึกอย่างไร พลอยชมพูบอกว่า “ตอนนี้หนูใช้ชีวิตแบบอิมโพรไวส์มากเลยค่ะ (หัวเราะ) หนูไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรบ้าง แต่ถ้าเราเจอทางไหนที่มันรู้สึกว่าเราอยากไป เราก็จะเดินไปทางนั้น ไม่มีการวางแผนมากเท่าไร ให้ชีวิตมันเซอร์ไพรส์หนูเองว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า หนูจะไปอยู่ตรงจุดไหน”

จากมรสุมชีวิตที่เกิดปัญหากับค่ายเพลงที่มาเลเซียจนเกิดการฟ้องร้อง พลอยชมพูบอกว่า ทำให้เป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้น การเข้าวงการตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มีความเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่ง เพราะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่พอเจอเรื่องที่จริงจังอย่างเรื่องการฟ้องร้อง ก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอการฟ้องร้องตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ แต่ก็ทำให้เราเรียนรู้หลายอย่างมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ซึ่งในส่วนการฟ้องร้อง พลอยชมพูเล่าว่า ศาลจะมีการไต่สวนนัดแรกคือ 14 ก.พ. 2565

“อย่างนึงที่ทำให้หนูรู้สึกว่าดีต่อตัวหนู คือหนูมีความกล้ามากขึ้น วันที่หนูแถลงข่าวเรื่องการฟ้องร้อง เป็นครั้งแรกที่หนูพูดเรื่องซีเรียสอะไรแบบนั้นออกสื่อ ซึ่งกดดันมากๆ อย่างแรกเลยหนูไม่ชอบการพูดออกสาธารณะ ยิ่งต้องมานั่งพูดคนเดียวต่อหน้าพี่ๆ สื่อ 20-30 ชีวิต มันทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอีกก้าวนึงสำหรับตัวหนูเองในการเติบโตของหนูเอง รู้สึกว่าหลังจากนั้นทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เรารับผิดชอบชีวิตเราเองได้มากขึ้น”

...

Location

พลอยชมพูพูดถึงการทำเพลงล่าสุด “Location” ซิงเกิลแรกหลังเป็นศิลปินอิสระไว้ว่า เป็นเพลงที่แต่งเอง มีโปรดิวเซอร์ร่วมแต่งด้วยกัน ส่วนที่มาที่ไปจริงๆ เป็นเรื่องจินตนาการเองขึ้นมามากกว่า ตอนที่เริ่มแต่งเพลงนี้คิดว่าอยากทำเพลงสนุกๆ ดูมีความสดใส เพราะที่ผ่านมาคนจำภาพลักษณ์เป็นคนร้องเพลงอกหักบ่อย พอได้ทำเองก็ลุยเลย “จริงๆ ตอนที่แต่งเพลงนี้ยังไม่ได้ตั้ง Topic ไว้ด้วยซ้ำว่าจะให้เพลงเกี่ยวกับอะไร เราเริ่มจากแต่งท่อนอื่นๆ เสร็จหมดยกเว้นท่อนฮุคค่ะ พอเรานั่งฟังก็เอ๊ะ เพลงนี้จะเกี่ยวกับอะไรดี พอเราวิเคราะห์ท่อนต่างๆ ก็รู้สึกว่าถ้าคนชอบกันแล้วยังไงต่อ ก็คงต้องแชร์โลเกชั่นมาเจอกันแล้วแหละ (หัวเราะ)”

ส่วนมิวสิกวิดีโอ พลอยชมพูบอกว่า “ใช้เงิน 1.5 ล้านนิดๆ ค่ะ (หัวเราะ) ก็เป็นเงินหนูส่วนนึงเป็นงบที่เกินมา แต่ว่าตอนเริ่มโปรเจกต์ก็เสนอลูกค้าให้มาเป็นสปอนเซอร์ช่วยร่วมลงทุนให้ พอไปเสนอโปรเจกต์ให้แต่ละแบรนด์เขาก็ตกลงเอาเลย มีคนพร้อมสนับสนุนผลงานเรา ก็มีกำลังใจในการทำฝันให้ใหญ่ขึ้น จากที่ตอนแรกแต่งเพลงแล้วเครียดว่าเราจะหาเงินจากไหนจ่ายค่าทำเพลงด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นเอ็มวียิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด (หัวเราะ) ก็ไปถ่ายทำที่ จ.กระบี่ 6 วัน แต่ทำงานจริงๆ อยู่กระบี่ 10 วันเลยค่ะ มีช่วงวันพักระหว่างถ่าย แต่ไม่ได้พักจริงๆ ก็ถ่ายงานสปอนเซอร์ เดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในการถ่ายซึ่งต้องใช้เวลา”

นักร้องสาวยอมรับว่า กว่าผลงานจะออกมาก็เหนื่อยกับการหาสปอนเซอร์ เพราะทำกันเอง ทีมที่มีก็มีแค่ตัวเองและคุณแม่ แต่ยังดีที่โปรดักชันทีมช่วยหาสปอนเซอร์ท้องถิ่น พวกสถานที่ต่างๆ ที่ถ่าย ซึ่งช่วยในส่วนนี้ด้วย ด้วยความที่คุยหลายคน บางทีก็คุยไม่ไหว ถ้าใครได้เห็นเครดิตเอ็มวีจะมีลูกค้าเป็นสิบราย ทางโปรดักชันก็ช่วยแบ่งๆ ดูแลลูกค้า เป็นงานที่ลงทุนเยอะที่สุดตั้งแต่ทำงานมา มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของเพลง ก่อนหน้านี้เคยแต่งเพลงเองบ้าง แต่แต่งเล่นๆ เคยทำคัฟเวอร์บางเพลงที่ใส่เนื้อเพิ่มเข้าไปบ้าง แต่เพลงที่ลงทุนมากขนาดนี้ เป็นเพลงที่แต่งเอง อันนี้คือเพลงแรกเลย

ทำงานเหนื่อยไม่พอ กว่าที่แฟนๆ จะได้ฟังก็มีอุปสรรคมากมาย เพราะเจอคู่กรณีสกัดดาวรุ่งอีก พลอยชมพูเล่าถึงเรื่องที่เพลงถูกถอดจากสตรีมมิงว่า “จริงๆ ก็ยังถูกถอดอยู่นะคะ ช่องทางเดียวที่สามารถฟังเพลงได้คือยูทูบอย่างเดียวค่ะ มันก็แอบผิดหวังนิดนึง เพราะว่าที่ถูกเคลมไปคือค่ายเก่าเขาเคลม Sound Recording ไป ซึ่งเขาไม่ได้มีหลักฐานอะไร ทางสตรีมมิงเขาก็ไม่กล้าที่จะเปิดด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ไม่ทราบเหมือนกัน รู้สึกเฟลนิดนึง เขาไม่ขอดูหลักฐานด้วยซ้ำ ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไร แต่อย่างยูทูบ ถ้าถูกเคลมไป เขาขอดูหลักฐานก่อน ถ้าคนที่เคลมไม่มีหลักฐาน ก็จะกลับมาเปิดเหมือนเดิม มันก็โชคดีอีกอย่างที่เพลง Location ปล่อยเอ็มวีในยูทูบแล้วยังไม่เจอคู่กรณีเคลม มันก็ไม่ถึงกับล้ม แค่สะดุดเฉยๆ ค่ะ”

ในส่วนผู้ให้บริการสตรีมมิง พลอยชมพูบอกว่า กำลังคุยอยู่ ตอนนี้เขาต้องการให้เคลียร์กับคู่กรณีให้เรียบร้อย เขาไม่กล้าเข้ามายุ่ง หรือเปิดเพลง ก็จะระงับเพลงไปก่อนจนกว่าเรื่องจะจบ ตอนนี้จึงต้องจัดการเรื่องคู่กรณี ก่อนจะยืนยันว่าการทำเพลงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคู่กรณีเลย ทุกอย่างทำหลังจากสิ้นสุดสัญญาแล้ว งานทุกอย่างมาจากตัวเราทั้งหมด ผู้ร่วมงานทุกคนก็ไม่เกี่ยวข้องกับคู่กรณี ถ้าเขาเป็นเจ้าของเพลงจริงๆ เป็นเจ้าของ Sound Recording เขาก็ต้องมี stem file มีมาสเตอร์ และสามารถส่งไปที่สตรีมมิงต่างๆ ได้

เมื่อถามถึงฟีดแบ็กของแฟนๆ พลอยชมพูยิ้มก่อนบอกว่า “เห็นแล้วค่ะ ยิ่ง ชม.แรกหนูอ่านแทบไม่ทัน เพราะติดตรงที่ว่าพอปล่อยปุ๊บ เรายังติดงาน พอกลับมาได้ ชม.นึงแล้วมาอ่านคอมเมนต์ก็เป็นพันคอมเมนต์แล้ว รู้สึกว่าอ่านไม่หมดเลย (หัวเราะ) แต่ก็พยายามอ่านให้มากที่สุด รู้สึกชื่นใจกับฟีดแบ็ก ถึงแม้ว่ามีอุปสรรค เราถูกขัดขวางในหลายๆ อย่าง แต่มันทำให้เรารู้สึกว่าฟีดแบ็กมันชื่นใจกับที่เราเหนื่อยมา หลายเดือนที่ผ่านมาที่เราเครียด ท้อ มันทำให้รู้สึกโล่ง คนได้เห็นผลงานของเรา

เพลงนี้สำหรับหนูเหมือนเป็นลูกของเราที่อุ้มท้องเขามาหลายเดือน (หัวเราะ) รอเวลาที่จะได้เห็นแสงอาทิตย์ ได้ออกมาสู่สาธารณชน พอทุกคนได้เห็นก็ภูมิใจค่ะ พอถึงล้านวิวแล้ว เอาจริงๆ มันก็เกินความคาดหมายนะคะ เรายังไม่ได้โปรโมตอย่างจริงจัง เราโปรโมตในโซเชียลของเรา มีแค่วันแรกที่เราได้เดินสายบ้าง ทำให้เรารู้สึกว่ามีกำลังใจในการทำเพลงต่อไปด้วย ตื่นเต้นกับการโปรโมตเดินสาย ได้โชว์เพลงนี้ค่ะ ช่วงนี้ก็มีหลายรายการอยู่ค่ะ และมีงานต่างๆ ที่กำลังคุยอยู่ด้วย ก็อยากให้แฟนๆ รอติดตามชมกันค่ะ”

ถามว่าการทำงานชิ้นต่อไปว่าจะทุ่มทุนสร้างแบบนี้อีกมั้ย พลอยชมพูบอกว่า “เพลงหน้าอาจจะไม่ได้อลังการเท่าเพลง Location แต่เราพยายามทำให้เต็มที่ เพราะว่าถ้าเราทุ่มทุนทุกเพลงหนูจะไม่มีกินค่ะ น่าจะตุยเย่ก่อน” ก่อนจะหัวเราะลั่นอารมณ์ดี

เข็ดการทำงานค่าย

เมื่อถามว่า ชอบชีวิตแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่างศิลปินในสังกัดกับศิลปินอิสระ นักร้องสาวตอบว่า “ยังเทียบยากค่ะ เพราะว่าช่วงที่อยู่ค่ายล่าสุด หนูหายไปนานมาก ตอนนี้ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับสร้างทุกสิ่งทุกอย่างใหม่หมด มันก็เลยเปรียบเทียบยากนิดนึง แต่ว่าการที่ทำเองกับการมีค่าย ค่ายส่วนมากจะมีสื่อของเขาอยู่แล้ว เข้าถึงสาธารณะได้ง่ายกว่าการที่เราทำเอง แต่ถ้าเทียบการทำงานมีความสุขมากกว่า เพราะเราสามารถเป็นตัวเราเองได้จริงๆ โดยไม่มีใครมาบอกเราว่าต้องเป็นแบบไหน อีกส่วนสำคัญคือถ้าเราต้องการทำอะไรคือทำได้เลย เราเป็นคนที่เวลาทำงานใจร้อนมากๆ เลยคิดว่าเราเหมาะกับการทำงานแบบนี้มากกว่า”

แต่ทั้งนี้พลอยชมพูยืนยันว่า ไม่ได้ปิดในการทำงานร่วมกับค่าย แต่ยอมรับว่าเข็ดกับการทำงานค่ายเหมือนกัน “เราไม่ต้องการเป็นศิลปินค่ายใดค่ายนึงแล้ว เราสามารถร่วมงานได้เป็นโปรเจกต์ ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าการที่เซ็นแบบนั้นมันเป็นอะไรที่เสียเปรียบสำหรับเรา สิ่งที่เราลงทุนไปกับสิ่งที่ได้มาเมื่อเข้าค่ายนั้นมันติดลบมากกว่าค่ะ (หัวเราะ) ถามว่ามีค่ายไหนติดต่อทำโปรเจกต์ร่วมกันมั้ย บางค่ายก็มีคุยกันบ้าง แต่เราก็ยังคิดอยู่เหมือนกัน ก็อยู่ในขั้นตอนที่เสนอว่ารูปแบบประมาณนี้ แต่ยังไม่คุยลงรายละเอียดมากเท่าไร ต้องรอคุยกับทุกคนให้หมดก่อน ก็ต้องระวังมากขึ้น หนูก็ต้องมีเงื่อนไขของหนูเอง ถ้าไม่สามารถรับเงื่อนไขของหนูได้ หนูก็ไม่เอา”

ถามว่ารู้สึกว่าไม่น่าไปอยู่ที่นั่นเลยมั้ย พลอยชมพูตอบว่า “คือมันก็เคยมีโมเมนต์ที่คิดแบบนั้น แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ เพราะมันเกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้เราต้องมาคิดว่าวันนี้เราต้องแก้ไขปัญหานี้ยังไง อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้เป็นบทเรียนไป ถึงแม้จะเหนื่อยกับเรื่องนี้มากๆ แต่เราไม่ได้ท้อนะ คือสิ่งที่เขาทำได้มันก็แค่ทำให้เราสะดุด แต่ไม่ได้ทำให้เราล้ม ในทางกฎหมายเขาทำอะไรหนูไม่ได้เลย หนูสิ้นสุดสัญญากับเขามาครึ่งปีนิดๆ ถ้าหนูทำผิดจริงๆ เขาสามารถฟ้องหนูได้ตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่ทำจนหนูฟ้องเขาน่ะ”

กับประเด็นว่า รู้สึกยังไงค่ายเพลงเก่าคู่กรณีไม่ยอมจบเสียที พลอยชมพูบอกว่า “คือปัญหาอยู่ที่เขาเคลมว่าหนูยังอยู่ในสัญญาของเขา ทำเพลงให้เขาไม่ครบ แต่จริงๆ ถ้าดูตามสัญญา ตามวันที่หมดอายุสัญญาคือหมดแล้ว ซึ่งการที่หนูทำเพลงให้ไม่ครบ มันไม่ใช่หน้าที่ของหนู คือหนูส่งเพลงให้เขาเป็นสิบเพลง ซึ่งถ้าเขาจะไม่ทำ มันก็คือส่วนของเขาที่เขาต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าเราอยู่ในค่าย นักร้องก็ต้องทำตามคำสั่งของคนที่อยู่สูงกว่า ถ้าเขาไม่ได้สั่งอะไรมาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าเราอยากทำเพลงก็ต้องรอคำสั่งของเขา เราตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ค่ะ”

จากบทเรียนค่ายเพลงเก่าที่เคยไว้ใจ แต่สุดท้ายเกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้ ถามว่าต้องระวังมากขึ้นไหม พลอยชมพูยอมรับว่า “ก็ด้วยค่ะ อีกอย่างคือทำให้เห็นว่าคนที่ขายฝันมีเยอะมาก ต่อให้เป็นคนโปรไฟล์ดีแค่ไหน แต่สุดท้ายการที่ใครจะพูดอะไรออกมากับการกระทำบางทีมันสวนทางกันได้ บางทีศักยภาพของคนบางคนมันไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ที่ดี มันอาจจะสวนทางกันค่ะ”

กับโอกาสที่ได้รับในวงการบันเทิงต่างๆ มามากมาย และผ่านเรื่องราวร้ายๆ ทั้งที่อายุยังน้อย นักร้องสาววัยรุ่นบอกว่า “มันรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตในด้านการทำงานค่อนข้างเยอะ เป็นจุดนึงที่เราโชคดีที่ได้ประสบการณ์เหล่านี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เราได้เรียนรู้ในการรับผิดชอบตัวเองและคนรอบข้างได้เร็วขึ้น รู้สึกว่าเป็นข้อดีในจุดนี้ด้วย อาจจะเครียดบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่คิดว่ามีข้อดีของมันด้วย”

ยูทูบเบอร์

อีกหนึ่งบทบาทของพลอยชมพูที่หลายคนคุ้นเคย คือการเป็นยูทูบเบอร์ ซึ่งทุกวันนี้มีคนกด Subscribe กว่า 3.95 ล้าน พลอยชมพูบอกว่า จริงๆ เริ่มทำช่วงที่เริ่มเป็นศิลปินฝึกหัดค่ายแกรมมี่ เป้าหมายแรกคืออยากทำเพลงสากล ชอบติดตามศิลปินสากลอยู่แล้ว เลยอยากทำให้มีความสากล จะเน้นคัฟเวอร์เพลงสากลมากกว่า อาจมีเพลงไทยบ้าง ก็ทำกันแค่ 2 คนแม่ลูก ลงทุนกันเอง ช่วงแรกคุณแม่เป็นคนตัดต่อ ใช้ไอแพดถ่ายคลิป มีลงทุน Sound Recording ไปที่ห้องอัด ก็ทำมาพักนึง จนผ่านไปครึ่งปีถึงมีเพลงแรกที่เป็นไวรัลจริงๆ พอทำไปเรื่อยๆ ก็มีเพลงไวรัลบ้าง จากที่ทำคลิปร้องคัฟเวอร์อย่างเดียว ก็เริ่มทำ Vlog ในช่วง 3-4 ปีหลัง ตอนนี้น่าจะทำมา 10 ปีแล้ว เรียกว่าเป็นยูทูบเบอร์รุ่นบุกเบิกก็ว่าได้

พอถามว่า สิ่งที่ทำให้คนกดติดตามยูทูบของพลอยชมพูคืออะไร นักร้องสาวนิ่งคิดก่อนบอกว่า “ตอนนั้นหนูไม่ได้เป็นคนที่ร้องเพลงเก่งมาก ในความรู้สึกหนู หนูก็คงน่ารักแบบเด็กๆ แต่ในยุคนั้นคือเราก็ติดตามยูทูบเบอร์หลายคน ซึ่งคนที่หน้าตาดีกว่าเรา เสียงดีกว่าเราก็มีเยอะ อาจจะส่วนหนึ่งที่เราขยันอัปคลิป พยายามหาเพลงที่มีกระแส ทำโปรดักชันของเราให้ดีขึ้น คนก็เริ่มเห็นความพยายาม ติดตามว่าจะมีเพลงอะไรบ้าง คือช่วงแรกๆ ก็มีติการร้องเยอะเหมือนกัน พยายามปรับปรุงพัฒนาตนเอง พอเรามีการพัฒนาขึ้นมาบ้าง อาจจะยังร้องไม่เก่ง แต่คนอาจเห็นว่ามีอะไรน่าติดตาม แต่ก็น่าจะแล้วแต่คนด้วยว่าเขาติดตามหนูที่อะไร (หัวเราะ)”

ปัจจุบันยูทูบกลายเป็นแหล่งทำเงินในโลกออนไลน์อีกทาง ถามว่ามองวงการยูทูบเบอร์ยังไง พลอยชมพูเผยว่า “เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะจากตอนเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หนูคิดว่ายูทูบเป็นอีกหนึ่งในสื่อหลัก เพราะคนเดี๋ยวนี้การเสพสื่อแตกต่างกัน คนอาจจะดูทีวีน้อยลง หันมาดูยูทูบกันมากขึ้น เพราะยูทูบดูเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้ มันก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทุกคน ซึ่งทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ทีวีก็ลงที่ยูทูบมากขึ้น แต่ก่อนแพลตฟอร์มเป็นของครีเอเตอร์รายบุคคล ก็เริ่มมีบริษัทที่ทำยูทูบมากขึ้น พื้นที่ในการเข้าถึงของครีเอเตอร์ของบุคคลอาจน้อยลงในส่วนนี้”

จากนั้นพลอยชมพูแนะนำคนที่อยากทำแชนแนลยูทูบของตัวเองไว้ว่า “จริงๆ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่คนมาถามหนูว่า เขาอยากทำช่อง แต่เขาไม่กล้าทำเพราะกังวลโน่นนี่นั่น หนูอยากให้กำลังใจว่าให้ทำเลย ถึงแม้ว่าเริ่มต้นอาจจะตะกุกตะกัก โปรดักชันอาจยังไม่ดีเท่าไร แต่ว่าถ้าเราทำไปแล้วมีการพัฒนา มันสามารถไปได้ไกลได้ ถ้าเรามีแพชชันและทุ่มเทกับมันค่ะ อยากให้ลงมือทำ ถ้าคิดแล้วก็ทำเลยค่ะ”

ฝันที่อยากทำ

พลอยชมพูเผยถึงความฝันที่อยากทำ คือการทำอัลบั้มด้วยตัวเอง ซึ่งนักร้องสาวบอกว่า “จริงๆ ปีนี้ก็อยากทำเพลงให้มากขึ้นถ้าเป็นไปได้ ถ้ามีเงินมากพอก็อยากทำอัลบั้มเลย ปีนี้หนูตั้งใจอยากทำเพลงไทยจริงๆ เพราะว่าเราห่างหายจากตรงนั้นมานานมากๆ ช่วงที่เราอยู่มาเลเซียก็เหมือนเราอินกับเพลงไทย ไม่ได้เสพเพลงไทยใหม่ๆ ไปฟังเพลงไทยเก่าๆ ที่เรารู้จักแล้วรู้สึกว่าเออ...คิดถึงตอนที่เราทำเพลงไทยเหมือนกัน (หัวเราะ)

พอกลับมาเราอยากจะทำเพลงไทยให้มากขึ้น แต่ว่าให้มันเป็นตัวเองและมีความเป็นอินเตอร์ในส่วนแรงบันดาลใจ Influence ต่างๆ ที่เราได้รับมาจากเพลงสากล อยากเอามาผสานกับเพลงไทยที่เราอยากจะทำด้วยค่ะ ถ้ามีเงินทุนมากพอก็ทำปีนี้ค่ะ (หัวเราะ) ทุกอย่างอยู่ที่เงินทุน หนูเป็นคนที่ถ้าคิดจะทำอะไร ถ้าทำได้ตอนนี้หนูก็ทำเลย ใจร้อน (ยิ้ม)

ช่วงที่ผ่านมาหนูแต่งเพลงรอไว้เยอะมาก พอดีกับปีนี้ที่เรามีอิสระแล้ว สามารถทำอะไรก็ได้ ตอนนี้วางแผนเพลงต่างๆ ว่าเพลงไหนที่เราคัดมาแล้วว่าน่าจะเป็นซิงเกิลได้ เหลือแค่โปรดักชันต่างๆ ทั้งในส่วนเพลงและเอ็มวี มันขาดแค่เงินทุนเท่านั้นเอง เนื่องด้วยความที่เพิ่งสิ้นสุดสัญญาค่าย ช่วงที่ผ่านมาไม่มีงานอะไร รายได้ไม่มีมาเกือบ 2 ปี แล้วมีเรื่องฟ้องร้องอีก มันก็จะเหนื่อยในช่วงนี้นิดนึง แต่ก็มีความสุขในการทำงาน เพราะมีอิสระในการทำงาน รับงานอะไรก็ได้”

ปิดท้ายพลอยชมพูฝากถึงแฟนๆ ที่คอยติดตามและให้กำลังใจมาตลอดว่า “อยากจะขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ส่งกำลังใจกันมานะคะ ทั้งใน DM หรือคอมเมนต์ต่างๆ เราพยายามอ่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำให้มีกำลังใจในการทำผลงานต่อไป ถึงแม้เราจะเหนื่อยบ้าง แต่พอเรารู้ว่ามีคนให้กำลังใจและสนับสนุนเราก็มีกำลังใจในการสู้ต่อไปค่ะ ก็ขอฝากผลงานเพลง "Location" ตอนนี้สามารถติดตามได้ที่ยูทูบแชนแนล Jannine Weigel ถ้าในสตรีมมิงสามารถฟังได้จะมาแจ้งในโซเชียลของพลอยชมพูทั้งทางไอจี ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก TikTok ในชื่อ Jannine Weigel นะคะ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : Jannine Weigel
กราฟิก : Varanya Phae-araya